สิ้นสุด Airplane Mode สหภาพยุโรป เปิดไฟเขียวใช้บริการ 5G บนเครื่องบินได้

Loading

  ผู้โดยสารของสายการบินที่ให้บริการในสหภาพยุโรป หรืออียู (EU) สามารถใช้งานเครือข่าย 5G บนสมาร์ทโฟน ในขณะที่กำลังอยู่บนท้องฟ้าในอนาคตอันใกล้นี้   คณะกรรมการของสหภาพยุโรป พิจารณาให้สายการบินต่างๆ สามารถให้บริการเทคโนโลยี 5G บนเครื่องบินได้ นั่นจึงทำให้ในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้โดยสารที่โดยสารบนเที่ยวบินที่ให้บริการในสหภาพยุโรป อาจไม่ต้องเปิดโหมดเครื่องบิน หรือ Airplane mode แล้ว   ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการของสหภาพยุโรป ได้สงวนคลื่นความถี่บางประเภทสำหรับเครื่องบินตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา ทำให้บริการบางบริการสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตขณะที่อยู่บนท้องฟ้าได้ แต่ความเร็วในการให้บริการก็ค่อนข้างช้า จากข้อจำกัดด้านอุปกรณ์และเทคโนโลยี   อย่างไรก็ตาม แม้สหภาพยุโรปจะเปิดไฟเขียวก็ตาม แต่รายละเอียดที่มีความเฉพาะเจาะจงยังไม่เปิดเผยออกมา เพื่อให้เกิดมาตรการความปลอดภัยต่อทุกฝ่าย ทั้งนี้ เส้นตายสำหรับประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรป ที่จะต้องพร้อมให้บริการ 5G บนเครื่องบินคือวันที่ 30 มิถุนายน 2023   ด้วยเหตุผลดังกล่าว นั่นจึงทำให้ผู้คนสามารถใช้คุณสมบัติของสมาร์ทโฟนได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าจะอยู่บนท้องฟ้าก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการโทรศัพท์ การใช้บริการสตรีมมิงภาพยนตร์-ซีรีส์ และเพลง   ปัจจุบันข้อถกเถียงเกี่ยวกับสัญญาณของสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์พกพาจะรบกวนการบินน้อยลงไป โดยเฉพาะระบบควบคุมการบินอัตโนมัติ แต่จากการศึกษาที่เพิ่มมากขึ้นพบว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดการรบกวนของสัญญาณมีน้อยมาก…

พนักงานติ๊กต็อกในจีน สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานในสหราชอาณาจักร และอียู

Loading

  ติ๊กต็อก (TikTok) ได้แจ้งต่อบรรดาผู้ใช้งานว่า พนักงานของติ๊กต็อกบางรายในจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลบัญชีผู้ใช้งานในสหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป (EU) พร้อมชี้แจงว่า นโยบายความเป็นส่วนตัวนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจำเป็นในการทำงานของพวกเขา   ติ๊กต็อกระบุว่า นโยบายดังกล่าวนั้นมีผลบังคับใช้กับพื้นที่เศรษฐกิจยุโรป สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์   นางอีเลน ฟ็อกซ์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายความเป็นส่วนตัวประจำยุโรปของติ๊กต็อกระบุในแถลงการณ์เมื่อวันพุธ ( 2 พ.ย.) ว่า ทีมงานทั่วโลกได้ช่วยกันรักษาประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้มีความต่อเนื่อง เพลิดเพลิน และปลอดภัย   อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ติ๊กต็อกได้ดำเนินการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานในยุโรปไว้ที่สหรัฐและสิงคโปร์   “เราได้อนุญาตให้พนักงานบางรายที่ประจำอยู่ในบราซิล แคนาดา จีน อิสราเอล ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และสหรัฐ เข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานชาวยุโรป” นางฟ็อกซ์ กล่าว   “เราพยายามจำกัดจำนวนพนักงานที่สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานในยุโรป เพื่อให้ข้อมูลไหลเวียนออกจากภูมิภาคดังกล่าวน้อยที่สุด และเก็บข้อมูลผู้ใช้งานยุโรปไว้ในพื้นที่”   สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ทางการทั่วโลกรวมถึง อังกฤษ และสหรัฐได้ดำเนินการตรวจสอบติ๊กต็อกขนานใหญ่ เพราะวิตกกังวลว่า ติ๊กต็อกอาจจะส่งข้อมูลผู้ใช้งานที่เป็นพลเมืองของตนไปให้กับรัฐบาลจีน  …

อียูเตรียมยกระดับป้องกันโครงสร้างพื้นฐาน ผวารัสเซียก่อวินาศกรรมแก้แค้น

Loading

  ยุโรปต้องใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน โทรคมนาคม การขนส่ง และสาธารณูปโภคที่สำคัญอื่น ๆ จากความเป็นไปได้ของการถูกลอบวินาศกรรม บลูมเบิร์กรายงานในวันจันทร์ (17 ต.ค.) อ้างว่าทางคณะกรรมาธิการอียูจะออกคำแนะนำดังกล่าวในช่วงกลางสัปดาห์   นอกจากนี้ สำนักงานบลูมเบิร์ก รายงานด้วยว่า ทางคณะกรรมาธิการยุโรปจะเผยแพร่ “พิมพ์เขียว” ฉบับหนึ่ง สำหรับเป็นแนวทางตอบสนองต่อวิกฤตต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต “สงครามของรัสเซียในการรุกรานยูเครน นำมาซึ่งภัยคุกคามชุดใหม่ บ่อยครั้งมาพร้อมกันในฐานะการโจมตีลูกผสม” เอกสารระบุ พร้อมเน้นว่า “ภัยคุกคามดังกล่าวมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตามหลังเหตุลอบก่อวินาศกรรมท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม 1”   ทางกลุ่มมีความกังวลว่ามอสโกจะลงมือแก้แค้นแผนจำกัดเพดานราคาอุปทานก๊าซรัสเซียที่ส่งมอบทางทะเล ด้วยการลอบก่อวินาศกรรมโครงสร้างพื้นฐานในยุโรป   ความกังวลนี้มีขึ้นไม่กี่สัปดาห์หลังเหตุระเบิดที่ทำให้ท่อลำเลียงก๊าซนอร์ดสตรีม 1 และ 2 เกิดรอยรั่วในทะเลบอลติก และการพบท่อลำเลียงน้ำมันดรูซบา ซึ่งลำเลียงน้ำมันดิบรัสเซียไปยังยุโรป เกิดรอยรั่วในแถบภาคกลางของโปแลนด์   ขณะเดียวกัน การขนส่งทางรถไฟทางเหนือของเยอรมนี ต้องหยุดให้บริการเป็นเวลานานหลายชั่วโมงเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ตามหลังเกิดเหตุการณ์ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นการลอบก่อวินาศกรรมเล็งเป้าเล่นงายสายเคเบิลสื่อสารไฟเบอร์ออปติก แม้เจ้าหน้าที่ไม่ได้สงสัยว่าเป็นฝีมือของต่างชาติก็ตาม   บรรดาประเทศยุโรปหลายชาติ มีทั้งชี้เป้ารัสเซียทั้งทางตรงและโดยอ้อมในฐานะผู้ร้ายของเหตุลอบก่อวินาศกรรมท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม 1 แม้แทบไม่มีหลักฐานใดๆ เลยก็ตาม…

ทำไม “สหรัฐ-อียู” ลงนามบังคับใช้มาตรการปกป้องโอนข้อมูล Privacy Shield 2.0

Loading

  ทำเนียบขาวประกาศว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐได้ลงนามในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี เพื่อบังคับใช้กรอบการทำงานรูปแบบใหม่ “Privacy Shield 2.0” โดยมีเป้าหมายที่จะปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่แบ่งปันร่วมกันระหว่างสหรัฐ และสหภาพยุโรป   สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า กรอบการทำงานใหม่นี้ช่วยเติมเต็มช่องว่างที่สำคัญด้านการปกป้องข้อมูลทั่วภูมิภาคแอตแลนติก นับตั้งแต่ที่ศาลยุติธรรมยุโรปยกเลิกกรอบการทำงานเดิมในปี 2563 หลังศาลพบว่า สหรัฐมีความสามารถในการสอดส่องข้อมูลของยุโรปที่ถ่ายโอนผ่านระบบก่อนหน้านี้มากเกินไป   นายเจมส์ ซัลลิแวน ซึ่งดำรงตำแหน่งรองผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ณ เวลานั้น ได้ระบุในจดหมายเปิดผนึกสั้น ๆ ภายหลังการตัดสินใจไว้ว่า คดี “Schrems II” ได้สร้างความไม่มั่นคงใหญ่หลวงต่อความสามารถของบริษัทต่าง ๆ ในการถ่ายโอนข้อมูล ส่วนบุคคลจากสหภาพยุโรป (EU) ไปยังสหรัฐ ซึ่งผลลัพธ์ของคดีดังกล่าวได้ทำให้บริษัทในสหรัฐต้องใช้ “กลไกการถ่ายโอนข้อมูลที่ได้รับการอนุมัติจากสหภาพยุโรป” ที่แตกต่างกันในแต่ละกรณี ทำให้การทำธุรกิจเกิดความซับซ้อนมากขึ้น   กรอบการทำงาน Privacy Shield 2.0 จะให้แนวทางใหม่เพื่อผ่อนคลายความกังวลของยุโรปที่มีต่อความเป็นไปได้ในการสอดส่องข้อมูลจากหน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐ กรอบการทำงานใหม่นี้จะช่วยให้บุคคลในสหภาพยุโรปสามารถยื่นขอการชดใช้ผ่านทางศาลตรวจสอบการคุ้มครองข้อมูลอิสระ (DPRC) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกนอกรัฐบาลสหรัฐ และหน่วยงานดังกล่าว “จะมีอำนาจเต็มที่” ในการตัดสินข้อเรียกร้อง และออกมาตรการแก้ไขตามความจำเป็น  …

EU ยืนยัน ท่อ ‘นอร์ด สตรีม’ รั่วเป็นการก่อวินาศกรรม พบการระเบิดใต้น้ำ

Loading

  สหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ออกมายืนยันว่า การรั่วไหลของท่อส่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่จากรัสเซียสู่ยุโรป มีสาเหตุจากการก่อวินาศกรรม แต่ไม่ถึงขั้นกล่าวหามอสโกว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง   สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ยืนยันในวันพุธที่ 28 ก.ย. 2565 ว่า การรั่วไหลถึง 3 จุดที่ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ นอร์ด สตรีม 1 และ 2 ซึ่งตรวจพบเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เป็นการก่อวินาศกรรม โดยนางเออร์ซูลา วอน แดร์ เลเยน ประธาน EC กล่าวว่าการจงใจทำให้เกิดการหยุดชะงัก จะต้องเผชิญการการตอบสนองอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้   ด้านนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เชื่อว่าการรั่วไหลที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความยืดหยุ่นทางพลังงาน (energy resilience) ของยุโรป เพราะตอนนี้ท่อทั้งสองไม่ได้กำลังขนส่งก๊าซธรรมชาติเข้าสู่ยุโรป แม้ว่าภายในท่อจะมีก๊าซอยู่ก็ตาม   นายบลิงเคนไม่ได้กล่าวหารัสเซียว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการรั่วไหลที่เกิดขึ้น แต่กล่าวว่า หากเรื่องนี้เกิดจากความจงใจ มันจะไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย   ทั้งนี้ หน่วยงานเดินทะเลของสวีเดนออกคำเตือนเกี่ยวกับการรั่วไหล 2 จุดที่ท่อส่งก๊าซ…

อียูเสนอร่างกฎหมาย “ข้อมูล” มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจข้อมูลดิจิทัล | EU Watch

Loading

  ในยุคดิจิทัลที่ “ข้อมูล” มีบทบาทมากขึ้น และกลายเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยปลดล็อกประตู สู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ   จึงนับเป็นโอกาสของภาคธุรกิจในการเข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก เพื่อนำไปใช้ต่อยอดให้เกิดประโยชน์ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ตลอดจนส่งเสริมไอเดียธุรกิจใหม่ ๆ สำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่ยั่งยืนต่อไป   ข้อมูลดิจิทัลจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าที่ไม่มีคู่แข่งในการบริโภค (non-rival good) ที่ผู้คนจำนวนมากสามารถเข้าถึงได้พร้อม ๆ กันและสามารถนำไปใช้ซ้ำได้หลายครั้ง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพและไม่ต้องกังวลว่าปริมาณสินค้าจะลดน้อยลง   ในชีวิตประจำวันมีการผลิตและจัดเก็บข้อมูลดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องตามไลฟ์สไตล์ร่วมสมัยที่มีพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น จึงคาดการณ์ได้ว่าภายในปี ค.ศ. 2025 จะมีปริมาณข้อมูลกว่า 175 เซตตะไบต์ (ล้านล้านกิกาไบต์) ในเศรษฐกิจสหภาพยุโรป   อย่างไรก็ดี ปัจจุบันข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ถูกนำไปใช้อย่างเต็มศักยภาพ โดยเฉพาะข้อมูลอุตสาหกรรมที่ปัจจุบันถูกนำไปใช้ประโยชน์เพียงร้อยละ 20 เท่านั้น     มาตรการส่งเสริมเศรษฐกิจข้อมูลของอียู   เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 คณะกรรมาธิการยุโรปจึงได้เสนอร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเข้าถึงและใช้ข้อมูล (Data Act) เพื่อปลดล็อกให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น เพื่อเปิดโอกาสด้านนวัตกรรมที่เน้นการใช้ข้อมูล (date-driven innovation) และนำไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล  …