อัฟกันระทึก! มือปืนบุกยิงทารก-แม่ดับ 16 ศพกลางรพ.คาบูล บึ้มงานศพ ‘ผบ.ตำรวจ’ ตายเกลื่อนอีก 24 ศพ-เจ็บอื้อ

Loading

เจ้าหน้าที่ความมั่นคงอัฟกันอุ้มทารกน้อยคนหนึ่งออกมาจากโรงพยาบาลในกรุงคาบูล ซึ่งถูกกลุ่มติดอาวุธโจมตีเมื่อวันที่ 12 พ.ค. รอยเตอร์ – กลุ่มติดอาวุธซึ่งแต่งกายคล้ายตำรวจบุกกราดยิงแม่และทารกแรกคลอดเสียชีวิต 16 รายที่แผนกสูติกรรมของโรงพยาบาลในกรุงคาบูล ซึ่งบริหารงานโดยองค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (MSF) เมื่อวานนี้ (12 พ.ค.) และในวันเดียวกันยังเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีงานศพผู้บัญชาการตำรวจที่จังหวัดนันกาฮาร์ (Nangahar) ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รัฐบาลและสมาชิกรัฐสภาคนหนึ่งไปร่วมงาน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 24 ราย บาดเจ็บอีก 68 ราย SITE ซึ่งเป็นองค์กรที่ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้าย ระบุว่า กลุ่มรัฐอิสลามโคราซาน (Islamic State Khorasan) ซึ่งเป็นเครือข่ายของไอเอสในอัฟกานิสถานได้ออกมาอ้างผลงานสำหรับเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่นันกาฮาร์ ส่วนปฏิบัติการโจมตีโรงพยาบาลคาบูลนั้นยังไม่มีกลุ่มใดอ้างความรับผิดชอบ ตอลิบานซึ่งเป็นกลุ่มอิสลามิสต์รายใหญ่ที่ก่อความไม่สงบในอัฟกานิสถานปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีทั้ง 2 จุด โดยยืนยันว่าได้ยุติการโจมตีเมืองใหญ่ๆ แล้วตามเงื่อนไขข้อตกลงที่ทำร่วมกับสหรัฐฯ เหตุยิงถล่มโรงพยาบาลเกิดขึ้นในช่วงเช้าวานนี้ (12) โดยมีมือปืนอย่างน้อย 3 คนสวมเครื่องแบบคล้ายตำรวจบุกเข้าไปที่โรงพยาบาล ดัชต์-อี-บาร์ชี จากนั้นก็เริ่มขว้างปาระเบิดมือและกราดยิงใส่ผู้คนแบบไม่เลือกหน้า ก่อนที่หน่วยความมั่นคงจะวิสามัญฯ คนร้ายทั้งหมดได้ในช่วงบ่าย “คนร้ายยิงใส่ผู้คนในโรงพยาบาลอย่างไร้เหตุผล ที่นี่เป็นโรงพยาบาลของรัฐ จึงมีประชาชนพาภรรยาและลูกมารับการรักษาเป็นจำนวนมาก” รามาซาน อาลี พ่อค้าที่ขายของอยู่ใกล้ๆ โรงพยาบาลขณะเกิดเหตุ ระบุ โรงพยาบาลขนาด…

FBI เผย ‘แฮกเกอร์จีน’ พยายามล้วงข้อมูลงานวิจัย ‘วัคซีนต้านโควิด-19’

Loading

เอเอฟพี – สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงไซเบอร์เชื่อว่าแฮกเกอร์จีนกำลังพยายามขโมยข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ สื่อมะกันรายงานวานนี้ (11 พ.ค.) หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์เนิลและนิวยอร์กไทม์สรายงานว่า เอฟบีไอและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ มีแผนออกหนังสือเตือนเกี่ยวกับปฏิบัติการของแฮกเกอร์จีน ในขณะที่รัฐบาลและบริษัทเอกชนทั่วโลกกำลังเร่งคิดค้นวัคซีนที่สามารถป้องกันโควิด-19 ได้ ทั้งนี้ เชื่อว่าแฮกเกอร์จีนกำลังพุ่งเป้าไปที่ข้อมูลและทรัพย์สินทางปัญญาเกี่ยวกับวิธีรักษาและการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อ้างว่าจารชนไซเบอร์กลุ่มนี้มีส่วนเชื่อมโยงถึงรัฐบาลจีน และคาดว่าจะมีคำเตือนออกมาอย่างเป็นทางการภายในอีกไม่กี่วัน จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน รีบออกมาปฏิเสธข้อครหาดังกล่าว โดยยืนยันว่ารัฐบาลปักกิ่งต่อต้านการโจมตีทางไซเบอร์ทุกรูปแบบ “เราก็เป็นผู้นำโลกในด้านการรักษาและคิดค้นวัคซีนต้านโควิด-19 การสร้างข่าวลือมาโจมตีและให้ร้ายจีนโดยปราศจากหลักฐานจึงเป็นสิ่งที่ผิดศีลธรรม” จ้าว ระบุ เมื่อถูกถามถึงรายงานในสื่อชั้นนำทั้ง 2 ฉบับ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยังปฏิเสธที่จะยืนยัน แต่บอกว่า “มีเรื่องอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับจีนอีกล่ะ? มีอะไรใหม่เหรอ? บอกผมมาสิ ผมไม่แฮปปี้กับจีนเลย” “เรากำลังตามดูพวกเขาอย่างใกล้ชิด” ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวเสริม ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานว่า แฮกเกอร์ซึ่งมีรัฐบาลหนุนหลังในอิหร่าน, เกาหลีเหนือ, รัสเซีย และจีน ทำกิจกรรมมุ่งร้ายที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดใหญ่ (pandemic) ตั้งแต่การเผยแพร่เฟคนิวส์เรื่องไปจนถึงการเล่นงานนักวิทยาศาสตร์และบุคลากรทางการแพทย์ นิวยอร์กไทม์สชี้ว่า คำเตือนที่ออกมาอาจนำไปสู่ปฏิบัติการโจมตีตอบโต้โดยหน่วยงานของสหรัฐฯ ที่รับผิดชอบด้านสงครามไซเบอร์…

อดีตทหารอเมริกันรับจ้างสารภาพเตรียมบุกยึดสนามบินคาราคัส คุมตัว “มาดูโร” – ที่ปรึกษา “กวยโด” รับเซ็นสัญญาจ้าง บ.มะกันล้มรัฐบาลเวเนฯ

Loading

รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้ (6 พ.ค.) ทหารรับจ้างอเมริกันอดีตหน่วยรบพิเศษกรีนเบอเรต์ที่เชื่อว่าทำงานให้กับ บ.ทางการทหารสหรัฐฯ ซิลเวอร์คอร์ป ยูเอสเอ “ลุค เดนแมน” ยอมรับกลางอาการศทางทีวีเวเนซุเอลาว่า เขาและทีมวางแผนจับตัวประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร จริง ชี้รับหน้าที่ยึดสนามบิน ด้านที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน ฮวน กวยโด ยืนยันกับ CNN ลงนามข้อตกลงกับ บ.ซิลเวอร์คอร์ป ยูเอสเอ มูลค่า 212.9 ล้านดอลลาร์ แต่อ้างว่ายังไม่สิ้นสุดและกวยโดไม่เห็นด้วย เป็นการทำข้อตกลงเพื่อจับกุมตัวสมาชิกในรัฐบาลมาดูโรเพื่อนำพวกเขารับโทษทางกฎหมาย ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอ ประกาศที่จะใช้ทุกช่องทางเพื่อเอาตัวพลเมืองสหรัฐฯ กลับบ้าน รอยเตอร์รายงานวันนี้ (7 พ.ค.) ว่า ในช่วงระหว่างการสอบปากคำทางโทรทัศน์เวเนซุเอลาเมื่อวานนี้ (6) “ลุค เดนแมน” (Luke Denman) วัย 34 ปี ทหารอเมริกันรับจ้างอดีตทหารหน่วยรบพิเศษกรีนเบอเรต์ของสหรัฐฯ เขายอมรับว่าบริษัททางการทหาร ซิลเวอร์คอร์ป ยูเอสเอ (Silvercorp USA) ที่มีฐานอยู่ในรัฐฟลอริดาได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 212.9…

สหรัฐฯ ส่งเรือพิฆาต ประชิดรัสเซีย รมต.กลาโหมสหรัฐฯ บอกต้องทำ เพราะถูกท้าทายบ่อยครั้ง

Loading

ในสถานการณ์ที่โควิด-19 กำลังระบาดไปทั่วทุกมุมโลก หลายประเทศจำเป็นที่จะต้องทุ่มทุกสรรพกำลังไปต่อสู้กับโควิด-19 แต่ทว่าทางด้านสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าในการก่อกวนประเทศอื่นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสื่อต่างประเทศรายงานข่าว ถึงความเคลื่อนไหวของกองทัพเรือสหรัฐฯ เมื่อวันที 3 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยกองทัพเรือสหรัฐฯ ส่งเรือ 4 ลำ ไปปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงในแถบวงกลมอาร์กติกที่ทะเลแบเรนต์ส ทางตอนเหนือของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี ที่สหรัฐฯ ได้ส่งกองทัพเรือไปยังพื้นที่ดังกล่าว กองทัพเรือสหรัฐฯ โดยทางด้าน พล.ร.ท.หญิง ลิซา ฟรานเชตติ ให้ข้อมูลว่า กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ส่ง เรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี 3 ลำ, เรือสนับสนุน 1 ลำ และเรือฟริเกตจากราชนาวีอังกฤษอีก 1 ลำ ได้ร่วมกันปฏิบัติภารกิจในน่านน้ำอาร์กติกเพื่อสำแดงเสรีภาพในการเดินเรือ และแสดงให้เห็นถึงบูรณภาพที่ไร้รอยต่อระหว่างชาติพันธมิตร กองทัพเรือสหรัฐฯ สหรัฐอเมริกาไม่ได้ส่งเรือผิวน้ำเข้าไปยังทะเลแบเรนต์สมาตั้งแต่กลางทศวรรษ 1980 นอกจากนั้นทางด้านกองทัพเรือสหรัฐฯ ยืนยันความจำเป็นที่จะต้องฝึกกองกำลังทางเรือให้มีความคุ้นเคยกับภูมิประเทศแถบนี้ เนื่องจากเวลานี้อยู่ในสถานการณ์ที่สหรัฐฯ ถูกท้าทาย ดังนั้น การปฏิบัติภารกิจให้ทั่วน่านน้ำยุโรปอย่างสม่ำเสมอ มีความจำเป็นยิ่งกว่าเดิม พล.ร.ท.หญิง ลิซา ฟรานเชตติ…

ซัดกันคนละหมัด

Loading

โดย…ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์ สงครามข่าวสารระหว่างจีนและสหรัฐยังดำเนินไปอย่างเผ็ดร้อน และยังไม่มีท่าทีว่าจะจบลงง่ายๆ หรือจบไม่ลง เพราะการที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่า ตนเองเป็นผู้แพร่เชื้อไข้หวัดมรณะ “โควิด 19” นั้น คงเป็นไปไม่ได้ แม้ว่า เวลานี้จีนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะกลายเป็น “จำเลย” ในสังคมโลก ซึ่งรู้กันอย่างเปิดเผยว่า ไวรัสโควิด 19 เกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น และสุดท้ายเผยแพร่ไปยังทั่วโลกในขณะนี้ ในขณะที่ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะสหรัฐและสหภาพยุโรปต่างชี้หน้ามาที่จีนว่าเป็นตัวการที่แพร่กระจายเชื้อโควิด 19 ไปทั่วโลก จีนยอมรับว่าจริงที่เชื้อนี้เกิดขึ้นที่จีนแต่เชื้อโรคร้ายที่ถูกตัดแต่งพันธุกรรมโดยมนุษย์ถูกแอบนำมาปล่อยในจีนเพื่อชะลอการเจริญเติบโตของจีน และกล่าวหาว่า สหรัฐนั่นแหละที่เป็นคนแอบเอาเชื้อนี้มาปล่อยในจีนจนระบาดไปทั่ว และเพื่อให้ดูมีน้ำหนักมากขึ้น จีนได้ฟ้องต่อศาลระหว่างประเทศว่า สหรัฐเป็นตัวการที่เอาเชื้อนี้มาปล่อยในจีน ส่วนผลจะออกมาอย่างไร คงใช้เวลาเป็นปี ในขณะเดียวกัน ผู้ว่าการรัฐหนึ่งในสหรัฐได้ฟ้องต่อศาลสูงสุดของสหรัฐกล่าวหาจีนว่า เป็นต้นตอทำให้คนอเมริกันตายและติดเชื้อโควิด 19 ซึ่งคงเป็นการฟ้องเพื่อหวังผลการเลือกตั้งในประเทศมากกว่า ส่วนศาลสูงสหรัฐจะพิจารณาคดีนี้อย่างไรเพราะจีนซึ่งเป็นจำเลยคงไม่มาชี้แจง ถ้ามาก็เท่ากับยอมรับอำนาจศาลของอเมริกา สุดท้าย ศาลก็คงพิจารณาฝ่ายเดียวว่าจีนผิด สังคมประชาธิปไตยแบบสหรัฐนี่ดีอย่างเพราะทุกอย่างต้องโปร่งใส คนอเมริกันและคนทั่วโลกเข้าถึงข้อมูลต่างๆ หลายที่หาจากที่อื่นไม่ได้ เมื่อกลางเดือนมีนาคม 2563 มีบทความในรูปวิดีโอชื่อ “ความจริงทั้งหมด” หัวข้อเรื่อง “คำร้องขอข้อมูลของฟอร์ด ดิทริค” เขียนโดย เกรซ ไบร์ด ได้จัดลำดับเหตุการณ์เด่นๆ ที่นำไปสู่บทสรุปที่ว่า เชื้อไวรัสโควิด 19 รั่วไหลออกมาจากห้องปฏิบัติการอาวุธชีวภาพของซี.ไอ.เอ. จนศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี) ต้องปิดห้องปฏิบัติการและยุติโครงการดังกล่าว และกำลังสืบสวน…

การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา: ปัจจัยเสริมอุดมการณ์พวกสุดโต่ง

Loading

ที่มาภาพ: https://edition.cnn.com/2020/04/07/politics/national-security-warning-coronavirus-extremism/index.html National security officials warn of extremists exploiting coronavirus pandemic By David Shortell, CNN Updated 0032 GMT (0832 HKT) April 8, 2020 Written by Kim ผลร้ายที่ตามมาของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) มีแนวโน้มเป็นปัจจัยส่งเสริมอุดมการณ์สุดโต่งทุกประเภท โดยกลุ่มสุดโต่งทางศาสนา (religious extremists) กลุ่มหัวรุนแรงฝ่ายซ้าย (radical left-wing groups) และพวกคนขาวผู้สูงส่ง (white supremacists) ต่างเห็นโอกาสที่จะเสริมพลังอุดมการณ์และเรื่องเล่าในการอธิบายแนวทางจัดการไวรัสโคโรนาของตน ขณะที่มาตรการสอดส่องตรวจตราประชาชนด้วยเทคโนโลยีสอดแนมก่อให้เกิดความรู้สึกถึงโลกที่ไม่พึงปราถนาซึ่งปกครองด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จ ในอนาคตผู้ก่อการร้ายอาจฉวยใช้เทคโนโลยีจัดส่งสิ่งของ เช่น เครื่องบินไร้คนขับ (drone) เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ในการก่อการร้ายต่อไป           การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เปิดโอกาสให้ผู้ก่อการร้ายและพวกหัวรุนแรงสุดโต่งเสริมสร้างความรุนแรงให้กับเรื่องเล่าของตน หลังการแพร่ระบาดจะนำไปสู่ความคับข้องใจครั้งใหม่ ซ้ำเติมความทุกข์ยากเดิมอย่างลึกซึ้งจากเรื่องเชื้อชาติ ศาสนาไปจนถึงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ความไร้เสถียรภาพถูกทำให้ลุกเป็นไฟด้วยการกระจายข้อมูลบิดเบือน (disinformation) ที่ออกแบบมาเพื่อหว่านแพร่ความสับสนวุ่นวาย ขณะเดียวกันแสวงประโยชน์จากความแตกแยกและกระตุ้นให้เกิดการแบ่งขั้วเป็นฝักเป็นฝ่าย[1]           พวกสุดโต่งทางศาสนาพยายามสร้างภาพการแพร่ระบาดว่า…