บิดาแห่งปัญญาประดิษฐ์เตือนภัย พัฒนาการ AI น่ากลัว ชี้อีกไม่นานฉลาดเกินมนุษย์

Loading

    เจฟฟรีย์ ฮินตัน ชายผู้ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นดั่งบิดาและเจ้าพ่อแห่งวงการปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) วัย 75 ปี ได้ลาออกจากงานพร้อมเตือนถึงอันตรายที่เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาเอไอ   ฮินตันซึ่งประกาศลาออกจากกูเกิลได้เผยแพร่แถลงการณ์ผ่านนิวยอร์กไทม์สว่า ขณะนี้เขารู้สึกเสียใจกับงานที่ทำ และบอกว่าอันตรายบางประการของแชทบอทที่ควบคุมโดยเอไอค่อนข้างน่ากลัว “เท่าที่ผมสามารถบอกได้ ตอนนี้พวกเขาไม่ได้ฉลาดไปกว่าเรา แต่ผมคิดว่าอีกไม่นานพวกเขาอาจจะฉลาดกว่าเราได้”   งานวิจัยบุกเบิกของฮินตันเกี่ยวกับการเรียนรู้เชิงลึกและโครงข่าวประสาทเทียมได้ปูทางไปสู่ระบบเอไอในปัจจุบัน เช่น ChatGPT ที่ฮินตันบอกว่า แชตบอตสามารถที่จะแซงหน้าระดับข้อมูลที่สมองของมนุษย์สามารถจดจำได้ในเร็วๆ นี้   “ตอนนี้สิ่งที่เราเห็นคือ GPT-4 ได้บดบังความรู้ที่คนทั่วไปคนหนึ่งมี และมันจะก้าวล้ำนำหน้าความรู้ของคนๆ หนึ่งแบบทิ้งห่าง ในแง่ของเหตุและผลมันไม่ใช่เรื่องดี แต่มันก็เป็นไปแล้ว”ฮินตันระบุ และว่า เมื่อคำนึงถึงความรวดเร็วของพัฒนาการ คาดว่าสิ่งต่างๆ จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราจำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับมัน   ฮินตันยังกล่าวกับบีบีซีถึงรายละเอียดในเรื่องนี้ว่า นี่เป็นเพียงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด มันเป็นฝันร้าย ให้ลองจินตนาการดูว่า นักแสดงแย่ ๆ อย่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ตัดสินใจให้หุ่นยนต์สามารถสร้างเป้าหมายย่อยขึ้นมาเองได้ ท้ายที่สุดแล้วมันอาจสร้างเป้าหมายย่อยอย่าง ฉันจะต้องมีอำนาจมากกว่านี้   ฮินตันกล่าวด้วยว่า เขาได้ข้อสรุปว่าประเภทของความฉลาดและปัญญาที่เราพัฒนาขึ้นมานั้นแตกต่างจากปัญญาที่เรามี มนุษย์เป็นระบบชีวภาพ แต่มันเป็นระบบดิจิทัล ความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงคือด้วยระบบดิจิทัล…

ยูเครนคือสมรภูมิ ประลองอาวุธ AI

Loading

    สมรภูมิรบในยูเครนได้กลายเป็น “โชว์รูม” แห่งอาวุธที่ใช้เทคโนโลยีก้าวล้ำกว่าสงครามโลกครั้งที่สองหลายมิติ   เป็นสนามประลองที่เราได้เห็นการใช้ “โดรนกามิกาเซ่” ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าสงครามครั้งก่อนๆ   เราเห็นการใช้ AI เพื่อประเมินข้อมูลที่มีความสำคัญต่อการวางยุทธศาสตร์การสู้รบ   เราเห็นเครือข่ายดาวเทียม StarLink ของ SpaceX ของอีลอน มัสก์ ที่มีดาวเทียมจิ๋วๆ จำนวนมากลอยอยู่เหนือยูเครนเพื่อให้ทหารได้ใช้อินเตอร์เน็ตเชื่อมต่อกับสัญญาณจากสถานีภาคพื้นดินแม้ในแนวรบที่ห่างไกล   การที่กองทัพยูเครนไม่ถูกทหารรัสเซียถล่มโจมตีจนต้องยกธงขาวในสองสามสัปดาห์แรกก็เพราะหน่วยงานด้านเทคโนโลยีของยูเครนโดยการสนับสนุนจากตะวันตกส่งข้อมูลสำคัญๆ บนคลาวด์เพื่อจะปกป้องข้อมูลหลักๆ ไม่ให้ถูกทำลายด้วยขีปนาวุธรัสเซียที่ถล่ม “โครงสร้างพื้นฐาน” ด้านทหารและความมั่นคงของยูเครน   กระทรวงดิจิทัลของยูเครนที่เพิ่งตั้งขึ้นก่อนสงครามเกิดประมาณสองปีปรับตัวทันทีที่ทหารรัสเซียบุก…ด้วยการใช้ Apps ที่ชื่อ Diia เพื่อเก็บข้อมูลจาก open source intelligence หรือข้อมูลข่าวกรองที่ได้จากแหล่งข่าวที่เปิดเผย   เมื่อมี apps นี้แล้วประชาชนยูเครนทั้งหลายสามารถที่จะส่งรูปและคลิปวิดีโอขึ้นไปเพื่อรายงานที่ตั้งของฝ่ายศัตรูให้หน่วยงานทางการได้รับรู้   เหมือนประชาชนเป็นสายข่าวทหารให้กับทั้งกองทัพผ่านมือถือของตน   พอรัสเซียส่งโดรนที่ทำจากอิหร่านมาโจมตีเป้าหมายในสนามรบ ยูเครนก็โต้ตอบด้วยการส่งโดรนของตนที่ออกแบบมาเพื่อการสกัดโครนคู่ต่อสู้โดยเฉพาะ   และทหารยูเครนก็ได้รับการฝึกฝนให้ใช้อาวุธจากตะวันตกที่ตนไม่คุ้นเคยมาก่อน   เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่าการแข่งขันใช้นวัตกรรมแบบ “แมวกับหนู” ระหว่างรัสเซียกับยูเครนในสนามรบ   เมื่อยูเครนตัวเล็กกว่า…

ทริคใหม่ ติด AI ให้กล้องจับความร้อน หารหัสผ่านจากคีย์บอร์ดได้

Loading

  อีกหนึ่งวิธีแฮ็กรหัสผ่าน ก็คือการเช็คร่องรอยจากอุปกรณ์โดยตรง ซึ่งผู้ใช้มักจะเหลือไว้โดยไม่รู้ตัว จนเปิดโอกาสให้ผู้ไม่หวังดีแอบสังเกตเห็นได้ และนำไปสู่การแฮ็กรหัสผ่านได้ในที่สุด   นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยกลาสโกลว์ (Glasglow) เผยวิธีการเดารหัสผ่านจากแป้นคียบอร์ดและหน้าจอสมาร์ทโฟน ด้วยการใช้กล้องตรวจจับความร้อน มาค้นหาร่องรอยการกดรหัสผ่านได้   ส่วนนี้คนร้ายสามารถจ้องเล่นงานเหยื่อ ที่ใช้คอมฯ ในที่สาธารณะ หรืออาจขโมยสมาร์ทโฟนมา จากนั้นก็ใช้กล้องตรวจจับความร้อน หาตำแหน่งรอยนิ้วมือที่มีการกดรหัสผ่าน และใช้ระบบ AI ที่ชื่อ ThermoScure มาช่วยคาดเดาอีกที จนได้รหัสผ่านที่ถูกต้องในที่สุด   มีรายงานด้วยว่า ThermoScure สามารถคาดเดารหัสผ่านได้ถูกต้องอย่างน้อย 62 – 93% และยังใช้เวลาวิเคราะห์ได้เร็วสุดภายใน 20 วินาทีด้วย แต่ก็ขึ้นอยู่กับความยาวของรหัสผ่าน โดยยิ่งมีความยาวมาก ก็ยิ่งใช้เวลา   ส่วนคียบอร์ดหากใช้ Keycab หรือปุ่มกดแบบทำจากพลาสติก PBT ก็จะลดอัตราความสำเร็จลงเหลือ 14% ในขณะที่พลาสติกแบบ ABS จะมีอัตราความสำเร็จ 50%   สุดท้ายนี้ตัวระบบ AI ดังกล่าว เป็นเพียงเครื่องมือทดสอบสำหรับการวิจัยนี้เท่านั้น ยังไม่ได้หลุดไปยังกลุ่มแฮ็กเกอร์…

เมื่อ AI โคลน ‘เสียงมนุษย์’ เกือบ 100% นักพากย์เสี่ยงตกงาน-มิจฉาชีพใช้เรียกค่าไถ่

Loading

    เมื่อ AI สามารถเลียนแบบตัวตนของมนุษย์ อย่าง “เสียงพูด” ได้สำเร็จ ในระดับที่มนุษย์ไม่สามารถแยกแยะได้ สิ่งนี้จะสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างต่อมนุษย์มากน้อยเพียงใด และมีวิธีรับมืออย่างไรบ้าง   Key Points   -บริษัทจ้างมนุษย์พากย์เสียง 30 วินาที ราคา 2,000 ดอลลาร์หรือราว 70,000 บาท ในขณะที่เสียงพากย์จาก AI ราคาเพียงแค่ 27 ดอลลาร์หรือราว 1,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น   -นักพากย์เสียงหลายคนเซ็นสัญญาให้บริษัทลูกค้าสามารถใช้เสียงตัวเองได้ไม่จำกัด รวมถึงขายให้ฝ่ายที่สาม ซึ่งอาจใช้เสียงของมนุษย์ในการฝึก AI   -หากเสียงคนในครอบครัวทางโทรศัพท์ ขอให้เราโอนเงินผ่านช่องทางที่ไม่ใช่ธนาคาร ไม่สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ ก็ขอให้ระวังว่า อาจเป็นมิจฉาชีพ   ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) ในปัจจุบันกำลังเป็นดาบสองคม ด้านหนึ่งช่วยแบ่งเบาภาระมนุษย์ ประมวลข้อมูลมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่อีกด้านหนึ่งก็กำลังกลายเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ เมื่อ AI เข้าสู่จุดที่เรียกว่า “เลียนแบบเสียงพูดมนุษย์”…

ตำรวจยุโรปเตือน! มิจฉาชีพอาจเริ่มใช้ AI หลอกเอาเงิน สมจริงยิ่งกว่าเดิม

Loading

  มิติใหม่ภัยโลกไซเบอร์ ตำรวจยุโรปเตือน มิจฉาชีพอาจเริ่มใช้ AI เขียนข้อความ หลอกเอาเงิน แบบสมจริงกว่าที่เป็นมาแล้ว   เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเคยมีประสบการณ์ได้รับข้อความหรือเมลจากมิจฉาชีพ เพียงแต่รอดจากการถูกหลอกมาได้ เพราะรู้ทันคนพวกนั้น จากลักษณะการใช้คำหรือความไม่สมเหตุสมผลของข้อความสักครั้งสองครั้ง   ดังนั้น นี่จึงอาจจะเป็นข่าวที่น่ากังวลพอสมควรเลย เพราะเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจสากลยุโรป (Europol) ก็เพิ่งจะออกมาประกาศเตือนประชาชนเลยว่า มันกำลังมีความเป็นไปได้สูงเลยที่มิจฉาชีพจะเริ่มนำ AI อย่าง ChatGPT มาช่วยในการต้มตุ๋น     นั่นหมายความว่า อีกหน่อยเราอาจจะยิ่งตรวจจับข้อความหรืออีเมลหลอกลวงได้ยากขึ้น เนื่องจากไม่สามารถพึ่งพาการใช้คำผิด หรือข้อความที่ดูไม่เป็นธรรมชาติอีกต่อไป “ความสามารถในการร่างข้อความที่เหมือนจริงสูงของ ChatGPT ทำให้มันถือเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากที่จะนำไปใช้โดยมิจฉาชีพเลย” ChatGPT ระบุ   และแม้ว่าในปัจจุบันภาษาที่ AI เชี่ยวชาญมากพอที่จะเป็นปัญหาเช่นนี้ได้ จะยังมีแค่ภาษาอังกฤษ จนทำให้ประเทศที่เสี่ยงส่วนใหญ่จะอยู่แค่ในฝั่งตะวันตกอยู่ก็ตาม แต่หากดูจากการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของ AI หลายๆ ตัว มันก็ไม่แน่เหมือนกันว่าอีกไม่นานเราก็อาจจะได้เห็นข้อความหรืออีเมลต้มตุ๋นในภาษาอื่นๆ รวมถึงภาษาไทย ถูกเขียนขึ้นโดย AI ภาษาระดับสูงเลยก็เป็นได้     เรื่องของ…

กูเกิลเปิดตัว Google Cloud Security AI Workbench สู้ co-pilot ของไมโครซอฟท์ที่ใช้ GPT-4

Loading

    ในสนามสงครามธุรกิจคลาวด์ ก็เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่ Generative AI สามารถนำมาใช้งานเพื่อให้โปรแกรมเมอร์เขียนโปรแกรมได้ในเวลาสั้นลง เหมือนมี AI เป็นผู้ช่วย ซึ่งไมโครซอฟท์ ก็ได้นำเอนจิ้น GPT มาใช้งานกับ Microsoft Azure คลาวด์ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   แน่นอนว่า กูเกิลก็ไม่สามารถอยู่เฉยได้ ล่าสุดในงาน RSA Conference 2023 กูเกิลได้เปิดตัว Google Cloud Security AI Workbench เป็นแพลตฟอร์มใช้สำหรับงานความปลอดภัยไซเบอร์โดยเฉพาะ โดยใช้พลังจาก Sec-PaLM ระบบโมเดลภาษาขนาดใหญ่ ที่สร้างมาเพื่อทำงานเกี่ยวกับความปลอดภัยไซเบอร์   ตัวอย่างหนึ่งที่กูเกิลยกมาคือ ระบบ VirusTotal Code Insight ช่วยให้วิศวกรความปลอดภัย สามารถนำเข้าสคริปต์ และวิเคราะห์พฤติกรรมที่เป็นอันตรายได้ หรืออีกระบบคือ Mandiant Breach Analytics แจ้งเตือนผู้ใช้งานอัตโนมัติเมื่อพบพฤติกรรมละเมิด   Security AI Workbench เปิด API…