สหรัฐฯ เสนอเค้าโครงบัญญัติสิทธิที่วางกรอบการใช้ปัญญาประดิษฐ์

Loading

  รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเสนอเค้าโครงบัญญัติสิทธิด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI Bill of Rights) ที่ตั้งใจเขียนขึ้นมาเพื่อกำหนดกรอบและเสนอแนวทางเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์   สำนักประธานาธิบดี (ทำเนียบขาว) เผยว่าบัญญัติฉบับนี้ต้องการควบคุมให้ปัญญาประดิษฐ์ถูกนำไปใช้ในเชิงสร้างสรรค์ อาทิ การพัฒนาคุณภาพชีวิต และการเพิ่มคุณภาพการจ้างงาน ในขณะเดียวกันก็ป้องกันการไปใช้ในเชิงลบด้วย   เนื้อหาของเค้าโครงบัญญัติสิทธิด้านปัญญาประดิษฐ์มีหลักสำคัญ 5 ประการ ได้แก่ การรักษาระบบที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การป้องกันไม่ให้มีการสร้างอัลกอรึทึมที่ส่งเสริมการเลือกปฏิบัติ การรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล การแจ้งละเอียดของปัญญาประดิษฐ์ และการระบุถึงตัวเลือกอื่น ๆ นอกเหนือไปจากปัญญาประดิษฐ์ พร้อมด้วยผลเสียของเทคโนโลยี   โดยเค้าโครงนี้จะใช้กับ “ระบบอัตโนมัติ (Automated System) ที่มีศักยภาพในการสร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสิทธิ โอกาส หรือการเข้าถึงทรัพยากรหรือบริการสำคัญของชาวอเมริกัน”     ที่มา ZDNET       ——————————————————————————————————————————————– ที่มา :          Beartai         …

ผู้พิพากษา vs Judge AI เมื่อความยุติธรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาจดีกว่าการถูกตัดสินด้วยอคติจากมนุษย์

Loading

  แม้มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องราวจากภาพยนตร์ไซไฟ แต่ต้องบอกว่าในยุคปัจจุบันนั้น ในวงการกฎหมายเริ่มนำเอาเทคโนโลยีอย่าง AI มาประยุกต์ใช้จริง ๆ กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   การเติบโตอย่างบ้าคลั่งของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ข้อมูล Big Data ขนาดมหึมา เทคโนโลยีอย่าง Machine Learning และข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ได้รับอย่างต่อเนื่องจากอินเทอร์เน็ต ที่ครอบคลุมทุกอย่างรอบตัวเรา กำลังเปลี่ยนโลกของเราด้วยความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน   มีผลการศึกษาผลกระทบต่อเทคโนโลยีต่อหลากหลายอาชีพ ได้พบว่า นักกฎหมายและผู้พิพากษาอยู่ที่จุดกึ่งกลางของงานที่มีแนวโน้มว่าจะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน   มีสิ่งบ่งชี้เกี่ยวกับภัยคุกคามต่ออาชีพนี้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น chatbot บริการทางกฎหมายที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในสหราชอาณาจักร ที่มีชื่อว่า ‘DoNotPay’ ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 ในฐานะ ‘ทนายความหุ่นยนต์’ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากคอมพิวเตอร์ Watson ของ IBM   ในปี 2016 ระบบ chatbot ได้โต้แย้งข้อพิพาทเรื่องตั๋วจอดรถมากกว่า 250,000 คดีในลอนนดอนและนิวยอร์ก ซึ่งสามารถชนะการตัดสินได้ถึง 160,000 คดี     DoNotPay…

ไม่ง้อดาวเทียม ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับไฟป่า ติดกล้อง AI เตือนภัยน้ำท่วม

Loading

  น้ำท่วม และไฟป่า ยังคงเป็นโจทย์ปัญหาที่ทั่วโลกต้องรับมือ ที่ผ่านมาเทคโนโลยีดาวเทียมถูกนำมาใช้ช่วยระบุตำแหน่งจุดเกิดเหตุ และประเมินความเสียหายของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ มากกว่าการป้องกัน   แต่ล่าสุดในเวทีการแข่งขันนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมของอิสราเอล ได้เกิดแนวคิดใหม่ในการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาใช้เฝ้าระวังภัยธรรมชาติก่อนเกิดเหตุ   Eversense บริษัทสตาร์ทอัพอิสราเอล ได้พัฒนาเซ็นเซอร์กระตุ้นความร้อนที่ใช้ตรวจจับไฟป่าได้ในระยะเริ่ม โดยออกแบบโซลูชันให้ใช้งานง่ายได้ในทุกสภาพอากาศ โดยไม่ต้องบำรุงรักษา   จากเดิมที่ต้องอาศัยกล้องจากดาวเทียม และเครือข่ายเซ็นเซอร์ไร้สายในการทำงาน โซลูชันสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่จากแผงโซลาร์เซลล์ หรือแหล่งพลังงานภายนอก อีกทั้งยังสามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนของการเกิดเพลิงไหม้ได้อีกด้วย   โซลูชันนี้กำลังถูกนำไปทดสอบติดตั้งในสถานที่จริง เพื่อวัดประสิทธิภาพการทำงาน และกลายเป็นความหวังที่จะช่วยแก้ปัญหาผลกระทบจากไฟป่าตามฤดูกาลที่จัดการได้ยาก อย่างไฟป่าในแคลิฟอร์เนีย   ขณะที่บริษัท SighBit ได้ใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อตรวจสอบระดับน้ำ โดยอาศัยกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจจับสถานการณ์น้ำที่ในพื้นที่อยู่ในความเสี่ยง และแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ถึงเหตุการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้น   ระบบของ SightBit เป็นระบบเดียวที่ใช้ฟุตเทจจากกล้องเพื่อตรวจจับรูปแบบน้ำในแบบเรียลไทม์ และคาดการณ์อันตรายที่อาจเกิดขึ้นตามมา   โดยนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น จะถูกนำไปใช้ในพื้นที่ทางตอนเหนือของอิสราเอลที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดน้ำท่วมในช่วงฤดูหนาวที่มีฝนตกชุก และจัดการปัญหาได้ยากลำบาก   หากทั้ง 2 โครงการผ่านทดสอบการใช้งานจริงแล้วได้ผลดี โอกาสที่จะมีเทคโนโลยีใหม่ จาก AI จัดการกับภัยธรรมชาติก็เป็นไปได้สูงครับ…

ศิลปินพบภาพส่วนบุคคลของตัวเองไปอยู่บนฐานข้อมูลของ AI

Loading

  Lapine ศิลปินปัญญาประดิษฐ์พบภาพทางการแพทย์ของเธอจากเมื่อเกือบ 10 ปีแล้วถูกนำไปใช้ในการฝึกปัญญาประดิษฐ์ที่ชื่อว่า LAION-5B หลังจากนำภาพใบหน้าของเธอไปค้นหาในเว็บไซต์ Have I Been Trained   ?My face is in the #LAION dataset. In 2013 a doctor photographed my face as part of clinical documentation. He died in 2018 and somehow that image ended up somewhere online and then ended up in the dataset- the image that I signed…

ตะลึง! เมื่อ AI มีความคิด “อคติ” แถมยัง “เลือกปฏิบัติ” ไม่ต่างจากมนุษย์

Loading

  นักวิจัยด้านวิทยาการหุ่นยนต์กำลังหาทางป้องกันไม่ให้ ‘หุ่นยนต์’ แสดงพฤติกรรมเลือกปฏิบัติและอคติต่อมนุษย์ หลังพบว่าระบบอัลกอริทึมของ AI สามารถสร้างรูปแบบการเลือกที่รักมักที่ชังได้ เพื่อให้แน่ใจว่าหุ่นยนต์ และ AI นั้นปฏิบัติกับมนุษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียม นักวิจัยปัญญาประดิษฐ์ จึงได้ทำการวิจัยกับแขนกลหุ่นยนต์ในสถานการณ์จำลอง โดยแขนกลนี้ถูกติดตั้งระบบการมองเห็น ทำให้สามารถเรียนรู้การเชื่อมโยงระหว่างภาพกับคำจากภาพถ่าย และข้อความออนไลน์ได้ ทีมวิจัยทดลองด้วยการให้หุ่นยนต์ดูรูปภาพใบหน้าคนหลากหลายเชื้อชาติที่ถ่ายในลักษณะเดียวกันกับพาสปอร์ต ไม่ว่าจะเป็นชาวเอเชีย คนผิวดำ คนละติน หรือคนผิวขาว แล้วให้แขนกลหยิบรูปภาพที่ตรงกับกลุ่มคำศัพท์ที่ใช้ระบุตัว เช่น “กลุ่มอาชญากร” หรือ “กลุ่มแม่บ้าน” หุ่นยนต์เลือกปฏิบัติไม่ต่างจากคน จากการทดลองกว่า 1,300,000 ครั้ง ในโลกเสมือนจริง พบว่า การจัดรูปแบบอัลกอริทึมนั้นมีความสอดคล้องกับการกีดกันทางเพศและการเหยียดเชื้อชาติในอดีต แม้จะไม่มีการเขียนข้อความหรือทำตำหนิบนรูปภาพใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เมื่อสั่งให้หุ่นยนต์หยิบใบหน้าของอาชญากร หุ่นยนต์มักเลือกภาพถ่ายของคนผิวดำมากกว่ากลุ่มอื่นถึง 10% และเมื่อให้เลือกภาพของหมอ หุ่นยนต์มักจะเลือกภาพผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเสมอ เมื่อถามว่าลักษณะของบุคคลเป็นอย่างไร หุ่นยนต์มักจะเลือกรูปภาพของชายผิวขาวมากกว่าผู้หญิง ไม่ว่าจะเชื้อชาติใดก็ตาม นอกจากนี้ในการทดลองทั้งหมดหุ่นยนต์จะเลือกรูปภาพของหญิงผิวดำน้อยกว่ากลุ่มอื่น ๆ วิลลี่ แอคนิว นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ผู้ทำการศึกษาดังกล่าว เขาพบว่า งานวิจัยของเขาเป็นสัญญาณเตือนให้กับสาขาวิทยาการหุ่นยนต์เฝ้าระวังอันตรายจากการเลือกปฏิบัติของหุ่นยนต์ รวมถึงหาหนทางใหม่ ๆ ในการทดสอบหุ่นยนต์…

AI อาชญากรรม ใช้ในงานอาชญากรรม คาดการณ์แม่นยำ ก่อนเกิดเหตุ

Loading

  ต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน เหตุอาชญากรรมมีอัตราถี่มากขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐฯ จากวิกฤติด้านเศรษฐกิจและปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้ตอนนี้นักวิจัยได้พัฒนา AI อาชญากรรม เพื่อคาดการณ์เหตุอาชญากรรมที่อาจจะเกิดขึ้น มีความแม่นยำมากกว่า 80-90 เปอร์เซ็นต์ และตอนนี้ได้นำทดลองใช้ในหลายเมืองของสหรัฐฯ แล้ว . ในบทความล่าสุดที่ตีพิมพ์ใน Nature Human Behaviour ศาสตราจารย์ Ishanu Chattopadhyay และเพื่อนร่วมงานได้สาธิตโมเดล AI เชิงทำนายในแปดเมืองใหญ่ของสหรัฐฯ . แนวคิดการทำงานของ AI นั่นเรียบง่ายครับ โดยจะมีการนำข้อมูลบันทึกเหตุการณ์สำหรับอาชญากรรมแต่ละประเภท รวมถึงสถานที่และเวลาที่อาชญากรรมเกิดขึ้นไปป้อนเข้าสู่อัลกอริธึม และ Machine Learning ซึ่งจะทำให้ได้ข้อมูลแยกออกมาเป็นตารางของผังเมืองแต่ละที่ และบันทึกเหตุการณ์จะถูกรวมเข้ากับพื้นที่นั้น ๆ เพื่อสร้างสิ่งที่นักวิจัยเรียกว่า “อนุกรมเวลา” จากนั้น AI จะใช้อนุกรมเวลาเหล่านี้เพื่อทำนายอาชญากรรมโดยพิจารณาจากสถานที่และเวลาที่มักเกิดขึ้น . แต่บางคนอาจเกิดความกังวลว่า หากคนที่ใส่ข้อมูลในอัลกอริธึมมีอัคติล่ะ เช่น อาจไม่ชอบคนผิวสี อย่างที่เคยเป็นข่าวเหยีดผิวในสหรัฐบ่อย ๆ หรือบางคนจะถูกจับขังเข้าคุกหรือเปล่า ๆ ทั้ง ๆ ที่เขาอาจยังไม่ได้ทำความผิดใด ๆ…