เฟสบุ๊ค สั่งถอดระบบจดจำใบหน้าในบัญชีผู้ใช้ 1 พันล้านคนทั่วโลก

Loading

  เฟสบุ๊ค ประกาศปิดระบบจดจำใบหน้าที่ใช้ในสื่อสังคมออนไลน์ภายในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะมีผลกับผู้ใช้ในเฟสบุ๊คกว่า 1 พันล้านบัญชี ท่ามกลางความกังวลด้านสังคมเกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าว ตามรายงานของรอยเตอร์ เจอโรม เพเซนที รองประธานฝ่ายระบบปัญญาประดิษฐ์ของเฟสบุ๊ค ระบุในบล็อกโพสต์เมื่อวันอังคาร (2 พฤศจิกายน) ว่า ในช่วงที่หน่วยงานกำกับดูแลยังอยู่ระหว่างการจัดทำกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้งาน และด้วยสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในระยะนี้ ทางเฟสบุ๊คเชื่อว่า การจำกัดการใช้ระบบจดจำใบหน้าเป็นมาตรการที่เหมาะสม เฟสบุ๊ค ระบุว่า มาตรการนี้จะมุ่งไปที่การปิดระบบเทมเพลตจดจำใบหน้าของบัญชีผู้ใช้กว่า 1 พันล้านราย ซึ่งทุกๆวัน จะมีผู้ใช้ระบบดังกล่าวราว 1 ใน 3 ของบัญชีผู้ใช้เฟสบุ๊ค และบริษัทคาดว่าจะถอดระบบดังกล่าวได้เสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคมนี้ อย่างไรก็ตาม ทางเฟสบุ๊ค ที่เพิ่งประกาศรีแบรนด์เป็น เมตา (Meta) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังไม่ได้ปิดประตูแห่งโอกาสสำหรับระบบจดจำใบหน้าไปอย่างถาวร โดยทางบริษัท ระบุในแถลงการณ์ว่า ยังคงเห็นว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง อย่างเช่น กับผู้คนที่ต้องการยืนยันตัวตนหรือผู้ที่ต้องการป้องกันการฉ้อโกงและการแอบอ้างเป็นบุคคลอื่นบนโลกออนไลน์ ซึ่งทางบริษัทจะยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีนี้ต่อไป   (มีเนื้อหาบางส่วนจากรอยเตอร์)   ————————————————————————————————————————————————– ที่มา : VOA Thai / วันที่เผยแพร่ 3…

หน่วยงานกึ่งอิสระ ชี้ เฟสบุ๊คมีระบบวีไอพี ให้คนดัง-นักการเมือง รอดระบบคัดกรองเนื้อหา

Loading

  Oversight Board คณะกรรมการที่เป็นหน่วยงานกึ่งอิสระ ซึ่งทำหน้าที่ทบทวนตรวจสอบนโยบายต่างๆ ของสื่อสังคมออนไลน์เฟสบุ๊ค (Facebook) ออกมาวิจารณ์สื่อสังคมออนไลน์ชั้นนำแห่งนี้ว่า มีมาตรฐานแตกต่างให้กับบัญชีของบุคคลมีชื่อเสียงและนักการเมือง ให้ไม่ต้องเข้าสู่ระบบคัดกรองเนื้อหาในสื่อสังคมออนไลน์เหมือนกับบัญชีผู้ใช้ทั่วไปได้ ตามรายงานของรอยเตอร์ ทาง Oversight Board ระบุในบล็อกด้วยเมื่อวันพฤหัสบดี (21 ตุลาคม) ว่า เฟสบุ๊คไม่ได้เปิดเผยตรงไปตรงมาในเรื่องระบบที่เรียกว่า ‘Cross-Check’ ซึ่งเป็นระบบที่ทางเฟสบุ๊คใช้ตรวจสอบคัดกรองเนื้อหาของบัญชีบุคคลที่มีชื่อเสียง ก่อนหน้านี้ สื่อเดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานเรื่องระบบสองมาตรฐานของเฟสบุ๊ค และว่ามีบัญชีราว 5.8 ล้านบัญชีที่อยู่ภายใต้ระบบ ‘Cross-Check’ ดังกล่าว ซึ่งทางโฆษกของเฟสบุ๊ค แอนดี สโตน กล่าวกับสื่อเดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ว่าระบบ ‘Cross-Check’ ออกแบบมาเพื่อเหตุผลสำคัญ คือการสร้างขั้นตอนเพิ่มเติมที่เฟสบุ๊คจะสามารถบังคับใช้นโยบายกับเนื้อหาที่ต้องการความเข้าใจมากขึ้น ทาง Oversight Board ยืนยันว่า เฟสบุ๊คปกปิดการมีอยู่ของระบบ ‘Cross-Check’ นี้ โดยระบุว่า เมื่อเฟสบุ๊คอ้างถึงกรณีที่เกี่ยวข้องกับบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กับทางคณะกรรมการ ทางเฟสบุ๊คไม่ได้กล่าวถึงระบบ ‘Cross-Check’…

รัสเซียสั่งปรับทวิตเตอร์ 117,000 ดอลลาร์ ฐานไม่ยอมลบโพสต์เชิญชวนประชาชนเดินประท้วง

Loading

  รัสเซียสั่งปรับทวิตเตอร์ 117,000 ดอลลาร์ ฐานไม่ยอมลบโพสต์เชิญชวนประชาชนเดินประท้วงศาลรัสเซียพิพากษาสั่งปรับบริษัทผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ ทวิตเตอร์ เป็นเงิน 8.9 ล้านรูเบิล หรือ ประมาณ 117,000 ดอลลาร์ จากการที่บริษัทแห่งนี้ปฏิเสธที่จะลบเนื้อหาที่เชิญชวนให้เยาวชนในประเทศออกมาร่วมการประท้วงที่ไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐ สำนักข่าว The Associated Press รายงานว่า คำสั่งปรับของศาลครั้งนี้ เป็นไปตามการไต่สวนที่สรุปว่า ทวิตเตอร์ ทำความผิด 3 ข้อหาเกี่ยวเนื่องกับกฎการจำกัดเนื้อหาที่ผิดกฎหมายบทแพลตฟอร์มของตน โดยคำพิพากษานี้มีออกมาหลังจากที่ ‘รอสคอมนาดซอ’ (Roskomnadzor) หน่วยงานกำกับดูแลกิจการสื่อสารของรัสเซีย ขู่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ว่าจะทำการปิดกั้นการใช้งาน ทวิตเตอร์ ในประเทศเป็นเวลา 30 วัน หากไม่ยอมลบเนื้อหาที่อ้างว่าผิดกฎหมายต่างๆ ออก และหลังมีรายงานข่าวคำพิพากษาออกมาในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น The Associated Press ติดต่อไปยังทวิตเตอร์ แต่ทางบริษัทไม่ให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับคำสั่งปรับเงินนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว ‘รอสคอมนาดซอ’ กล่าวหา ทวิตเตอร์ ว่า ไม่ยอมลบเนื้อหาที่ชักชวนให้เด็กๆ ทำอัตวินิบาตกรรม และข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติดและสื่อลามกเด็ก ทั้งยังประกาศว่า…

‘เฟซบุ๊ก’ ทำข้อมูลรั่วกว่า 533 ล้านบัญชีทั่วโลก เผย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ก็ไม่รอด

Loading

  เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา เดลีเมลล์ รายงานว่า ชื่อ ที่อยู่ ข้อมูลส่วนตัว รวมไปถึงบัญชีผู้ใช้ของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊กก็เป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกขโมย และถูกนำมาเผยแพร่ทางออนไลน์โดยฝีมือของแฮกเกอร์ รวมไปถึงข้อมูลของ คริส ฮิวจ์ส และดัสติน มอสโควิส ผู้ร่วมก่อตั้งเฟซบุ๊กด้วยเช่นกัน         อารอน กัล ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ฮัดสัน ร็อก บริษัทข่าวกรองด้านการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ของอิสราเอล เปิดเผยว่า ฐานข้อมูลที่รั่วไหลออกมาดังกล่าว ดูเหมือนจะเป็นชุดเดียวกับหมายเลขโทรศัพท์ที่เชื่อมโยงกับเฟซบุ๊ก ที่หมุนเวียนกันใช้ในกลุ่มแฮกเกอร์ ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยข้อมูลดังกล่าวถูกซื้อ-ขายในหมู่อาชญากรไซเบอร์มาได้ระยะหนึ่งแล้ว และในตอนนี้ข้อมูลการรั่วไหลดังกล่าวสามารถถูกเข้าถึงได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ๆ กัลยังได้เปิดเผยอีกว่าข้อมูลดังกล่าวนั้นเป็นข้อมูลที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง เพราะว่าเขาสามารถตรวจสอบบางข้อมูลได้ ด้วยการเปรียบเทียบกับหมายเลขโทรศัพท์ของบางคนที่รู้จัก นอกจากนี้ยังมีความพยายามของสื่อบางแหล่งยังระบุว่าสามารถตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่รู้จักกับข้อมูลที่รั่วไหลออกมาได้       ทั้งนี้ข้อมูลที่รั่วไหลออกมานั้นเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กกว่า 533 ล้านบัญชี หรือคิดเป็นราว ๆ 1 ใน 4 ของผู้ใช้งานทั้งหมด จาก…

เวียดนามคุกผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก 10 ปี ฐานโพสต์คลิป-บทความต่อต้านรัฐ

Loading

  รอยเตอร์ – ศาลในเวียดนามตัดสินจำคุกผู้ใช้งานเฟซบุ๊กเป็นเวลา 10 ปี หลังพบว่ามีความผิดฐานเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐบนสื่อสังคมออนไลน์ หวู เตียน จิ อายุ 55 ปี ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหา ‘ผลิต จัดเก็บ กระจายข้อมูล วัตถุ สิ่งของ เพื่อวัตถุประสงค์ในการต่อต้านรัฐ’ ในการพิจารณาคดีที่ใช้เวลาเพียง 1 วัน ในจ.เลิมด่ง ตามการระบุของกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ แม้เวียดนามจะดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดกว้างให้กับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมมากขึ้น แต่พรรคคอมมิวนิสต์ที่ปกครองประเทศยังคงเซ็นเซอร์สื่ออย่างเข้มงวดและยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์เพียงเล็กน้อย หวู เตียน จิ ถูกกล่าวหาว่าแชร์บทความ 338 บทความ และคลิปวิดีโอ 181 คลิป บนสื่อสังคมออนไลน์เพื่อบิดเบือนและให้ร้ายการบริหารงานของประชาชน ละเมิดผลประโยชน์ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและรัฐ ในช่วงที่เขาถูกจับกุมตัวเมื่อเดือนมิ.ย. 2563 ตำรวจกล่าวว่าจิได้แชร์เนื้อหาต่อต้านรัฐในบัญชีเฟซบุ๊กหลายบัญชี พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามทวีความรุนแรงในการปราบปรามผู้เห็นต่าง ทั้งจับกุมนักโทษการเมืองมากขึ้น ตัดสินโทษจำคุกนานขึ้น และคุกคามนักเคลื่อนไหวมากขึ้นในช่วงหลายปีมานี้ นอกจากคดีของหวู เตียน จิ แล้ว ยังมีผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์อีก 3 คน ถูกพิจารณาคดีที่จ.แค็งฮว้า ด้วยข้อหาคล้ายกัน ตามการรายงานของสื่อ…

ตีกรอบ 9 ข้อมูลทางออนไลน์ “ต้องห้ามโพสต์” ของตำรวจ

Loading

  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือน 9 ข้อมูลและข้อความต้องห้าม “โพสต์” บนโซเชียลของตำรวจ ที่อาจกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรอย่างไม่ตั้งใจ ระบุยังไม่เคยมีใครถูกลงโทษ แต่ปรามต้องคิดก่อนโพสต์ วันนี้ (11 มี.ค.2564) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอตสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วยพล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรถนะ หัวหน้าจเรตำรวจ ร่วมกันแถลงเปิดตัว “โครงการจัดทำแนวทางการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของข้าราชการสำรวจ” เพื่อคู่มือแนะนำข้าราชการตำรวจทุกระดับให้เรียนรู้วิธีการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ที่เกิดประโยชน์และถูกต้อง หลังพบว่ามีข้าราชการตำรวจใช้สื่อสังคมออนไลน์ไม่เหมาะสม เช่น ล้อเลียน กลั่นแกล้ง แสดงกิริยาขบขันจนเกินขอบเขต ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือจากสังคม รวมถึงการใช้สื่อออนไลน์ละเมิตบุคคลอื่น หรือกระทำผิดกฎหมายจนเกิดความเสียหายขึ้น สำหรับประเภทข้อมูลข่าวสารที่ไม่ควรเผยแพร่ ในรูปแบบข้อความ รูปภาพ หรือภาพเคลื่อนไหว มี 9 ข้อ ดังนี้ ข้อมูลที่มีเนื้อหาพาดพิง หรือ ส่งในทางลบต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ข้อมูลที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ หรือกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ข้อมูลที่มีลักษณะยั่วยุ เสียดสี บิดเบือนโฆษณา ชวนเชื่อ สร้างความแตกแยกต่อหน่วยงาน…