บัตรเครดิตแบบ ‘แตะเพื่อจ่าย’ ใช้งานง่าย แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงเงินหายออกจากบัญชีได้ถ้าไม่ระวัง

Loading

  ไม่นานมานี้ มีการเปิดเผยถึงข้อมูลของการโจมตีด้วยมัลแวร์ Prilex ที่มุ่งจู่โจมไปที่การจ่ายเงินผ่าน บัตรเครดิตแบบ ‘แตะเพื่อจ่าย’ โดยมีเป้าหมายเพื่อขโมยข้อมูลทางการเงินของบัตรเครดิต และนำไปสร้างบัตรเครดิตปลอม (cloning) ที่สามารถใช้งานได้จริง   บัตรเครดิตแบบ ‘แตะเพื่อจ่าย’ (Tap-to-pay Contactless Credit Card) ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจก่อนว่าอะไรคือรูปแบบการชำระเงินด้วย บัตรเครดิตแบบ ‘แตะเพื่อจ่าย’ และมีที่มาอย่างไร   การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส Covid-19 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดการรณรงค์ลดการสัมผัสเพื่อเลี่ยงการติดเชื้อ นำมาสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ทำให้การจ่ายเงินแบบ สแกน QR code พร้อมเพย์ และบัตรเครดิต กลายเป็นที่นิยมอย่างมาก   การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตแบบแตะเพื่อจ่าย เป็นอีกช่องทางที่ได้รับความนิยมเนื่องจากความสะดวกในการใช้งาน ที่เพียงนำบัตรเครดิตของลูกค้าไปแตะบนเครื่องตัดบัตร ยอดเงินก็จะถูกตัดไปชำระค่าบริการทันที   เครื่องตัดบัตรที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากัน ล้วนมีการทำงานโดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารระยะสั้น (Near Field Communication – NFC) ที่ทำงานโดยใช้คลื่นวิทยุไร้สายในการสื่อสารกับวัตถุที่อยู่ใกล้กัน เพื่อทำการรับ-ส่ง ข้อมูลซึ่งกันและกัน  …

เกิดอะไรขึ้น เจอ มัลแวร์ซ่อนในไดรเวอร์ ติดตั้งอัตโนมัติบน Windows

Loading

  สำหรับคนที่อัปเดต Windows รวมทั้งไดรเวอร์ต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ ก็คาดหวังว่าคอมเราจะมีความปลอดภัยแต่ตอนนี้ดันไม่ใช่   ข่าวล่าสุดคือ ไดรเวอร์กว่า 133 ตัว ที่ได้รับการรับรองจาก Microsoft ว่ามีความปลอดภัย ดันมีมัลแวร์แฝงมา ซึ่งมันอันตรายมากเพราะว่า ไดรเวอร์เหล่านี้ดาวน์โหลดและติดตั้งโดย Windows โดยจะไม่ได้แจ้งให้ผู้ใช้ทราบ   หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น Microsoft ได้ทำการบล็อกไดรเวอร์ที่ได้รับผลกระทบ 133 รายการและบัญชีของนักพัฒนาที่เกี่ยวข้องก็ถูกล็อกเช่นกัน   ทั้งนี้ Microsoft ได้แนะนำให้ทุกคนอัปเดต Windows Defender ให้เป็นระบบล่าสุดก่อน จากนั้นให้ทำการสแกนระบบในแบบออฟไลน์ หมายถึงอัปเดตระบบก่อน ถอดสาย Lan หรือปิด Wifi แล้วทำการสแกนเครื่องครับ   ซึ่งไดรเวอร์ที่มีปัญหา จะมีการดาวน์โหลดและติดตั้ง ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคมเป็นต้นมาครับ     ที่มาข้อมูล   pcworld         ————————————————————————————————————————-…

ข้อควรระวัง ‘ChatGPT’ ผู้เชี่ยวชาญระบุมีข้อมูลรั่ว ขายบนเว็บมืดมากที่สุด

Loading

  ข้อควรระวังใช้ ‘ChatGPT’ ผู้เชี่ยวชาญระบุพบข้อมูลรั่วไหลกว่า 1 แสนเครื่องส่วนหนึ่งเป็นข้อมูลจากระบบ chatgpt ถูกโจรกรรมปล่อยขายบนเว็บมืด เอเชียแปซิฟิกข้อมูลหลุดมากที่สุด   “ChatGPT” ระบบปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง หรือ AI ที่ถูกพัฒนาขีดความสามารถให้ตอบสอนได้คล้ายกับมนุษย์มากที่สุด โดย ChatGPT ได้รับการออกแบบมาให้มีการสนทนากับมนุษย์ในลักษณะที่แยกไม่ออกจากการสนทนาระหว่างมนุษย์ ส่งผลให้ที่ผ่านมาโปรแกรมดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างมาก จนมีผู้เชี่ยวชาญออกมาบอกว่าเจ้า “ChatGPT” อาจจะสามารถเข้ามาแทนที่มนุษย์ในบางอาชีพได้เลย   หลังจากที่มีการเปิดตัว “ChatGPT” มีผู้ใช้งานสูงกว่า 50 ล้านคน และคาดว่าจะมีผู้ใช้งานหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะสามารถทำงานได้ดีสามารถตอบได้ทุกข้อสงสัย หากเปรียบเทียบกับการทำงานของ Google นั้นเรียกได้ว่าทำงานได้ละเอียดและสามารถหาข้อมูลที่ซ้ำซ้อนได้มากกว่า อย่างไรก็ตาที่ผ่านมา “ChatGPT” เติบโตอย่างรวดเร็วแซงหน้าแพลตฟอร์มอื่น ๆ แน่นอนว่าการเติบโตของเทคโนโลยีที่รวดเร็วมากขึ้นย่อมส่งผลเสียได้เช่นกัน   ผู้เชี่ยวชาญระบุไว้ว่า แท้จริงแล้ว “ChatGPT” ก็มีข้อเสียที่ควรจะระวัง เพราะที่ผ่านมาความนิยมของแพลตฟอร์มดังกล่าวไปเร็วและแรงมาก เพียงแค่เวลา 2 เดือนกลับมีคนทั่วโลกใช้งานไปแล้วกว่า 50 ล้านคน ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีและดิจิทัลเติบโตไปเร็วมากๆ และแม้ว่าเทคโนโลยีจะทำให้การทำงาน หรือการทำธุรกิจเกิดความได้เปรียบ ต้องทำความเข้าใจว่า…

นายกฯ ออสเตรเลียแนะนำ “ปิดมือถือวันละ 5 นาที” ลดความเสี่ยงการถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้

Loading

  Anthony Albanese นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลียแถลง ในระหว่างการประกาศแต่งตั้งหัวหน้าหน่วยงานดูแลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศ โดยพูดถึงปัญหาและความสำคัญที่มากขึ้น ของการดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ในประเทศ   เนื้อหาตอนหนึ่งเขาบอกว่าการดูแลความปลอดภัยนี้ เป็นสิ่งที่ประชาชนและองค์กรทุกภาคส่วนต้องให้ความร่วมมือ ซึ่งเขาแนะนำวิธีการง่าย ๆ ที่ทำได้ทุกวันนั่นคือ ปิดโทรศัพท์ทุกคืน เป็นเวลา 5 นาที เขาแนะนำว่าอาจทำระหว่างไปแปรงฟันก่อนเข้านอนก็ได้   คำแนะนำนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แม้ไม่ได้การันตีว่าโทรศัพท์จะปลอดภัยจากการถูกโจมตี แต่มัลแวร์จำนวนมากไม่ได้ฝังอยู่ในหน่วยความจำถาวร แต่ทำงานอยู่ในหน่วยความจำเท่านั้น เมื่อบูตเครื่องใหม่มัลแวร์จึงหายไป ผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยไซเบอร์บอกว่า ก็ทำให้ต้นทุนในการดึงข้อมูลของแฮ็กเกอร์ผ่านมัลแวร์ที่มักรันอยู่เบื้องหลัง มีมูลค่าสูงขึ้น และทำได้ลำบากมากขึ้นนั่นเอง     ที่มา: 7News Australia       ————————————————————————————————————————- ที่มา :                    Blognone by arjin         …

66% ของมัลแวร์แพร่ระบาดผ่านไฟล์ PDF ตามข้อมูลรายงานฉบับล่าสุดจาก Unit 42 ของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์

Loading

    ช่องโหว่และรูรั่วต่างๆ ยังคงเป็นวิธีการที่คนร้ายนิยมใช้แพร่กระจายมัลแวร์สู่เป้าหมาย โดยเมื่อปีที่ผ่านมามีความพยายามโจมตีช่องโหว่ต่างๆ เพิ่มขึ้นถึง 55%   กรุงเทพฯ – 12 มิถุนายน 2566 – วันนี้ พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ (NASDAQ: PANW) ผู้นำระดับโลกด้านระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ เปิดเผย รายงานวิจัยแนวโน้มภัยคุกคามบนเครือข่ายฉบับที่ 2 จาก Unit 42 ที่วิเคราะห์ข้อมูลทางไกลทั่วโลกจาก ไฟร์วอลล์รุ่นใหม่หรือ Next-Generation Firewalls (NGFW), Cortex Data Lake, ระบบกรอง URL ขั้นสูง หรือ Advanced URL Filtering และ Advanced WildFire โดยสามารถตรวจพบแนวโน้มภัยคุกคามของมัลแวร์และให้ข้อมูลการวิเคราะห์แนวโน้มมัลแวร์ที่สำคัญส่วนใหญ่ซึ่งกำลังแพร่ระบาดทั่วไปในวงกว้าง   ที่ผ่านมาอัตราการโจมตีช่องโหว่ไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง ในปี 2564 มีความพยายามราว 147,000 ครั้ง และเพิ่มขึ้นเป็น 228,000…

ตำรวจไซเบอร์ เตือนนักท่องเน็ต ระวังมัลแวร์ตัวใหม่ ภัยร้ายบนแอนดรอยด์

Loading

    ตำรวจไซเบอร์ เตือนระวังมัลแวร์ตัวใหม่ “DogeRAT” ภัยร้ายบนระบบแอนดรอยด์ เผย 7 แอปฯ ที่มัลแวร์ชอบฝังตัว เช็กที่นี่   กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) โพสต์เพจเฟซบุ๊ก เตือนภัยมัลแวร์มาใหม่ DogeRAT แฝงตัวบนแอปพลิเคชันระบบแอนดรอยด์ โดยระบุว่า   DogeRAT มัลแวร์ตัวใหม่ ภัยร้ายบนระบบ Android   หลักการทำงานของมัลแวร์ DogeRAT จะมีการโฆษณาบนเว็บไซต์ปลอม หรือแอปฯ ปลอมต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้ดาวน์โหลด เมื่อเผลอทำการติดตั้ง ก็จะทำให้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงิน และเข้าควบคุมโทรศัพท์มือถือที่มัลแวร์ฝังตัวอยู่     7 แอปพลิเคชันที่มัลแวร์ DogeRAT มักนิยมฝังตัว   1. Opera Mini-fast web browser   2. Android VulnScan   3. Youtube…