อังกฤษเตือน จีนพยายามดึงตัวนักบินต่างชาติไปช่วยฝึกกองทัพอากาศจีน

Loading

  หน่วยข่าวกรองเผย จีนกำลังพยายามดึงตัวและซื้อตัวนักบินกองทัพอากาศของอังกฤษและประเทศตะวันตกอื่น ๆ เพื่อไปเป็นครูฝึกยกระดับทัพฟ้าจีน   หน่วยข่าวกรองสหราชอาณาจักรอาจเตรียมประกาศ “แจ้งเตือนภัยคุกคาม” หลังพบว่า จีนกำลังพยายาม “ซื้อตัว” นักบินกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร ทั้งที่ยังคงประจำการอยู่ และที่เกษียณไปแล้ว เพื่อให้ไปฝึกฝนกองทัพอากาศของจีน   ทางการสหราชอาณาจักรแสดงความกังวลและไม่เห็นด้วยกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว เนื่องจากมองว่า “อาจเป็นภัยคุกคามต่อสหราชอาณาจักรและบรรดาชาติตะวันตก” โดยเฉพาะหากข้อมูลภายในของกองทัพรั่วไหลไปถึงจีน     หน่วยข่าวกรองระบุว่า ขณะนี้มีนักบินกองทัพอากาศสหราชอาณาจักรถูกดึงตัวไปด้วย “ข้อเสนอที่เย้ายวน” แล้วราว 30 รายผ่านการดำเนินการของบุคคลที่ 3 ซึ่งหนึ่งในนั้นยืนยันได้ว่าเป็นโรงเรียนสอการบินแห่งหนึ่งในแอฟริกาใต้   ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรจะไม่ประกาศสั่งห้ามไม่ให้นักบินกองทัพอากาศไปฝึกฝนกองทัพอากาศจีน แต่จะคอยตักเตือน และ “บริหารความเสี่ยง” อย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีข้อมูลลับหรือข้อมูลที่อ่อนไหวใดของสหราชอาณาจักรหลุดไปถึงหูของจีน   ณ ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานว่ามีนักบินคนใดของกองทัพสหราชอาณาจักรที่ไปฝึกฝนกองทัพอากาศจีนละเมิดระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับราชการ แต่จะคอยจับตาและพยายามควบคุมความเสี่ยง   มีข้อมูลว่า ปฏิบัติการดึงตัวหรือซื้อตัวนักบินกองทัพอากาศสหราชอาณาจักรโดยจีนนี้มีมาตั้งแต่ปี 2019 แต่เพิ่งมีความเคลื่อนไหวที่สำคัญในช่วงนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้จีนมีมาตรการคุมการระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวด   หน่วยข่าวกรองสหราชอาณาจักรยังเตือนด้วยว่า ไม่ใช่แค่ทัพฟ้าสหราชอาณาจักรเท่านั้นที่เป็นเป้าหมายในการซื้อตัวของจีน แต่ประเทศตะวันตกหลายประเทศก็อาจเผชิญกับความเคลื่อนไหวนี้ของจีนเช่นกัน  …

ผู้พิพากษา vs Judge AI เมื่อความยุติธรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาจดีกว่าการถูกตัดสินด้วยอคติจากมนุษย์

Loading

  แม้มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องราวจากภาพยนตร์ไซไฟ แต่ต้องบอกว่าในยุคปัจจุบันนั้น ในวงการกฎหมายเริ่มนำเอาเทคโนโลยีอย่าง AI มาประยุกต์ใช้จริง ๆ กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   การเติบโตอย่างบ้าคลั่งของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ข้อมูล Big Data ขนาดมหึมา เทคโนโลยีอย่าง Machine Learning และข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ได้รับอย่างต่อเนื่องจากอินเทอร์เน็ต ที่ครอบคลุมทุกอย่างรอบตัวเรา กำลังเปลี่ยนโลกของเราด้วยความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน   มีผลการศึกษาผลกระทบต่อเทคโนโลยีต่อหลากหลายอาชีพ ได้พบว่า นักกฎหมายและผู้พิพากษาอยู่ที่จุดกึ่งกลางของงานที่มีแนวโน้มว่าจะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน   มีสิ่งบ่งชี้เกี่ยวกับภัยคุกคามต่ออาชีพนี้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น chatbot บริการทางกฎหมายที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในสหราชอาณาจักร ที่มีชื่อว่า ‘DoNotPay’ ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 ในฐานะ ‘ทนายความหุ่นยนต์’ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากคอมพิวเตอร์ Watson ของ IBM   ในปี 2016 ระบบ chatbot ได้โต้แย้งข้อพิพาทเรื่องตั๋วจอดรถมากกว่า 250,000 คดีในลอนนดอนและนิวยอร์ก ซึ่งสามารถชนะการตัดสินได้ถึง 160,000 คดี     DoNotPay…

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 : ผิดไหมที่ประท้วงด้วย “กระดาษเปล่า” ในงานถวายความอาลัย

Loading

GETTY IMAGES   ในช่วงไม่กี่วันมานี้ มีคนหลายคนถูกจับกุมหลังไปทำการประท้วงที่งานถวายความอาลัยการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และพิธีประกาศขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3   พอล พาวส์แลนด์ ไม่ใช่หนึ่งในคนกลุ่มนั้น แต่ทนายคนนี้เป็นตัวละครหลักในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ทำให้เกิดกระแสถกเถียงอย่างแพร่หลาย เรื่องก็คือขณะที่เขากำลังยืนชูกระดาษที่ไม่ได้เขียนข้อความใด ๆ ที่จัตุรัสรัฐสภา เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามาถามข้อมูลส่วนตัวของเขา   พาวส์แลนด์ได้อัดวิดีโอบทสนทนาบางส่วนไว้และนำไปโพสต์ลงทวิตเตอร์ เขาอ้างว่าเขาได้รับแจ้งว่าจะถูกจับกุมตัวหากเขียนข้อความว่า “ไม่ใช่กษัตริย์ของผม” ลงบนกระดาษ   มีการประท้วงด้วย “กระดาษเปล่า” แบบนี้เกิดขึ้นเช่นกันที่เมืองเอดินบะระของสกอตแลนด์ขณะขบวนพระบรมศพเคลื่อนผ่าน แต่ก็ไม่ได้มีรายงานการจับกุมใครแต่อย่างใด   อย่างไรก็ดี วิดีโอของพาวส์แลนด์ทำให้ตำรวจนครบาลกรุงลอนดอนออกมาประกาศผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ว่าประชาชนมี “สิทธิที่จะประท้วง”   GETTY IMAGES การประท้วงด้วยกระดาษเปล่าที่เมืองเอดินบะระของสกอตแลนด์     ท้าทายอย่างเย้ยหยัน ?   นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กระดาษเปล่าถูกนำไปใช้ในการประท้วง แต่เรามักเห็นการกระทำเชิงสัญลักษณ์แบบนี้ในประเทศที่รัฐมีความเป็นเผด็จการและการเข้าปราบปรามประชาชนบ่อยครั้ง ยกตัวอย่างเช่นเมื่อปี 2019 นักเคลื่อนไหววัยหนุ่มในคาซัคสถานชื่ออัสลาน ซากุตดินอฟ ถูกตำรวจควบคุมตัวไปหลังถือป้ายเปล่า ๆ ที่หน้าสำนักงานของสภาเมือง…

ใหญ่สุดใน ปวศ.! อังกฤษระดมจนท.ฝ่ายความมั่นคงทั่วปท. คุมเข้มรักษาความปลอดภัยงานพิธีพระบรมศพ

Loading

เอเอฟพี   ใหญ่สุดในปวศ.! อังกฤษระดมจนท.ฝ่ายความมั่นคงทั่วปท. คุมเข้มรักษาความปลอดภัยงานพิธีพระบรมศพ   ตำรวจนครบาลกรุงลอนดอน แถลงต่อผู้สื่อข่าวในวันศุกร์ (16 ก.ย.)ว่า พระราชพิธีพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะเป็นงานรักษาความปลอดภัยครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาของกรุงลอนดอน โดยจะมีผู้นำจากทั่วโลกและประชาชนนับหลายแสนคนที่พากันมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของสหราชอาณาจักรแห่งนี้   สจ๊วต คันดี รองผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาลลอนดอน กล่าวว่า ตนยืนยันได้ว่านี่จะเป็นงานรักษาความสงบเรียบร้อยครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่ตำรวจนครบาลลอนดอนเคยดำเนินการมา งานนี้ใหญ่กว่าการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2012 และใหญ่กว่างานฉลองการครองราชย์ครบ 70 ปี โดยจะมีการเกณฑ์กำลังเจ้าหน้าที่มากกว่า 2,000 นายจากทั่วประเทศ เพื่อมาสมทบกำลังกับตำรวจสกอตแลนด์ยาร์ดในการรักษาการณ์   เอเอฟพี   เจ้าหน้าที่ตำรวจจะระดมวางแนวกั้นเป็นระยะทางมากกว่า 36 กิโลเมตรในใจกลางกรุงลอนดอน โดยคาดว่าจะมีประชาชนหลายแสนคนที่จะมาเฝ้ารอรับขบวนอัญเชิญพระบรมศพตลอดเส้นทางการเคลื่อนพระบรมศพ   รองผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจฯกล่าวอีกว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับฝูงชนและจำนวน การเพิ่มขึ้นและการเบียดเสียด นั่นเป็นสิ่งที่ตำรวจจะคอยจับตาดูอยู่เสมอ ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีที่มี เราจึงสามารถเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากมุมต่างๆ ได้ นี่เป็นสิ่งสำคัญยิ่งในแง่ของการควบคุมฝูงชน แต่ไม่ใช่เพียงแค่จำนวนผู้คนเท่านั้นที่เป็นสิ่งท้าท้ายที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่นี่จะเป็นปฏิบัติการคุ้มครองด้านความปลอดภัยระดับโลกครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่ตำรวจนครบาลลอนดอนเคยดำเนินการมา   เอเอฟพี   ทั้งนี้คาดว่าจะมีแขกบุคคลสำคัญระดับโลกมากกว่า 2,000 คน ที่จะมาร่วมพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2…

รอยันหลานบวช! ‘จดหมายลับควีนเอลิซาเบธ’ ฝากไว้ที่ ‘ซิดนีย์’ ห้ามเปิดอ่านจนกว่าจะถึงปี 2085

Loading

  อีกหนึ่งเรื่องราวปริศนาที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ โดยครั้งหนึ่งทรงมีพระราชหัตเลขา “ลับสุดยอด” ฝากไว้ให้ชาวนครซิดนีย์ในออสเตรเลีย และทรงกำชับหนักหนาว่า “ห้ามเปิดอ่านเด็ดขาด” จนกว่าจะถึงปี ค.ศ.2085   สมเด็จพระราชินีนาถซึ่งเสด็จสวรรคตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะมีพระชนมายุ 96 พรรษา ได้พระราชทานพระราชหัตถเลขาฉบับนี้ไว้เมื่อปี 1986 เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองการบูรณะอาคารควีนวิกตอเรีย (Queen Victoria Building) ซึ่งเกิดขึ้นในปีเดียวกัน   อาคารหลังนี้ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 1898 และได้รับการตั้งชื่อตามพระนามของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย และถือเป็นหนึ่งในอาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดของนครซิดนีย์   สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงฝากพระราชหัตถเลขาปิดผนึกไว้กับนายกเทศมนตรีซิดนีย์ และทรงมีพระราชเสาวนีย์ว่า “ณ วันที่ท่านคิดว่าเหมาะสมในปี ค.ศ.2085 ขอให้ท่านช่วยเปิดจดหมายนี้ออกอ่าน และแจ้งเนื้อความให้พลเมืองซิดนีย์ได้ทราบด้วย”   แม้ข้อความในพระราชหัตถเลขาจะยังคงเป็นความลับอยู่ แต่มีผู้คาดเดาว่าพระองค์น่าจะทรงขอบใจชาวซิดนีย์ที่ได้เก็บรักษาและซ่อมแซมอาคารประวัติศาสตร์เอาไว้ หลังจากที่มันเกือบจะถูกรื้อทิ้งเพื่อทำเป็นลานจอดรถ   เมื่อปี 1986 บริษัทสัญชาติมาเลเซียได้ทำสัญญาเช่าอาคารควีนวิกตอเรียเป็นระยะเวลา 99 ปี หรือเท่ากับว่าจะสิ้นสุดสัญญาในปี 2085 ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่พระราชหัตถเลขาของสมเด็จพระราชินีนาถจะถูกเปิดอ่านพอดี   ปัจจุบัน…

อังกฤษกำหนดให้ผู้นำโลกนั่งรถบัสมางานพระบรมศพควีน ยกเว้น ‘ไบเดน’​ เป็นกรณีพิเศษ

Loading

  ผู้นำสหรัฐฯ ได้เป็น “ข้อยกเว้น” ไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบการเดินทางเข้าร่วมพระราชพิธีพระบรมศพควีนเอลิซาเบธที่ 2   หลังจากที่มีรายงานออกมาก่อนหน้านี้ว่า ทางการสหราชอาณาจักรได้ขอให้ผู้นำต่างชาติใช้การเดินทางโดยเครื่องบินพาณิชย์และรถบัสมาร่วมพระราชพิธีพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 นั้น   ล่าสุด The Times สื่ออังกฤษเผยว่า จะมีผู้นำบางคนที่ได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าว เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย โดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ จะเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับยกเว้นให้ใช้รถประจำตำแหน่ง ซึ่งเป็นรถหุ้มเกราะที่มีชื่อเล่นว่า The Beast ในการเดินทางไปยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ สถานที่จัดพระราชพิธีได้   พระราชพิธีพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 นับเป็นอีเวนต์ใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีของสหราชอาณาจักร เป็นการรวมผู้นำจากทั่วโลกเข้ามาอยู่ในที่เดียวกัน จึงต้องมีการวางระบบรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด   นอกจากประธานาธิบดีไบเดนแล้ว ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ก็เป็นผู้นำอีกคนที่มีรายงานว่าจะสามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวได้   โดยโฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรี ลิซ ทรัสส์ ของสหราชอาณาจักรชี้แจงว่า ระเบียบเรื่องการเดินทางนั้นเปรียบเสมือนคำชี้แนะมากกว่าที่จะตั้งเป็นกฎ ซึ่งรูปแบบการเดินทางของผู้นำขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละคน ต้องดูเรื่องอื่นๆ เช่น ความปลอดภัย ประกอบด้วย     ที่มา:…