‘หมู่เกาะโซโลมอน’ เตรียมแบนเฟสบุ๊กเพื่อปกป้อง ‘ความสามัคคีภายในชาติ’

Loading

In this Nov. 24, 2018, photo, ships are docked offshore in Honiara, the capital of the Solomon Islands. รัฐบาลประเทศหมู่เกาะโซโลมอน ประกาศสนับสนุนแผนห้ามใช้สื่อสังคมออนไลน์ เฟสบุ๊ก (Facebook) เพื่อปกป้อง “ความเป็นเอกภาพแห่งชาติ” ท่ามกลางเสียงตอบโต้ว่ามาตรการนี้มีขึ้นเพื่อกลบเสียงวิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลมากกว่า เฟสบุ๊ก เป็นหนึ่งในช่องทางการสื่อสารยอดนิยมของประชาชนชาวหมู่เกาะโซโลมอน ซึ่งมีภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยมากมายกระจายเป็นระยะทางมากกว่า 1,400 กม. ปัจจุบัน ประเทศหมู่เกาะแห่งนี้มีประชากรราว 685,000 คน และมีอยู่ราว 20% ที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แต่รัฐบาลของหมู่เกาะโซโลมอนระบุว่า ที่ผ่านมาเฟสบุ๊กถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางในทางที่ผิด พร้อมเสนอแผนบล็อกเฟสบุ๊กและสื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ จากความกังวลเรื่องการหมิ่นประมาทและการรังแกกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์ รวมทั้งต้องการจัดระเบียบพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเสียใหม่เพื่อปกป้องชุมชนจากถ้อยคำที่รุนแรงและละเมิดผู้อื่น รัฐมนตรีกระทรวงสื่อสารของหมู่เกาะโซโลมอน ปีเตอร์ ชาเนล อโกวากา กล่าวว่า สิ่งที่ควรมาพร้อมกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพของสื่อ คือความรับผิดชอบต่อสังคม เช่นเดียวกับสื่อสังคมออนไลน์ที่ควรใช้อย่างมีสติและฉลาดเท่าทัน ไม่ใช่ใช้เพื่อทำร้ายผู้อื่นเหมือนที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม ผู้ต่อต้านบอกว่าคำสั่งห้ามใช้เฟสบุ๊กถือว่าขัดกับรัฐธรรมนูญของประเทศว่าด้วยสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น…

ดันกฎหมายห้ามแชร์ภาพใส่ร้ายตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่

Loading

ภาพประกอบ – ผู้ประท้วงต่อต้านการล็อคดาวน์ถูกตำรวจควบคุมตัวระหว่างการเดินขบวนในเมืองแฟรงก์เฟิร์ตอัมไมน์ทางตะวันตกของเยอรมนีเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2020 (ภาพโดย Yann Schreiber / AFP) ฝรั่งเศสผลักดันกฎหมายเอาผิดผู้ที่แพร่ภาพหรือคลิปที่ทำให้ตำรวจดูเป็นผู้ร้ายในสายตาประชาชน สำนักข่าว France24 รายงานว่าฝรั่งเศสเสนอร่างกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ โดยจะห้ามมิให้เผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีเจตนาจะป้ายสีเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มีภาพลักษณ์ที่เลวร้าย เพื่อปกป้องเจ้าหน้าที่จากการโจมตีที่มุ่งร้ายโดยใช้โซเชียลมีเดีย มาตรา 24 ของร่างกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของฝรั่งเศสจะกำหนดความผิดทางอาญาใหม่ซึ่งมีโทษจำคุก 1 ปีและปรับ 45,000 ยูโร (ราว 1,6 ล้านบาท) หากผู้กระทำผิดเผยแพร่ภาพที่มีเป้าหมายซึ่ง “ทำร้ายให้ได้รับความกระทบกระเทือนทางร่างกายหรือจิตใจ” แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ข้อนี้ถูกเสนอครั้งแรกโดยฌอง มิเชล-โฟแวร์เกอ ซึ่งเป็น ส.ส. ของพรรค LREM ของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง หลังจากที่สหภาพตำรวจได้พยายามผลักดันเรื่องนี้มานาน อลิซ ตูโรต์ ส.ส. อีกคนของพรรค LREM กล่าวกับสถานีวิทยุ Inter radio ว่า จุดประสงค์ของกฎหมายฉบับนี้ก็คือเพื่อห้ามไม่ให้มีการเรียกร้องให้แก้แคนกับเจ้าหน้าที่และครอบครัวของพวกเขาด้วยวิธีการที่รุนแรง โดยผ่านทางการแพร่ภาพวิดีโอทางโซเชียลมีเดีย กฎหมายฉบับนี้ยังอนุญาตให้มีการแพร่ภาพบันทึกจากกล้องติดตัวตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ (body camera) เพื่อที่จะใช้เป็นการถ่วงดุลกับภาพที่มีผู็ถ่ายเอาไว้แล้วนำมาเผยแพร่ทางโซเชียลทีเดีย เนื่องจากผู้สนับสนุนกฎหมายบอกว่าภาพคลิของตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ที่ถูกโพสต์บนโซเชียลมีเดียมักถูกตัดต่อจนหลายคัร้งทำให้ผู้คนเข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจผิดไปจากบริบทของสถานการณ์แวดล้อม อย่างไรก็ตาม มีผู้ต่อต้านร่างกฎหมายฉบับนี้…

‘โซเชียลมีเดีย’ ต้านข้อมูลผิด ๆ จากการเลือกตั้งสหรัฐฯ ได้หรือไม่?

Loading

Social Media Fake Activity ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดีย เช่น เฟสบุ๊ก ทวิตเตอร์ และยูทูบ ได้สัญญาว่าจะจัดการกับข้อมูลผิด ๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดียพบว่า มาตรการของบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ยังไม่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับข้อมูลเท็จ หรือการบิดเบือนข้อเท็จจริง ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี (Associated Press) บททดสอบของโซเชียลมีเดียเริ่มขึ้นในเช้าวันพุธที่ 4 พ.ย. ในขณะที่ยังมีการนับบัตรคะแนนในรัฐสมรภูมิอย่าง วิสคอนซิน มิชิแกน และเพนซิลวาเนีย เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์​ ทรัมป์ แถลงที่ทำเนียบขาว อ้างถึงข้อมูลที่ผิด ๆ เกี่ยวกับผลการนับคะแนน และยังได้โพสท์ข้อความที่บิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเลือกตั้งบนเฟสบุ๊กและทวิตเตอร์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทรัมป์ได้พยายามบั่นทอนความน่าเชื่อถือของการลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์ และแสดงออกชัดเจนว่าตนต้องการให้ได้ผลการเลือกตั้งเมื่อมีการปิดคูหาเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย. U.S. President Trump speaks to reporters about the 2020 presidential election at the White House…

‘ทวิตเตอร์-เฟซบุ๊ก-กูเกิ้ล’ พร้อมรับมือการบิดเบือนข้อมูลวันเลือกตั้ง

Loading

FILE – A woman in Los Angeles looks at the official Twitter account of U.S. President Donald Trump, June 23, 2020 ในวันเลือกตั้งที่ชาวอเมริกันใจจดใจจ่อรอฟังผลว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป บริษัทอินเตอร์เน็ตเช่นทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก กูเกิ้ล ต่างยกระดับการเฝ้าติดตามและกลั่นกรองการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารมากเป็นพิเศษ หลังจากที่บริษัทเหล่านี้ถูกวิจารณ์ว่า ปล่อยให้ผู้ใช้งานที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศปล่อยข่าวบิดเบือนในช่วงการเลือกตั้งเมื่อสี่ปีที่แล้ว นักวิเคราะห์มองว่า บริษัทต่างๆ เริ่มรับมือกับการบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพมากขึ้นเมื่อมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 และใช้วิธีดูแลเนื้อหาอย่างทันท่วงทีมากขึ้น เช่น ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการดูแลเนื้อหา สแปนดานา ซิงห์ นักวิเคราะห์นโยบายประจำสถาบัน New America’s Open Technology Institute มองว่า บริษัทอินเตอร์เน็ตนำเทคนิควิธีที่ใช้รับมือข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับโคโรนาไวรัสมาใช้กับการเลือกตั้งด้วยเช่นกัน แต่นั่นก็เท่ากับว่า บริษัทเหล่านี้ต้องชั่งน้ำหนักว่าจะเดินหน้าหยุดการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนต่อไป หรือจะอนุญาตให้ผู้ใช้งานแสดงความเห็นของตนซึ่งอาจมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องเท็จ ในประเด็นนี้ ซิงห์มองว่า บริษัทอินเตอร์เน็ทมีวิธีดูแลเนื้อหาอย่างแยบยลมากขึ้นกว่าการเอาเนื้อหาออกจากพื้นที่ของตน เช่น ขึ้นแถบแจ้งผู้ใช้งานว่าเนื้อหาดังกล่าวมีประเด็นน่ากังขา อย่างไรก็ตาม ซิงห์กล่าวว่า บริษัทเหล่านี้ไม่ได้เปิดเผยวิธีการกรองข้อมูลอย่างโปร่งใส…

Telegram คืออะไร ปลอดภัยแค่ไหน มีอะไรเด่น

Loading

ในปัจจุบันมีแอปพลิเคชันส่งข้อความให้เลือกใช้หลายแอป ไม่ว่าจะเป็นแอปยอดฮิตในไทยอย่าง LINE แอปสากลอย่าง WhatsApp หรือแอปสายจีนอย่าง WeChat และอีกแอปหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้ใครก็คือ Telegram Telegram คืออะไร Telegram เป็นแอปพลิเคชันส่งข้อความที่ก่อตั้งโดยสองพี่น้องชาวรัสเซีย ชื่อ Pavel Durov และ Nikolai Durov ในปี 2013 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ให้กำเนิด “VK” เครือข่ายสังคมออนไลน์สัญชาติรัสเซียมาแล้ว ด้านโมเดลธุรกิจ Telegram เป็นแอปพลิเคชันที่สามารถใช้งานได้ฟรี 100 เปอร์เซ็นต์โดยไม่มีทางเลือกให้ต้องจ่ายค่าบริการใดๆ ทั้งสิ้น โดยมี Pavel เป็นผู้สนับสนุนเงินทุนจำนวนมหาศาล Telegram ให้ข้อมูลว่าเงินจำนวนนี้ยังเพียงพอ แต่หากประสบปัญหาในอนาคตก็อาจเพิ่มทางเลือกแบบเสียเงินเข้ามา อย่างไรก็ตาม Telegram จะไม่พุ่งเป้าที่การแสวงผลกำไร เมื่อเดือนเมษายน 2563 Telegram มีผู้ใช้ต่อเดือนอยู่ที่ 400 ล้านคน มีผู้ใช้ใหม่อย่างต่ำ 1.5 ล้านคนต่อวัน และมีสติ๊กเกอร์ให้ใช้งานกว่า 2 แสนชุด Telegram ปลอดภัยแค่ไหน Telegram โฆษณาตัวเองว่ามีความปลอดภัยกว่าแอปพลิเคชันกระแสหลักอย่าง…

รู้จักแอปพลิเคชัน Telegram อาวุธไซเบอร์ประจำม็อบ 18 ตุลา

Loading

การประกาศของกลุ่มเยาวชนปลดแอก (FreeYouth) และแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เพิ่มช่องทางการติดตามนอกจากเพจใหม่แล้ว ไปยังช่องทางของแอปพลิเคชัน Telegram จนทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นมาอย่างฉับพลันว่า Telegram คืออะไร? อันที่จริงแล้ว Telegram เป็นแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นมานานแล้ว โดยเริ่มปล่อยดาวน์โหลดครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2013 จากวันนี้ก็เป็นเวลา 7 ปีกว่าที่แอปพลิเคชันนี้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ พาเวล ดูรอฟ Telegram ก่อตั้งโดยทีมนักพัฒนา 3 คน ได้แก่ นิโคไล ดูรอฟ, พาเวล ดูรอฟ และอักเซล เนฟฟ์ โดยที่ พาเวล ดูรอฟ รับหน้าที่เป็นซีอีโอ จุดมุ่งหมายของแอปพลิเคชัน Telegram โดยหลักแล้วมีเพียงข้อเดียว นั่นคือ พวกเขาต้องการพัฒนาแอปพลิเคชันที่แม้แต่สายลับรัสเซียไม่สามารถ “แฮก” ได้ เนื่องจากในอดีตที่ครั้งหนึ่ง พาเวล ดูรอฟ เคยเป็นเจ้าของโซเชียลมีเดียที่มีชื่อว่า VKontakte หรือ VK ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่กลุ่มผู้ประท้วงรัฐบาลรัสเซียใช้เป็นแพลตฟอร์มหลักในการติดต่อสื่อสาร จนนำมาสู่การถูก Mail.ru บริษัทที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลรัสเซียเข้ามาแทรกแซง และซื้อธุรกิจโซเชียลมีเดีย VK ไปในที่สุด…