ธนาคารสหรัฐฯ ใช้ปัญญาประดิษฐ์ จับตาลูกค้าและพนักงาน

Loading

  ธนาคารอเมริกันหลายๆ แห่งเริ่มใช้ซอฟต์แวร์เฝ้าระวังและเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ วิชั่นเพื่อคอยจับตาดูผู้คนที่มาใช้บริการของตน คอมพิวเตอร์ วิชั่นนั้นเป็นส่วนหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อทำความเข้าใจกับโลกที่เรามองเห็น จากการตรวจสอบของสำนักข่าวรอยเตอร์พบว่าซอฟต์แวร์ดังกล่าวนี้ถูกใช้เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับลูกค้า เพื่อเฝ้าดูพนักงาน และเพื่อตรวจดูผู้คนที่นอนหลับอยู่ใกล้ๆ เครื่องถอนเงินอัตโนมัติหรือตู้ ATM ธนาคารต่างๆ เช่น City National Bank of Florida และ JPMorgan Chase & Co ได้ทดลองใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าและปัญญาประดิษฐ์ (AI) แล้ว การเติบโตของเครื่องมือ AI ในอุตสาหกรรมการธนาคารอาจส่งสัญญาณการแพร่กระจายของเทคโนโลยีนี้ไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วย Bobby Dominguez หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยข้อมูลของธนาคาร City National Bank กล่าวว่าการที่สามารถเปิดใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้าได้นั้นก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ และว่าในเมื่อเราก็ใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีนี้กับโทรศัพท์มือถืออยู่แล้ว เราก็น่าจะนำมาใช้ในโลกความจริงได้ Dominguez กล่าวต่อไปว่าธนาคาร City National จะเริ่มทดลองใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าในปีหน้าเพื่อระบุลูกค้าและพนักงาน โดยเขาได้เพิ่มซอฟต์แวร์ที่สามารถค้นหารายชื่อบุคคลควรระวังของรัฐบาลไว้ด้วย อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีจดจำใบหน้าได้สร้างความกังวลด้านสิทธิพลเมืองในหมู่คนจำนวนมาก โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการจับกุมผู้บริสุทธิ์ที่เทคโนโลยีนี้ได้ระบุตัวผิดๆ ซอฟต์แวร์ดังกล่าวถูกใช้อย่างไม่เป็นสัดส่วนในชุมชนที่ยากจนและเป็นชนกลุ่มน้อย นักวิจารณ์กล่าวอีกว่าเทคโนโลยีนี้ยังส่งผลให้สูญเสียความเป็นส่วนตัวอีกด้วย ในปีนี้ที่เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ห้ามไม่ให้ธุรกิจต่างๆ ใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าในที่สาธารณะ และ Rite…

ฮือฮา! ค่าตำรวจลับสหรัฐฯ อารักขา “อิวองกา” ตก 140,000 ดอลลาร์/เดือนหลังทรัมป์พ้นตำแหน่ง

Loading

  เอเจนซีส์ – กลุ่มวอชด็อกภาคสังคมอเมริกันชนชี้ คนอเมริกันต้องจ่ายภาษีค่าตำรวจลับอารักขาลูกๆ ที่โตแล้วของอดีตผู้นำสหรัฐฯ 4 คน รวมบุตรสาวคนโต อิวองกา ทรัมป์และครอบครัวที่มีบุตรเขยรวมอยู่ในนั้น หลังทรัมป์ลงจากตำแหน่งในเดือนมกราคมตก 140,000 ดอลลาร์/เดือน แต่คนทั้งหมดถูกตัดการเข้าถึงข้อมูลชั้นความลับ หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้ (8 พ.ค.) ว่า ตามปกติแล้วครอบครัวหมายเลข 1 ของสมาชิกครอบครัวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะหมดสมัยจะไม่ได้รับการคุ้มครองจากตำรวจลับสหรัฐฯ อีกต่อไป เว้นแต่ในกรณีของบุตรที่โตแล้วทั้ง 4 คนของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากว่าทรัมป์ในสมัยที่ยังคงอยู่ในตำแหน่งเขาได้ลงนามคำสั่งขยายการคุ้มครองออกไปอีกครึ่งปีหลังจากที่เขาไม่ได้เป็นประธานาธิบดีอีกต่อไป   อ้างอิงจากกลุ่มพลเมืองเพื่อจริยธรรม (Citizens for Ethics) ซึ่งเป็นกลุ่มตรวจสอบภาคสังคมได้ยื่นขอให้มีการเปิดเผยข้อมูลซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่รวมอยู่กับการอารักขาที่บ้านพักต่างๆ ของทรัมป์ ได้แก่ รัฐนิวเจอร์ซีย์ เมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ไบรอาร์คลิฟ (Briarcliff) รัฐนิวยอร์ก ซึ่งหากว่ารวมปัจจัยเหล่านี้เข้าไป ทางกลุ่มชี้ว่าตัวเลขจะสูงกว่านี้มาก ทางกลุ่มชี้ว่าหลังผู้เป็นพ่อต้องลงจากตำแหน่งแต่ลูกๆ ของทรัมป์ยังคงเดินทางไปยังที่ต่างๆ และทำให้ค่าใช้จ่ายของทีมอารักขาทั้งในด้านโรงแรมและการเดินทางพุ่ง โดยค่าใช้จ่ายทางการเดินทางตก 52,296.75 ดอลลาร์ และค่าโรงแรมตกไม่ต่ำกว่า…

กองทัพสหรัฐยึดอาวุธสงครามจากเรือกลางทะเลอาหรับ

Loading

  กองทัพสหรัฐยึดอาวุธสงครามจำนวนมาก จากเรือลำหนึ่ง ซึ่งลอยลำอยู่ในเขตน่านน้ำสากลของทะเลอาหรับ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมานามา ประเทศบาห์เรน เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ว่า กองเรือที่ 5 ของสหรัฐ ซึ่งมีฐานปฏิบัติการหลักอยู่ในบาห์เรน รายงานว่าเรือบรรทุกอากาศยานติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธ “ยูเอสเอส มอนเตเรย์” ปฏิบัติการยึด “อาวุธผิดกฎหมาย” จากเรือไร้สัญชาติลำหนึ่ง ซึ่งลอยลำอยู่ในเขตน่านน้ำสากล ทางตอนเหนือของทะเลอาหรับ โดยปฏิบัติการเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 พ.ค.ที่ผ่านมา   USS Monterey and its embarked U.S. Coast Guard Advanced Interdiction Team (AIT) discovered the illicit cargo during a routine flag verification boarding conducted in international water in accordance with…

สหรัฐเป็นอัมพาต ท่อส่งน้ำมันใหญ่ที่สุดถูกแฮกเรียกค่าไถ่

Loading

  สถานการณ์ใหญ่จนต้องรายงานสรุปให้ไบเดน ผู้ต้องสงสัยอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพไซเบอร์ของบางประเทศที่สหรัฐหมายหัวว่าสร้างกองทัพทำสงครามไซเบอร์ The New York Times รายงานว่าท่อส่งน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐซึ่งขนถ่ายน้ำมันเบนซินและน้ำมันเครื่องบินจากเท็กซัสฝั่งตะวันออกไปยังนิวยอร์กต้องถูกปิดลงหลังจากถูกโจมตีโดยแรนซัมแวร์ (Ransomware) หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ นับเป็นการโจมตีที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งและแสดงให้เห็นถึงช่องโหว่ของโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานต่อการโจมตีทางไซเบอร์ ผู้ดำเนินการระบบ Colonial Pipeline กล่าวในแถลงการณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ใช้ถ้อยคำที่คลุมเครือโดยกล่าวว่าได้ปิดท่อส่งน้ำมันระยะทาง 5,500 ไมล์ซึ่งระบุว่าบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง 45% ของชายฝั่งตะวันออกเพื่อพยายามควบคุมการแทรกซึมเข้ามาในระบบบ ต่อมา สำนักงานสืบสวนกลาง หรือ FBI, กระทรวงพลังงาน และทำเนียบขาวได้เจาะลึกรายละเอียด จน Colonial Pipeline ต้องยอมรับว่าเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของบริษัทถูกโจมตีโดยแรนซัมแวร์ ซึ่งกลุ่มอาชญากรจับข้อมูลเป็นตัวประกันจนกว่าเหยื่อจะจ่ายค่าไถ่ บริษัทกล่าวว่าได้ปิดท่อไปเองซึ่งเป็นมาตรการป้องกันเนิ่นๆ คาดว่าเพราะบริษัทกลัวว่าแฮกเกอร์อาจได้รับข้อมูลที่จะทำให้สามารถโจมตีส่วนที่มีความเสี่ยงของท่อส่งน้ำมันได้   เจ้าหน้ารัฐบาลสหรัฐกล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นการกระทำของกลุ่มอาชญากรมากกว่าที่จะเป็นกองทัพไซเบอร์ของประเทศที่ต้องการทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในสหรัฐ แต่ในบางครั้งกลุ่มดังกล่าวมีความผูกพันกับหน่วยข่าวกรองต่างประเทศอย่างหลวมๆ และดำเนินการในนามของประเทศนั้นๆ สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่าสิ่งที่ทำให้สถานการณ์นี้น่าตกใจก็คือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากที่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและมีขนาดใหญ่เช่นจะถูกทำให้ออฟไลน์โดยสิ้นเชิง เช่น Colonial Pipeline ที่ทอดยาวตลอดเส้นทางจากเท็กซัสไปยังนิวเจอร์ซีย์ การหยุดทำงานเป็นการหยุดชะงักครั้งใหญ่ที่สุดของแหล่งพลังงานทางกายภาพนับตั้งแต่การปฏิบัติการน้ำมันของซาอุดีอาระเบียถูกโจมตีโดยโดรนในปี 2561 ตามคำกล่าวของบ็อบ แมคแนลลี (Bob McNally) อดีตที่ปรึกษาด้านนโยบายอาวุโสของทำเนียบขาว “การรีสตาร์ทท่อส่งก๊าซเป็นเรื่องง่ายหากไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นจริง” บ็อบ แมคแนลลีกล่าวกับ Bloomberg “คำถามคือว่าการโจมตีถูกจำกัดและถูกควบคุมได้หรือไม่…

รายงานสหรัฐฯ ระบุ มีการโจมตีจากไส้ศึกในกองกำลังอัฟกันเพิ่มขึ้น 82 เปอร์เซ็นต์

Loading

  รายงานของทางการสหรัฐฯ ระบุว่า มี “การโจมตีจากไส้ศึกภายใน” ต่อกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลอัฟกานิสถานเพิ่มขึ้น 82 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ ทำให้มีบุคลากรถูกสังหาร 115 คน ได้รับบาดเจ็บ 39 คน เมื่อวันพฤหัสบดี ผู้ตรวจการพิเศษเพื่อการฟื้นฟูอัฟกานิสถาน หรือ SIGAR รายงานต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ว่า ยอดผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตของกองกำลังป้องกันและความมั่นคงแห่งชาติอัฟกัน หรือ ANDSF มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ ผู้ตรวจการพิเศษฯ ไม่ได้รับอนุญาตให้ระบุยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตของกองกำลังของทางการอัฟกันทั้งหมดในรายงานได้ เนื่องจากกองกำลังสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน เก็บข้อมูลดังกล่าวเป็นความลับตามคำขอของรัฐบาลอัฟกานิสถาน รายงานดังกล่าวระบุว่า กองกำลังของทางการอัฟกันถูกโจมตีจากไส้ศึกภายใน 31 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 1 เมษายน ทำให้มีจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยกลุ่มตาลิบันที่แฝงตัวเป็นตำรวจหรือทหารอัฟกันอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีส่วนใหญ่     ผู้ตรวจการพิเศษฯ ส่งรายงานไตรมาสดังกล่าวขณะที่กองกำลังสหรัฐฯ ราว 2,500 นายกำลังเตรียมการเริ่มถอนกำลังออกจากอัฟกานิสถานในวันเสาร์นี้ โดยมีกำหนดถอนกำลังทั้งหมดออกภายในวันที่ 11 กันยายนเพื่อยุติสงครามที่ยาวนานที่สุดของสหรัฐฯ ลูกจ้างของกระทรวงกลาโหมเกือบ 17,000 คน…

‘สหรัฐ’ สั่ง จนท.ทูต ออกจากอัฟกานิสถาน หวั่นรุนแรง

Loading

  “สหรัฐ” สั่งเจ้าหน้าที่อพยพออกจากสถานทูตในอัฟกานิสถาน หวั่นเกิดสถานการณ์รุนแรง ก่อนวันถอนทหาร กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่สหรัฐอพยพออกจากสถานทูตในกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ออกคำแนะนำด้านการเดินทางเมื่อวันอังคารตามเวลาสหรัฐ โดยระบุว่า ทางกระทรวงขอสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่สามารถปฏิบัติงานได้จากทางไกล รีบออกจากสถานทูตสหรัฐในกรุงคาบูล ขณะที่นายรอส วิลสัน เจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐประจำอัฟกานิสถานได้ทวีตข้อความยืนยันการสั่งให้เจ้าหน้าที่อพยพออกจากสถานทูตนี้ เนื่องจากสถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว นายวิลสันยังกล่าวด้วยว่า การสั่งอพยพเจ้าหน้าที่ครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อจำนวนเจ้าหน้าที่ในสถานทูตสหรัฐเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และคำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในทันที ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่จะถึงวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งเป็นวันที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศว่า สหรัฐและกองกำลังทหารของนาโต้ จะเริ่มถอนกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถาน อย่างไรก็ตาม สหรัฐมีทหารประจำการอยู่ในอัฟกานิสถานประมาณ 3,500 นาย และนาโต้มีกำลังทหารประมาณ 7,000 ราย โดยทหารเหล่านี้ทำหน้าที่สนับสนุนด้านโลจิสติกส์และความมั่นคง   ———————————————————————————————————————————— ที่มา :  กรุงเทพธุรกิจ     / วันที่เผยแพร่  28 เม.ย.2564 Link : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/934969