อังกฤษเรียกข่าวโควิด-19 ระบาดมากับ 5G “ข่าวปลอมไร้สาระแต่อันตราย!”

Loading

ทางการอังกฤษระบุว่า ข่าวลือในลักษณะทฤษฎีสมคบคิด ที่ระบุว่าเครือข่ายโทรคมนาคมความเร็วสูง 5G มีความเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นั้น เป็นข่าวปลอม และเป็นอันตรายอย่างยิ่ง รัฐมนตรีประจำคณะรัฐบาลอังกฤษ ไมเคิล โกว์ฟ กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวไร้สาระ แต่ก็มีอันตรายแฝงมาด้วย หลังจากที่มีเสาส่งสัญญาณ 5G บางแห่งถูกเผาและทำลาย ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และพนักงานของบริษัทโทรคมนาคมบางแห่งถูกข่มขู่คุกคาม ในแถบตอนกลางและตอนเหนือของอังกฤษ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ เสาส่งสัญญาณแห่งหนึ่งที่เมืองเบอร์มิงแฮม ของบริษัท BT ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษ ถูกเผาเสียหายเมื่อไม่กี่วันก่อน หลังจากมีข่าวลือแพร่สะพัดว่า เชื้อโควิด-19 อาจเกี่ยวข้องกับสัญญาณอินเทอร์เน็ต 5G แม้ว่าเสาดังกล่าวที่ถูกเผาจะส่งสัญญาณเฉพาะ 2G 3G 4G แต่ไม่ใช่ 5G ก็ตาม ผอ.สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ กล่าวว่า ข่าวปลอมที่ว่านี้ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ มารองรับ แต่กลับมีคนเชื่อจริงจัง และสร้างปัญหาต่อระบบสื่อสารในยามที่ต้องการใช้เพื่อติดต่อกรณีเร่งด่วน ซึ่งรวมถึง เครือข่ายโทรศัพท์ที่บรรดาเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินและบุคลากรทางการแพทย์ต้องใช้ในช่วงที่กำลังเิกดการระบาดของโคโรนาไวรัสในขณะนี้ด้วย ————————————————- ที่มา : VOA Thai / 6 เมษายน 2563…

สงครามข่าวสารกับโควิด 19

Loading

โดย…ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์ นักภูมิรัฐศาสตร์ฝรั่งสมัยก่อนกล่าวว่า “ใครคุมใจกลาง (Heartland) ของแผ่นดินได้ คนนั้นครองโลก” ซึ่งเรียกกันว่า “ทฤษฎีฮาร์ตแลนด์ กับริมแลนด์” ต่อมา มีนักภูมิรัฐศาสตร์ฝรั่งเช่นกันมองกลับกันว่า “ผู้ที่คุมชายขอบแผ่นดิน (Rimland) ต่างหาก ที่จะครองโลก” นักภูมิรัฐศาสตร์ฝรั่งขณะนั้นมองแผ่นดินยุโรปก็คือโลก ใครครองแผ่นดินใหญ่ยุโรปได้ ก็เท่ากับครองโลกนั่นเอง โรมเคยเป็นศูนย์กลางโลกที่ขยายอาณาเขตยึดครองยุโรปได้ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ตะวันออกจรดตะวันตก สมัยฮิตเลอร์ก็เคยยึดยุโรปได้เกือบทั้งหมด ส่วนนักภูมิรัฐศาสตร์ฝรั่งที่กล่าวไว้ในเวลาต่อมาว่า ใครคุมชายขอบของแผ่นดินได้ก็เท่ากับครองโลก นักคิดกลุ่มนี้ก็ไม่ผิดเหมือนกัน ซึ่งต่อมา อัลเฟรด เทเยอร์ มาฮาน ได้กล่าวไว้ว่า “ใครคุมทะเลได้ก็เท่ากับครองโลก” ประเทศที่ติดทะเลเช่น สเปน โปรตุเกส อังกฤษ ฝรั่งเศส ฮอลันดา มีกองเรือขนาดใหญ่ออกไปสำรวจดินแดนใหม่ ค้าขายต่างประเทศ และมีอาณานิคมซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญมากมาย เมื่ออเมริกาถือผงาดขึ้นในขณะที่ชาติมหาอำนาจทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ง่อยเปลี้ยลง คริสต์ศตวรรษที่ 20 จึงเป็นศตวรรษของอเมริกาแต่ผู้เดียว ศูนย์กลางของโลกมารวมศูนย์อยู่ที่สหรัฐที่เป็นทั้งฮาร์ตแลนด์และริมแลนด์ คุมสองฝั่งมหาสมุทรโดยเวลานี้ให้น้ำหนักมากที่ “ทรานส์แปซิฟิค” มากกว่า ทรานส์แอตแลนติค” เช่นสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง สมัยสงครามเย็น ใครครองโลกเขาจะวัดกันด้วยพลังทางการทหาร ใครมีอาวุธนิวเคลียร์ จรวดติดหัวรบนิวเคลียร์ ใครครองอวกาศได้มากน้อยกว่ากัน หลังสงครามเย็นเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์ โลกยุคนี้วัดกันด้วยพลังทางเศรษฐกิจ จึงเกิด “สงครามเศรษฐกิจ” และ “สงครามการค้า” เป็นครั้งคราว ประเทศไหนมีพลังอำนาจมากก็เป็นผู้ “จัดระเบียบโลก” แต่บางครั้งบางคราวธรรมชาติก็มาช่วยจัดระเบียบโลกให้กับมนุษย์ด้วย เช่น ครั้งนี้เป็นต้น…

แจ้งเตือน อย่าตกเป็นเหยื่อฟิชชิ่งหลอกว่าแจกคูปองดู Netflix ฟรีช่วง #COVID19 ระบาด อาจถูกแฮกบัญชีได้

Loading

พบรายงานการโจมตีแบบฟิชชิ่งซึ่งเป็นการสร้างเว็บไซต์ปลอมเพื่อหลอกขโมยข้อมูล โดยผู้ไม่หวังดีจะโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดียหรือส่งลิงก์มาทางโปรแกรมแช็ทเพื่อหลอกว่า Netflix ได้เปิดให้ผู้ใช้สมัครคูปองเพื่อดูหนังได้ฟรีในช่วงที่มีเหตุการณ์ไวรัสโคโรน่าหรือ COVID-19 แพร่ระบาด โดยในข้อความที่ส่งมานั้นจะปรากฎ URL ของเว็บไซต์ที่จดชื่อโดเมนให้ใกล้เคียงกับชื่อเว็บไซต์จริงของ Netflix พร้อมระบุด้วยว่าโปรโมชั่นนี้มีระยะเวลาจำกัด จึงอาจทำให้เหยื่อหลงเชื่อรีบคลิกเข้าไปยังลิงก์ดังกล่าวโดยไม่ได้ตรวจสอบ หากคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ฟิชชิ่งดังกล่าว จะพบหน้าจอหลอกให้เล่นเกมตอบคำถามเพื่อชิงรางวัล โดยในขั้นตอนสุดท้ายจะพบกับหน้าจอขอให้ยืนยันบัญชี โดยในหน้าจอนี้นอกจากจะหลอกขโมยรหัสผ่านบัญชี Netflix แล้วยังหลอกให้แชร์หน้าฟิชชิ่งนี้ต่อให้กับเพื่อนๆ ในโซเชียลด้วย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเว็บไซต์ทางการของ Netflix ยังไม่พบประกาศเรื่องการแจกคูปองเพื่อให้ดูหนังได้ฟรีในช่วงที่มีไวรัสระบาด ในช่วงเหตุการณ์ลักษณะนี้ผู้ไม่หวังดีมักฉวยโอกาสในการโจมตีหรือหลอกลวงผู้ที่ได้รับผลกระทบ หากผู้ใช้พบการส่งต่อข้อความในลักษณะที่อ้างว่าเป็นการแจกคูปองให้ใช้บริการฟรี หรือพบการส่งลิงก์ที่ไม่ได้พาไปยังเว็บไซต์จริงของบริการนั้นๆ ควรตรวจสอบให้แน่ในก่อนคลิกหรือก่อนกรอกข้อมูล เพื่อที่จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ ——————————————— ที่มา : ThaiCERT / 25 มีนาคม 2563 Link : https://www.thaicert.or.th/newsbite/

จำนวนอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มสูงขึ้น เมื่อคนเริ่มทำงานจากที่บ้าน

Loading

เนื่องจากสถานการณ์ของ COVID-19 ที่ยังคงน่าวิตกกังวล หลายประเทศรวมถึงประเทศไทยได้เริ่มมีนโยบาย Social Distance แปลไทยตรงๆ ก็ “ระยะทางสังคม” คือ ลดการพบปะเจอกัน ระงับกิจกรรมที่คนมารวมตัวกัน เพื่อลดอัตราการแพร่ของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ตอนนี้จำนวนยอดผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การทำงานจากที่บ้าน (Remote Working) เป็นนโยบายที่ตอนนี้หลายบริษัทเริ่มประกาศใช้ หรือโรงเรียน มหาวิทยาลัยต่างๆ ก็เริ่มสอนแบบออนไลน์แทน (Online classes) ซึ่งไม่ว่าจะการเรียน หรือการทำงาน ก็จะต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่ ปัญหาที่ตามมา คือ ความเสี่ยงด้านอาชญากรรมด้านไซเบอร์ (Cybercrime) ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นตามไปด้วยเป็นเงาตามตัว จากปัญหาของ COVID-19 ทำให้บริษัทส่วนใหญ่จำเป็นต้องเร่งใช้มาตรการให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน โดยใช้ซอฟต์แวร์ต่างๆ เข้ามาช่วย แฮกเกอร์ก็อาศัยจังหวะนี้ในการโจมตีเหยื่อที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมากนัก แม้การทำงาน หรือเรียนแบบออนไลน์จะไม่ใช่เรื่องใหม่ อย่างไรก็ตาม การที่ปริมาณของจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นมากอย่างกะทันหันย่อมทำให้แฮกเกอร์มีโอกาสโจมตีมากขึ้น จากเดิมที่พนักงานเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจากเครือข่ายในบริษัทที่มีทีมไอทีคอยดูแล ถูกเปลี่ยนไปเชื่อมต่อจากอินเทอร์เน็ตในบ้านที่มีความปลอดภัยต่ำกว่า หรือคอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยเทียบเท่ากับในองค์กร ความห่างไกลจากเพื่อนร่วมงานก็มีผลด้วยเช่นกัน ในที่ทำงานเมื่อคุณเจอปัญหาอย่างมีอีเมลแปลกๆ หรือหน้าต่างลิงก์น่าสงสัยที่คุณไม่แน่ใจปรากฏขึ้นมา คุณอาจจะถามเพื่อนก่อน หรือหากคลิกไป ระบบรักษาความปลอดภัยของบริษัทก็ช่วยป้องกันเอาไว้ได้ แต่เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่บ้านมันอาจไม่เป็นเช่นนั้น นักวิจัยด้านความปลอดภัยระบุว่า ในระยะเริ่มต้นแฮกเกอร์จะอาศัยประโยชน์จากความหวาดกลัวที่คนมีต่อไวรัส COVID-19 ในการหลอกล่อให้เหยื่อติดกับ…

คนเอเชียในสหรัฐแห่ซื้อปืนป้องกันตัว หลังถูกคนทำร้ายอ้างว่าแพร่ไวรัส

Loading

หลายๆ คนเพิ่งจะมีปืนครั้งแรกในชีวิต แต่เพราะกลัวความปลอดภัยของตัวเองจึงต้องรีบมาซื้อไว้ สำนักข่าว South China Morning Post รายงานว่าในแคลิฟอร์เนียและวอชิงตัน ประเทศสหรัฐซึ่งเป็นรัฐที่มีการระบาดจุดแรกๆ แบะรุนแรงที่สุด มีชาวเอเชียน-อเมริกันต่างไปซื้อหาปืนมาครอบครองไว้เป็นจำนวนมาก หลายคนเพิ่งจะมีปืนเป็นครั้งแรกในชีวิต เพราะกลัวความปลอดภัยของพวกเขา เนื่องจากชาวเอเชียในสหรัฐถูกคุกคามหนักมากขึ้น ฐานถูกเหยียดว่าเป็นตัวแพร่ไวรัส มีรายงานว่า มีเหตุทำร้ายชาวเอเชียในนครลอสแองเจลิส ซานฟรานซิสโก นิวยอร์ก และเมืองต่างๆ ทั่วโลกนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 19 มีนาคมกลุ่มพันธมิตรของเอเชียน-อเมริกันที่อยู่ในแคลิฟอร์เนียเพิ่งจะเปิดตัวหน้าเว็บที่ผู้คนสามารถรายงานอาชญากรรมการทำร้ายคนเอเชียที่เกี่ยวข้องกับไวรัส ปรากฎว่าภายใน 24 ชั่วโมงมีรายงานเข้ามามากกว่า 40 รายงาน South China Morning Post ได้สัมภาษณ์ผู้ค้าปืนชาวเอเชียน-อเมริกันที่ชื่อ หลิวซึ่งบอกว่า ยอดขายของเขาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 10,000 เหรียญสหรัฐต่อวันในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่ายอดขายตลอดช่วง 6 เดือนของปีที่แล้ว หลิวประเมินว่า ลูกค้าของเขาประมาณ 80 ถึง 90% เป็นผู้ซื้อปืนครั้งแรก และเริ่มที่จะเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิหลังเป็นชาวเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐซึ่งถูกกล่าวหาว่าเหยียดเชื้อชาติด้วยการเอ่ยถึง COVID-19…

“นีโอนาซี” ในสหรัฐฯวางแผนแพร่โคโรนาไวรัสสู่ ชุมชนยิวและตำรวจ

Loading

FILE – A member of a white supremacy group gives a fascist salute during a gathering in West Allis, Wisconsin, Sept. 3, 2011. สื่อสหรัฐฯสองแห่ง รายงานว่า กลุ่มคนผิวขาวที่เหยียดเชื้อชาติและมีความคิดสุดโต่ง ซึ่งรวมถึงผู้ฝักใฝ่ลัทธินาซีใหม่ (นีโอนาซี) มีแนวคิดให้คนในกลุ่มที่ติดเชื้อโคโรนาไวรัส ใช้โรคร้ายนี้ แพร่ความเจ็บป่วยไปสู่ตำรวจและชาวยิว Yahoo News และ ABC News รายงานว่า สมาชิกเหล่านี้ของกลุ่มความคิดสุดโต่ง ได้รับคำแนะนำว่าให้ใช้นำ้ลาย เป็นอาวุธในการเเพร่เชื้อโควิด 19 ซึ่งอาจทำโดยผ่านการสเปรย์ หรือ ผ่านการป้าย และการปนเปื้อนในรูปแบบต่างๆ สื่ออเมริกันทั้งสองแห่งอ้างข้อมูลข่าวกรองรายสัปดาห์ ของหน่วยงานรักษากฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ABC News กล่าวว่าข้อมูลนี้มาจากสำนักงานสาขานิวยอร์กของหน่วยงานสืบสวนกลางสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอ สำนักข่าวแห่งนี้รายงานด้วยว่า กลุ่มหัวรุนแรงแนะนำให้สมาชิกที่ติดโคโรนาไวรัส แพร่เชื้อโรคที่…