ระวังมุกใหม่ หาเรื่องทะเลาะบนไลน์ หลอกคลิกลิงก์ เพื่อขโมยเงิน

Loading

ภาพ : ตำรวจสอบสวนกลาง   ระวังมุกใหม่ หาเรื่องทะเลาะบนไลน์ หลอกคลิกลิงก์เพื่อเข้าสู่กลุ่มไลน์ หรือติดตั้งมัลแวร์ เพื่อขโมยเงินและข้อมูลส่วนตัว รูปแบบใหม่ล่าสุดที่มิจฉาชีพทำทุกวิถีทางเพื่อหลอกให้หลงมาคลิกลิงก์ให้ได้   โดยมิจฉาชีพจะทักเข้ามาในไลน์ของเรา โดยแชตแบบเชิงหาเรื่อง ทำให้เราสงสัย กระวนกระวายใจ กลัว หรือไม่สบายใจ เมื่อเราส่งข้อความตอบกลับถาม ก็จะส่งลิงก์มาให้เรากดเข้าไปดู ซึ่งหากหลงเชื่อกดลิงก์เข้าไป อาจถูกมิจฉาชีพดูดเงินจนหมดบัญชีได้ หรือติดตั้งมัลแวร์เพื่อขโมยข้อมูลสำคัญหรือแอบควบคุมบนโทรศัพท์มือถือคุณได้   ดังนั้น หากพบว่ามีบุคคลอื่นไม่รู้จัก น่าสงสัย และมีส่งลิงก์แปลก ๆ มาให้กด ไม่ควรกดลิงก์นั้นเด็ดขาด และควร block ทันทีหากไม่รู้จักคนคนนั้นจริง ๆ จะได้ไม่ถูกหลอกจากมิจฉาชีพคนนั้นอีก นอกจากนี้ควรเก็บหลักฐานแชตนี้เป็นหลักฐานส่งไปยังสถานีตำรวจ หรือ แจ้งความออนไลน์เลยที่ thaipoliceonline.com ได้     อ้างอิง ตำรวจสอบสวนกลาง         ————————————————————————————————————————————— ที่มา :         …

เปิดอุบายใหม่ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้าง บริษัทเครือ Tiktok อยากเพิ่มผู้ติตดาม

Loading

  เปิดกลอุบายใหม่ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็นบริษัทในเครือ Tiktok อยากเพิ่มผู้ติตดาม หลอกโหลดแอปฯ เถื่อน ชี้ชัดเป็นกลุ่มแอปฯ ดูดเงิน   หลังจากประเทศไทยประสบภัย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กันถ้วนหน้า ทั้งประชาชนธรรมดา ผู้บริหารใหญ่ และนายตำรวจระดับสูงยังโดน ล่าสุด ต๋าสปริงนิวส์ นพฤทธิ์ กมลสุวรรณ ผู้สื่อข่าวและพิธีกรรายการ DigitalLife ของ SPRiNG News เจอเอง กับ อุบายใหม่ อ้างเป็นบริษัทเครือ Tiktok อยากเพิ่มผู้ติตดาม   โดยเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2566 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ใช้เบอร์ที่แสดงในโทรศัพท์มือถือขึ้นต้นด้วย 02 ซึ่งดูน่าเชื่อถือเมื่อเทียบกับเบอร์อื่น ๆ ที่ขึ้นต้นด้วย +67 หรือ +69 โทรเข้ามายังเบอร์ส่วนตัวของ ผู้สื่อข่าวและพิธีกรของสปริงนิวส์   ปกติแล้วมิจฉาชีพมักอ้างองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและพัสดุในชีวิตประจำวัน เช่น มีพัสดุไปรษณีย์ไทย , มีคดีความที่เกี่ยวกับเจ้าของเบอร์ เป็นต้น…

ตำรวจไซเบอร์ เตือนมิจฉาชีพขโมยข้อมูลส่วนบุคคลผู้อื่นไปใช้ โทษหนักจำคุกสูงสุด 5 ปี

Loading

  โฆษก บช.สอท. เตือนมิจฉาชีพขโมยข้อมูลส่วนบุคคลผู้อื่นไปใช้ โทษหนักจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000- 100,000 บาท   วันนี้ (27 มิ.ย.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีมีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่ง ได้นำหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ของตนไปตรวจสอบในระบบ หรือแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ พบว่า หมายเลขบัตรประชาชนของตนได้ถูกนำไปเปิดใช้บริการกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือกว่า 30 หมายเลข โดยที่ตนไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการแต่อย่างใดนั้น ว่า   ในปัจจุบันประชาชนสามารถเข้าถึงการตรวจสอบข้อมูล ขอเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือทำธุรกรรมการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ซึ่งเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยสะดวก รวมไปถึงการเปิดใช้งานลงทะเบียนซิมโทรศัพท์มือถือผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ ซึ่งอาจจะเป็นช่องทางหนึ่งให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสนำข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนที่ได้มาด้วยวิธีการต่าง ๆ มาแสวงหาผลประโยชน์โดยผิดกฎหมาย   การกระทำดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายความผิดฐาน “นำบัตร หรือใบรับหรือใบแทนใบรับของผู้อื่นไปใช้แสดงว่าตนเป็นเจ้าของบัตรหรือใบรับหรือใบแทนใบรับ ตาม พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526…

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จับมือ True Money นำเสนอเทคโนโลยี ยกระดับความปลอดภัยทางการเงินคนไทย

Loading

  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมหารือกับ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด ถึงความคืบหน้าโครงการ ‘ไซเบอร์วัคซีน’ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี   ซึ่งนอกจากจะมีการร่วมผลิตและเผยแพร่ข้อมูลความรู้กลโกงในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านช่องทางการสื่อสารของเครือซีพีซึ่งมีธุรกิจค้าปลีกค้าส่งและธุรกิจโทรคมนาคม เพื่อเตือนภัยทุจริตทางการเงินบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นวัคซีนที่ใช้เป็นภูมิคุ้มกันให้พี่น้องประชาชนได้รู้เท่าทันและรับมือมิจฉาชีพได้โดยไม่ตกเป็นเหยื่อแล้วนั้น ล่าสุด บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด ประกาศพร้อมให้การสนับสนุนด้านระบบและเทคโนโลยี เพื่อช่วยป้องกันประชาชนจากการตกเป็นเหยื่อถูกทุจริตทางการเงินโดยมิจฉาชีพ   โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดเผยว่ารอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (14 – 20 พ.ค. 2566) สถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1) คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 2) คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 3) คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 4) คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) 5) คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์   อธิปัตย์ พลอยพรายแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความเสี่ยงและตรวจสอบทุจริต บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด เปิดเผยว่า ทรูมันนี่…

เปิดสาเหตุรัฐบาลสหรัฐฯโดน ‘มิจฉาชีพ’ ต้มในโครงการบรรเทาทุกข์โควิด-19

Loading

In this April 23, 2020, file photo, President Donald Trump’s name is seen on a stimulus check issued by the IRS to help combat the adverse economic effects of the COVID-19 outbreak, in San Antonio. President Donald Trump, Treasury Secretary Steven…   ในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 รัฐบาลอเมริกันอัดฉีดความช่วยเหลือมูลค่าหลายล้าน ๆ ดอลลาร์ สู่ประชาชน อย่างไรก็ตามเงินจำนวนมากถูกแอบอ้างนำไปใช้โดยมิจฉาชีพ   สำนักข่าวเอพีออกรายงานเชิงวิเคราะห์ที่ประเมินว่า รัฐบาลอเมริกันอาจโดนต้มโดยนักฉวยโอกาส เป็นเงินกว่า 2 เเสน 8…

เอฟบีไอเตือนชาวเน็ต ระวังแก๊งโจรใช้เอไอแปลงรูปถ่ายทั่วไปเป็นรูปโป๊

Loading

  เอฟบีไอออกโรงเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการโพสต์ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอบนโซเชียลมีเดีย เนื่องจากมีแก๊งมิจฉาชีพจ้องขโมยภาพถ่ายหรือวิดีโอแล้วนำไปดัดแปลงให้เป็นคอนเทนต์อนาจารเพื่อเรียกร้องเงินทอง   เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2566 สำนักงานสืบสวนกลางสหรัฐหรือเอฟบีไอได้ออกแถลงการณ์แจ้งเตือนเกี่ยวกับแก๊งมิจฉาชีพซึ่งมีแนวโน้มจะใช้เทคโนโลยีเอไอเป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะการนำภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอของตัวบุคคลไปเข้าโปรแกรม ‘ดีพเฟค’ และสร้างภาพถ่ายหรือวิดีโอที่มีเนื้อหาเข้าข่ายอนาจาร แล้วนำไปข่มขู่หรือเรียกเงินจากเจ้าของใบหน้า   กระบวนการตัดต่อและดัดแปลงภาพเพื่อก่ออาชญากรรมนี้เป็นปัญหาที่น่ากังวลอย่างมาก เนื่องจากอาชญากรมักนำภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่คนทั่วไปโพสต์ลงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมาใช้ และตัดเฉพาะส่วนที่เป็นใบหน้า จากกนั้นก็ใช้เทคโนโลยีเอไอแปลงให้เป็นภาพถ่ายอนาจาร   ทางเอฟบีไอ แจ้งว่า ได้รับรายงานจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการดัดแปลงภาพโป๊เปลือยเหล่านี้ ซึ่งมีทั้งเหยื่อที่ยังเป็นผู้เยาว์และผู้ใหญ่ที่โดนนำรูปไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม   หลังจากที่ดัดแปลงภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอให้ออกมาในเชิงอนาจารแล้ว แก๊งมิจฉาชีพก็จะนำคอนเทนต์เหล่านี้ไปเผยแพร่อย่างเปิดเผยผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์อนาจาร โดยมีจุดประสงค์เพื่อก่อกวน สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจแก่เหยื่อ ซึ่งมีศัพท์เรียกเฉพาะว่า Sextortion   ด้วยเหตุนี้ ทางเอฟบีไอจึงได้ออกคำเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการโพสต์ภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอส่วนตัวลงในสื่อออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการดัดแปลงภาพหรือวิดีโอโป๊เปลือย   นอกจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจะได้รับความอับอาย เสื่อมเสียชื่อเสียง เดือดร้อนรำคาญใจแล้ว ยังอาจจะต้องสูญเสียทรัพย์สินเพื่อแลกกับการยุติการเผยแพร่ภาพดัดแปลงเหล่านี้ ซึ่งสุดท้ายก็อาจกำจัดได้ไม่หมด และทำให้ต้องตกเป็นเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำอีกในระยะยาว   เอฟบีไอแถลงว่า ตั้งแต่เดือน เม.ย. เป็นต้นมา หน่วยงานพบว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อในกรณีที่เข้าข่าย Sextortion มากขึ้น จากการที่ภาพถ่าย หรือวิดีโอของบุคคลเหล่านี้ที่โพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย ถูกนำไปดัดแปลงให้เป็นคอนเทนต์อนาจารด้วยเทคโนโลยีดีพเฟค   แก๊งมิจฉาชีพมักจะข่มขู่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ…