“อิตาลี” ติดอันดับ 1 โจรล้วงกระเป๋าเยอะสุดปี 2024

Loading

  เป็นที่ทราบกันดีว่าสถานการณ์ ‘โจรล้วงกระเป๋า’ ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในยุโรป ทำให้ที่ผ่านมามีหลายภาคส่วนพยายามทำการศึกษาปัญหาดังกล่าวเพื่อนำไปสู่การแก้ไขและป้องกันการโจรกรรมในหมู่นักท่องเที่ยว (แม้จะมีเสียงบ่นว่าตำรวจไม่เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้สักทีก็ตาม)   ล่าสุดเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัท ‘Quotezone’ บริษัทประกันภัยสัญชาติอังกฤษก็ได้ทำการรวบรวม-วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการล้วงกระเป๋าในประเทศต่างๆ จนออกมาเป็น ‘European Pickpocketing Index’ หรือ ที่ระบุว่า ประเทศใดบ้าง 10 ลำดับที่มีอัตราการล้วงกระเป๋ามากที่สุดในยุโรป   แน่นอนว่าประเทศที่มาเป็นอันดับ 1 ในดัชนีนี้ก็หนีไม่พ้น ‘อิตาลี’ ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องโจรชุกชุมตลอดกาล โดยมีอัตราล้วงกระเป๋าพุ่งไปที่ 478 ครั้งต่อนักท่องเที่ยว 1 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น 3 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่ผ่านมา และจุดที่มีการล้วงกระเป๋ามากที่สุดนั้น ก็คือบริเวณน้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) ในกรุงโรม ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวหนาแน่นกว่า 18,000 คนต่อชั่วโมง ทำให้พื้นที่นี้มีง่ายต่อการก่อเหตุ ส่วนสถานที่มีการล้วงกระเป๋ารองลงมาในโรม ได้แก่ โคลอสเซียม และวิหารแพนธีออน ตามลำดับ และไม่เพียงแค่โรม ดัชนียังระบุว่า สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองอื่นๆ ของอิตาลียังตกเป็นเป้าของการก่อเหตุ มหาวิหารดูโอโมในมิลาน และหอศิลป์อุฟฟิซีในเมื่องฟลอเรนซ์…

ไฟไหม้ โหมกระหน่ำ เผารถยนต์ 200 คัน ใกล้สนามบินลิสบอน ในโปรตุเกส

Loading

วันที่ 19 ส.ค. 2567 ทางเพจสื่อข่าวต่างประเทศ World Forum ข่าวสารต่างประเทศ รายงาน เกิดเหตุไฟไหม้รถยนต์กว่า 200 คัน ในลานจอดรถใกล้สนามบินลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เมื่อวันศุกร์ 16 ส.ค. 2567 เวลาประมาณ 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น

โปรตุเกสเป็นประเทศล่าสุดที่แบนอุปกรณ์ 5G ของ Huawei

Loading

  รัฐบาลโปรตุเกสได้ประกาศ ห้ามซื้ออุปกรณ์เครือข่ายไร้สาย 5G จากซัพพลายเออร์จากรัฐที่อยู่นอกสหภาพยุโรป (EU) ,ไม่ได้เป็นสมาชิกของ NATO หรือ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) โดยบริษัทที่นอกเหนือจากองค์กรเหล่านี้จะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “ความเสี่ยงสูง” ต่อความมั่นคงเครือข่ายระดับชาติ   ดังนั้นซัพพลายเออร์อุปกรณ์และบริการ 5G ของจีน อย่าง Huawei จึงถูกแบนเช่นกัน   ในช่วงปี 2019 บริษัทโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดของโปรตุเกสอย่าง “Altice Portugal” จะเคยประกาศว่าร่วมกับ Huawei เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี 5G ก่อนที่ต้นปีที่ผ่านมาจะประกาศเลือก Nokia ให้เป็นผู้ให้บริการอุปกรณ์สำหรับเครือข่ายหลัก 5G   อย่างไรก็ตามแถลงการณ์นี้ไม่ได้ระบุชื่อซัพพลายเออร์รายใดที่ถูกแบนและไม่ได้ระบุวันที่ที่บริษัทโทรคมนาคมในโปรตุเกสจะต้องถอดอุปกรณ์ของซัพพลายเออร์ที่ถูกแบน     ที่มา : ประกาศรัฐบาลโปรตุเกส via Bloomberg         ——————————————————————————————————————————————————————- ที่มา :         …

ระทึก! มือมีดอีโต้ลี้ภัยเข้ายุโรปบุก “ศูนย์มุสลิมลิสบอน” ไล่แทงดับ 2 มีบาดเจ็บ อาจเป็นก่อการร้าย

Loading

    เอเจนซีส์ – คนร้ายใช้มีดอีโต้ไล่แทงคนภายในศูนย์มุสลิม กลางกรุงลิสบอนของโปรตุเกส เช้าวันอังคาร (28 มี.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 2 คน และบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ตำรวจยิงคนร้ายเพื่อระงับเหตุก่อนนำตัวไปรักษาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลระหว่างควบคุมตัว ตำรวจแถลงกำลังสืบสวนคดีแนวทางก่อการร้าย สื่อในประเทศรายงานมือมีดก่อเหตุเป็นผู้อพยพชาวอัฟกันเข้ายุโรป พ่อม่ายลูกติดสาม เบื้องต้นยังไม่ทราบเหตุจูงใจ   หนังสือพิมพ์ดิอินดีเพนเดนต์ของอังกฤษรายงานวันนี้ (29 มี.ค.) ว่า มีผู้บาดเจ็บจำนวนไม่กี่คนเกิดขึ้นท่ามกลางเหยื่อเสียชีวิตเป็นสตรีจำนวน 2 ราย ซึ่งทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์มุสลิมอิสไมลี (Ismaili Muslim centre) ในกรุงลิสบอน ของโปรตุเกส   ผู้นำชุมชนมุสลิมอิสไมลี นาร์ซิม อาห์หมัด (Narzim Ahmad) กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์โปรตุเกส SIC พร้อมกับเปิดเผยว่า ตำรวจโปรตุเกสเข้ามาระงับเหตุและใช้ปืนยิงคนร้าย   ทั้งนี้ พบว่าตำรวจโปรตุเกสถูกเรียกมาที่ศูนย์หลังพบคนร้ายมาพร้อมกับมีดอีโต้ขนาดใหญ่ในเช้าวันอังคาร (28) ตามการแถลงการณ์ของตำรวจโปรตุเกสระบุว่า คนร้ายถูกสั่งให้ยอมมอบตัวแต่เขากลับขัดขืนและถือมีดอีโต้เดินเข้าหาตำรวจ ส่งผลทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้ปืนยิงเพื่อจัดการคนร้าย   ก่อนที่จะนำตัวมือมีดอีโต้ไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บภายใต้การควบคุมตัว ซึ่งในเวลานี้ยังไม่ทราบถึงแรงจูงใจก่อเหตุ แต่ทว่าตำรวจโปรตุเกสกล่าวแถลงจะทำการสอบสวนคดีในแนวทางก่อการร้าย   หนึ่งในเจ้าหน้าที่ศูนย์มุสลิมอิสไมลีกล่าวว่า…

LockBit อ้างความรับผิดชอบโจมตีไซเบอร์ต่อท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป

Loading

  ท่าเรือลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ซึ่งท่าเรือทางทะเลที่คับคั่งมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ถูกโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ จนระบบดิจิทัลหลายตัวล่ม แต่ไม่ส่งผลต่อการปฏิบัติงานภายในท่าเรือแต่อย่างใด   สำนักงานท่าเรือลิสบอน (APL) ออกมาเผยว่าได้นำมาตรการตอบโต้ที่เตรียมไว้มาใช้บังคับแล้ว โดยศูนย์ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติและตำรวจศาลได้เฝ้าดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด   ทั้งนี้ ด้านกลุ่มมัลแวร์เรียกค่าไถ่ LockBit ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งได้เพิ่มชุดข้อมูลที่อ้างว่าขโมยมาจาก APL เข้าไปยังเว็บไซต์ของทางกลุ่ม   ชุดข้อมูลนี้มีทั้งรายงานการเงิน ข้อมูลการตรวจสอบ งบประมาณ สัญญาจ้าง ข้อมูลสินค้า ข้อมูลเรือ รายละเอียดลูกเรือ ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เอกสารท่าเรือ รายละเอียดเนื้อหาอีเมล และอีกมากมาย   LockBit ออกมาตั้งค่าไถ่เป็นเงินจำนวน 1.5 ล้านเหรียญ (ราว 51.9 ล้านบาท) พร้อมขู่ว่าหากไม่ได้รับเงินค่าไถ่ภายในวันที่ 18 มกราคม ทางกลุ่มจะปล่อยข้อมูลบนโลกออนไลน์ แต่มีตัวเลือกให้ชะลอวันปล่อยข้อมูล 1 วัน ด้วยการจ่ายเงินครั้งละ 1,000 เหรียญ (ราว 34,439 บาท)   ท่าเรือลิสบอนไม่ได้มีความสำคัญต่อโปรตุเกสเท่านั้น…

สายการบินแห่งชาติโปรตุเกสยืนยันไม่เจรจากับแฮ็กเกอร์ที่ขโมยข้อมูลลูกค้า

Loading

  TAP Air Portugal สายการบินแห่งชาติของโปรตุเกสออกมาประกาศว่าจะไม่ยอมเจรจากับแฮ็กเกอร์ที่ขโมยข้อมูลลูกค้าไปปล่อยบนดาร์กเว็บ   ข้อมูลทื่หลุดออกมามีทั้งชื่อลูกค้า สัญชาติ เพศ วันเกิด ที่อยู่ อีเมล เบอร์โทร วันที่ลงทะเบียน และเลข Frequent Flyer แต่ไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลการเงินหลุดไปแต่อย่างใด   สายการบินดังกล่าวถูกโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ที่ชื่อว่า Ragna Locker เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในครั้งนั้น TAP Air Portugal อ้างว่าสามารถยุติการโจมตีที่เกิดขึ้นได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และยืนยันว่าไม่มีการหลุดรั่วของข้อมูลลูกค้าแต่อย่างใด   อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นเพียง 1 เดือน ทาง Ragnar Locker ก็ออกมาเผยแพร่ข้อมูลลูกค้ามากกว่า 1.5 ล้านราย พร้อมบอกด้วยว่าทาง TAP Air Portugal ยังไม่ได้แก้ไขช่องโหว่ภายในระบบ ซึ่งทางสายการบินก็ออกมายืนยันว่าจะไม่เจรจาเป็นอันขาด   “เราไม่อยากเจรจา เพราะเราไม่อยากที่จะให้รางวัลกับพฤติกรรมแบบนี้” คริสติน อูร์มีเรส-วิเดเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TAP Air…