ล้ำไปอีก! เตือนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ Deep Fake ตัดต่อคลิปตำรวจ หลอกโอนเงิน

Loading

  MGR Online – รองโฆษก ตร. เตือนระวังภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไฮเทคใช้ Deep Fake ตัดต่อคลิปภาพตำรวจ หลอกเหยื่อเอาเงิน ย้ำไม่มีนโยบายติดต่อทางระบบวิดีโอคอล   วันนี้ (11 มี.ค.) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจสอบพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมที่นำคลิปวิดีโอจากการให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งสวมใส่หน้ากากอนามัย มาตัดต่อใส่เสียงของคนร้าย เพื่อทำการข่มขู่ผู้เสียหาย จนผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง และโอนเงินจำนวนมากให้กับคนร้าย นั้น   พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันได้มีการพัฒนารูปแบบในการหลอกลวงพี่น้องประชาชน โดยการใช้เครื่องมือที่ทันสมัยมากขึ้นที่เรียกว่า Deepfake ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยี Deep Learning ในการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ ให้สามารถตัดต่อคลิปวิดีโอหรือภาพถ่ายของบุคคลหนึ่ง ให้สามารถขยับปากตามเสียงของบุคคลอื่นได้ ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าว มาตัดต่อคลิปหรือภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้พูดตามสิ่งที่คนร้ายพูด เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการหลอกลวงทรัพย์สินจากพี่น้องประชาชน “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเรียนพี่น้องประชาชน…

หนักกว่านิวเคลียร์ Deepfake ปลุกปั่นให้เกลียดชัง มหันตภัยใหม่ จากภาพปลอม

Loading

  James Cameron ผู้สร้าง The Terminator หรือที่เรารู้จักกันในนาม “คนเหล็ก” ออกมาให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า Skynet อาจจะทำลายมนุษย์ชาติด้วย Deepfake ไม่ใช่ Nukes อย่างในภาพยนตร์ . หนึ่งในบทสัมภาษณ์คือ “ทั้งหมดที่ Skynet ต้องทำ ก็แค่แกล้งคนจำนวนมาก โดยการปลุกปั่นให้พวกเขาเกิดความโกลาหล ปลุกปั่นให้เกิดการเกลียดชัง โดยการใช้แค่ Deepfakes” ยกตัวอย่างเช่น เลียนแบบคนที่มีอำนาจขึ้นมาเพื่อสั่งการอะไรบางอย่างออกไป . หากพูดถึง Skynet มันคือเครือข่าย Computer ขนาดใหญ่ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ทั้งหมด มีความสามารถในการประมวลผลสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วจนตัวมันเองนั้นสามารถคิดแทนมนุษย์ได้ หากจะเปรียบในโลกแห่งความเป็นจริง เราก็มี AI ที่สามารถคิดแทนมนุษย์ได้แล้วจริง ๆ . James Cameron หยิบยกหัวข้อนี้ขึ้นมาในขณะที่พูดคุยถึงภัยคุกคามของวิดีโอ “Deepfake” ที่สร้างโดย AI สามารถบิดเบือนใบหน้าของใครบางคนให้พูดอย่างอื่นได้ คาเมรอนกลัวว่าเทคโนโลยีเดียวกันนี้อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดเพื่อสร้างความวุ่นวายทางการเมืองหรือก่อสงคราม ซึ่งเขาได้ยกตัวอย่าง…

ผู้นำองค์กรต้องเพิ่มกลยุทธ์ป้องกันการปลอมแปลงอัตลักษณ์บุคคล (Deep-Fake)

Loading

  เดือนมีนาคม 2562 ซีอีโอของบริษัทพลังงานแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษได้รับสายด่วนจากเจ้านายซึ่งเป็นผู้บริหารของบริษัทแม่ที่เยอรมนี โดยเจ้านายชาวเยอรมันสั่งให้ลูกน้องของเขาโอนเงินจำนวน 220,000 ยูโร (ประมาณ 8.5 ล้านบาท) ให้กับตัวแทนซัพพลายเออร์ในฮังการี ซึ่งต้องโอนเงินเป็นกรณีเร่งด่วนและต้องแล้วเสร็จภายใน 1 ชั่วโมง เนื่องจากซีอีโอชาวอังกฤษจำสำเนียงเยอรมันที่โดดเด่นของเจ้านายได้ดี เขาจึงรีบอนุมัติการโอนเงินในทันที ทว่าโชคร้ายที่ซีอีโอชาวอังกฤษไม่ได้คุยกับเจ้านายของเขา แต่กลับคุยกับปัญญาประดิษฐ์ที่เลียนเสียงและแอบอ้างตัวเป็นเจ้านายชาวเยอรมัน   องค์กรธุรกิจควรต้องตระหนกกับเหตุการณ์นี้หรือไม่? คำตอบคือทั้งใช่และไม่ใช่ ที่ธุรกิจต้องกังวลคือรูปแบบความซับซ้อนในการหลอกลวงที่ดูแนบเนียนและที่สำคัญเป็นการโจมตีที่ประสบความสำเร็จ แต่ที่ยังเบาใจได้คือมันยังต้องใช้ความพยายามและทรัพยากรอย่างมากในการจู่โจมรูปแบบนี้และเป้าหมายใหญ่อย่างบริษัทข้ามชาติ ซึ่งสิ่งนี้กำลังจะเปลี่ยนไป โดยเครื่องมือที่ใช้บิดเบือนข้อมูลสามารถขยายเป็นสองทางอย่างน่าทึ่ง อย่างแรก คือ มันทำให้ผู้ที่ไม่หวังดีใช้วิธีนี้จู่โจมได้ง่ายมากขึ้น แม้จะมีเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จน้อยแต่สิ่งที่ได้มาก็คุ้ม อย่างที่สองเมื่อเทคโนโลยี Deep-Fake หรือการปลอมแปลงอัตลักษณ์ของบุคคลด้วยปัญญาประดิษฐ์ที่ทรงพลังและใช้ง่ายตกอยู่ในมือคนจำนวนมากที่ทำให้ใครก็ได้สามารถโจมตีเป้าหมายที่ต้องการไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม   เทคโนโลยีเอไอ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิ่ง (Machine Learning) แทรกซึมอยู่ในธุรกิจและการสื่อสารสมัยใหม่ ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่จะมีการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ไปในทางที่ผิดกฎหมาย การล่อลวงแบบดีปเฟก (Deepfakes) สามารถเป็นได้ทั้งเสียง รูปภาพ และวิดีโอที่ดูเสมือนจริงแต่กลับเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สร้างขึ้นด้วยเอไอ เหล่านี้เป็นปรากฏการณ์ครั้งล่าสุดของการบิดเบือนข้อมูลในแบบที่ RAND Corporation หน่วยงานด้านนโยบายระดับโลกของอเมริกา ได้อธิบายไว้ว่าเป็น “วัฒนธรรมการเสื่อมสลายของความจริง” (หรือ Truth Decay) เป็นพลวัตที่มีการถกเถียงอย่างมากถึงขอบเขตในด้านการเมืองและทฤษฎีสมคบคิด…

Deepfake แบบใหม่ ใช้ AI ขยับปากตามเสียงพากย์ได้แล้ว

Loading

  Flawless บริษัทสตาร์ตอัปที่พัฒนาด้าน AI ได้พัฒนาเทคโนโลยี Deepfake แบบใหม่ ที่สามารถปรับภาพปากของนักแสดงในภาพยนตร์ฮอลลีวูดต้นฉบับ สามารถขยับตามปากตามเสียงที่ถูกพากย์ทับในภาษาอื่น ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงภาพยนตร์ได้มากขึ้น โดยปกติแล้ว เทคโนโลยี Deepfake จะถูกนำมาใช้ในการนำใบหน้าของบุคคลอื่นมาซ้อนทับกับใบหน้าของนักแสดงในภาพยนตร์ได้อย่างแนบเนียน แต่ Flawless ได้เน้นการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้เฉพาะกับองค์ประกอบของปากเท่านั้น โดยการนำเอาภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่ถูกพากย์เสียงทับใหม่สำหรับฉายในต่างประเทศ มาผสานการทำงานเข้ากับซอฟต์แวร์ของ Flawess ซึ่งโมเดล AI ของ Flawless จะสร้างภาพการเคลื่อนไหวของริมฝีปากขึ้นมาให้ตรงกับภาษาที่พากย์ทับเข้ามา และวางภาพริมฝีปากใหม่นี้ลงบนใบหน้าของนักแสดงในภาพยนตร์นั้น ๆ ได้อย่างสมจริง     Nick Lynes ผู้ร่วมก่อตั้ง Flawless ได้กล่าวกับเว็บไซต์ TheVerge ว่า “บางครั้งในการชมภาพยนตร์ที่ถูกพากย์เสียงทับมาใหม่ ก็จะสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของปากที่ไม่ตรงกับเสียงพากย์ ซึ่งทำให้ผู้ชมลดทอนการแสดงของนักแสดงคนนั้น ๆ ลงไปด้วย ระบบที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่นี้จะเข้ามาช่วยให้ผู้ชมยังคงเห็นการแสดงของนักแสดงจากภาพยนตร์ต้นฉบับไปพร้อมกับเสียงพากย์ใหม่ได้อย่างลงตัว” แม้ว่าผลลัพธ์จะยังไม่ถือได้ว่ามีประสิทธิภาพเต็ม 100% แต่ก็ได้ผลที่น่าประทับใจ โดยเห็นได้จากตัวอย่างที่เป็นฉากหนึ่งจากภาพยนตร์คลาสสิกอย่าง A Few Good Men เมื่อปี 1992…

จีนเรียก 3 ยักษ์เทคโนโลยี คุมการใช้ deepfake บนแพลตฟอร์ม

Loading

    รอยเตอร์ส รายงาน (18 มี.ค.) – หน่วยงานกำกับดูแลของจีนได้มีคำสั่งเรียกบริษัท เทคโนโลยีในประเทศ 11 ราย รวมถึง อาลีบาบากรุ๊ป, เทนเซนต์และไบต์แดนซ์ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี ‘deepfake’ บนแพลตฟอร์มของตน ผู้ดูแลระบบไซเบอร์สเปซของจีนกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี(18 มี.ค.) ว่ากระทรวงความมั่นคงสาธารณะได้พูดคุยกับบริษัทต่าง ๆ เกี่ยวกับ“ การประเมินความปลอดภัย” และปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับแอปโซเชียลปลอมภาพและเสียง ซึ่ง Kuaishou (ไคว่โส่ว) ของบริษัท Beijing Kuaishou Technology และ เสี่ยวหมี่ คอร์ป เข้าร่วมการประชุมด้วยเช่นกัน รายงานข่าวกล่าวว่า บริษัททั้งหมด ยังไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นใด ๆ Deepfakes คือการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์สร้างวิดีโอหรือไฟล์เสียงที่สมจริงเกินจริง แต่เป็นของปลอม โดยทำเหมือนบุคคลเป็นผู้พูดหรือทำในสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ทำ จีนได้เพิ่มการตรวจสอบยักษ์ใหญ่ด้านอินเทอร์เน็ตในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาโดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมผูกขาดและการละเมิดสิทธิผู้บริโภคที่อาจเกิดขึ้น หน่วยงานกำกับดูแลยังแจ้งให้ บริษัทต่างๆ“ ดำเนินการประเมินความปลอดภัยด้วยตนเอง” และส่งรายงานไปยังรัฐบาลเมื่อพวกเขาวางแผนที่จะเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่หรือบริการข้อมูลใหม่ที่ “มีความสามารถในการขับเคลื่อนสังคม” ทั้งนี้ บริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ของจีน ได้ลอกเลียนแบบแอปเสียง Clubhouse…

ทวิตเตอร์ออกกฎจัดการ deepfake แสดงข้อความเตือนและลดการมองเห็นของทวีต เริ่มเดือนหน้า

Loading

ทวิตเตอร์ออกกฎใหม่สำหรับจัดการกับสื่อประเภท deepfake อย่างเป็นทางการ โดยนโยบายใหม่นี้จะจำกัดไม่ให้แชร์ข้อมูลปลอมที่อาจสร้างผลกระทบหรือความเสียหายได้ ทวิตเตอร์มีปัจจัยในการพิจารณาทวีตอยู่ 3 ข้อ ว่าจะทำเครื่องหมาย, แสดงข้อความเตือนหรือลบทวีตเหล่านั้นหรือไม่ ดังนี้ สื่อถูกสังเคราะห์หรือเปลี่ยนแปลงหรือไม่? ไม่ว่าจะเป็นลำดับ, เวลา, เฟรม ไปจนถึงข้อมูลว่าถูกลบหรือสร้างขึ้นมาหรือไม่ และมีคนจริงถูกจำลองหรือปลอมขึ้นมาหรือไม่ สื่อถูกแชร์ในลักษณะตั้งใจให้โกหกหลอกลวงหรือไม่? พิจารณาจากข้อความในทวีต, เมตะดาต้าที่อยู่ในสื่อ, ข้อความบนโปรไฟล์ของผู้ที่แชร์ และเว็บไซต์ที่ลิงก์ในโปรไฟล์หรือในทวีต คอนเทนต์มีผลกระทบต่อความปลอดภัยต่อประชาชน หรืออาจส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างหนักหรือไม่? ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคล, ความเสี่ยงในความรุนแรงหรือความไม่สงบในวงกว้าง และภัยคุกคามต่อความเป็นส่วนตัวหรือสิทธิต่าง ๆ ของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ปัจจัยเหล่านี้ ทวิตเตอร์จะนำมาพิจารณาในการใส่ข้อความเตือนลงในทวีต, ใส่เครื่องหมาย, ลดการมองเห็นของทวีตโดยไม่ขึ้นเป็นทวีตแนะนำ และเพิ่มรายละเอียดในแลนดิ้งเพจ โดยทวิตเตอร์จะเริ่มใช้มาตรการนี้ในวันที่ 5 มีนาคม เป้าหมายของการออกกฎจัดการ deepfake ก็เพื่อรับมือกับข้อมูลปลอมก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีนี้ โดยกฎนี้กำหนดขึ้นจากแบบร่างที่ทวิตเตอร์ได้เสนอก่อนหน้าและรับฟังความเห็นกว่า 6,500 ความเห็นจากผู้ใช้ทั่วโลกผ่านแฮชแท็ก #TwitterPolicyFeedback เพื่อนำมาปรับปรุงให้เป็นฉบับสมบูรณ์ ———————————————————————- ที่มา : Blognone / 5 กุมภาพันธ์ 2563 Link : https://www.blognone.com/node/114529