FBI ออกปฏิบัติการปราบ ‘Genesis’ ตลาดค้าข้อมูลผิดกฎหมาย (1)

Loading

  เมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้ติดตามข่าวเกี่ยวกับมีการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศเพื่อจัดการกับตลาดมืดชื่อดังอย่าง Genesis ตลาดออนไลน์ที่ค้าข้อมูลผิดกฎหมาย   โดยหลักๆ จะเน้นการขายข้อมูลส่วนบุคคลที่โจรกรรมมาจากเหยื่อไม่ว่าจะเป็น อีเมล บัญชีธนาคาร และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ   การปราบปรามครั้งยิ่งใหญ่นี้มีชื่อว่า Operation Cookie Monster เป็นความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องจาก 17 ประเทศ และได้นำไปสู่การจับกุมถึง 119 ครั้ง   นอกจากนี้ยังมีการตรวจค้นทรัพย์สินกว่า 208 ครั้ง ใน 13 ประเทศ ถึงแม้จะมีการออกปฏิบัติการจับกุมแต่ .onion mirror ของตลาดยังมีการเปิดใช้งานอยู่อย่างต่อเนื่อง   Genesis Market ตั้งขึ้นช่วงต้นปี 2018 และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจนกลายมาเป็นศูนย์รวมของการก่ออาชญากรรม และการคุกคามทางไซเบอร์ในรูปแบบต่างๆ   ไม่ว่าจะเป็นการเสนอขายข้อมูลที่ถูกแฮกจากคอมพิวเตอร์กว่า 1.5 ล้านเครื่องทั่วโลก รวมไปถึงข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนอีกมากกว่า 80 ล้านข้อมูล โดยจากการตรวจสอบพบว่า มัลแวร์เป็นตัวการใหญ่ที่มีความเกี่ยวข้องกับ Genesis Market และเป็นมัลแวร์ที่ถูกตรวจพบในสหรัฐฯ เม็กซิโก…

ผลการสืบสวนระบุว่า ไม่พบผู้ต้องสงสัย กรณีพบโคเคนในทำเนียบขาว

Loading

ภาพจาก CNN   หน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐฯ (The United States Secret Service – USSS) สรุปผลการสอบสวนกรณีพบโคเคนบรรจุถุงขนาดเล็กน้ำหนักไม่ถึงหนึ่งกรัมในตู้เก็บของหมายเลข 50 ซึ่งใกล้กับทางเข้าชั้นล่างบริเวณพื้นที่ปีกตะวันตกในทำเนียบขาว ว่า ไม่สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอ   ผู้เยี่ยมชมทำเนียบขาว รวมถึงเจ้าหน้าที่บางส่วนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในพื้นที่ที่มีข้อมูลลับจะต้องฝากโทรศัพท์มือถือไว้ในตู้เก็บของดังกล่าว ซึ่งอยู่ใกล้กับห้องยุทธการ (Situation Room) ที่กำลังปรับปรุงและไม่ได้เปิดใช้งานมาหลายเดือนแล้ว   USSS ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพร้อมกับบัญชีรายชื่อผู้เยี่ยมชมทำเนียบขาวหลายร้อยคนที่เข้ามาวันก่อนหน้าการค้นพบ แต่เนื่องจากพื้นที่ที่พบโคเคนอยู่ในจุดบอดของรัศมีกล้องวงจรปิด จึงไม่สามารถเปรียบเทียบหลักฐานกับกลุ่มบุคคลที่ทราบได้ และผลจากห้องปฏิบัติการของ FBI ระบุว่า บรรจุภัณฑ์ไม่สามารถตรวจสอบลายนิ้วมือได้ เพราะมี DNA ไม่เพียงพอ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถระบุช่วงเวลาหรือวันที่โคเคนนั้นถูกวางทิ้งไว้   โฆษก USSS กล่าวว่า เมื่อปี 2565 เจ้าหน้าที่เคยตรวจพบกัญชาจำนวนเล็กน้อยที่ทำเนียบขาวจำนวน 2 ครั้ง แต่ไม่มีการจับกุม เนื่องจากน้ำหนักของกัญชาที่ยึดได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด จึงไม่สามารถตั้งข้อหาหรือดำเนินคดีได้ และกัญชาเหล่านี้ได้ถูกนำไปทำลาย       ————————————————————————————————————————-…

รายงานวุฒิสภาสหรัฐฯ เผยถึงความล้มเหลวด้านข่าวกรองและการบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ

Loading

  วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้เผยแพร่รายงานเมื่อ 27 มิ.ย.66 ระบุว่า สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และหน่วยงานรัฐบาลกลางอื่น ๆ เพิกเฉยหรือมองข้ามคำเตือนและการเรียกร้องให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดเพื่อระงับเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งยังล้มเหลวในการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย จนนำไปสู่เหตุจลาจลและการโจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อ 6 ม.ค.65 นอกจากนี้ก่อนการโจมตีเพียงไม่กี่วัน การเฝ้าระวังและติดตามภัยคุกคามบนสื่อสังคมออนไลน์ของ FBI ได้ลดลงอย่างมาก เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาที่เกี่ยวกับบุคคลที่สามในสื่อสังคมออนไลน์ ภายในรายงานยังเน้นคำพูดของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ FBI สองคนที่ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “พวกเขาไม่ทราบว่ารัฐสภาอาจจะถูกปิดล้อม” อย่างไรก็ดี ผู้แทนของ FBI กล่าวแย้งว่า FBI มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในช่วงก่อนและในวันที่ 6 ม.ค.65 อาทิ การตั้งกองบัญชาการร่วม และหลังเหตุการณ์ก็ได้แบ่งปันข้อมูลอย่างรวดเร็ว           —————————————————————————————————————————————— ที่มา :                     …

รัฐบาลสหรัฐฟ้อง “ทรัมป์” ฐานจัดการเอกสารลับไม่เหมาะสม

Loading

  กระทรวงยุติธรรมสหรัฐดำเนินคดีกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับการ “จัดการเอกสารลับอย่างไม่เหมาะสม”   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม ทรูธ โซเชียล เมื่อวันพฤหัสบดี ว่ากระทรวงยุติธรรมแจ้งโดยตรงมายังทีมงานฝ่ายกฎหมายของเขา ว่ามีการตั้งข้อหาเกี่ยวกับการจัดการเอกสารลับอย่างไม่เหมาะสม และได้รับหมายเรียกให้ไปรายงานตัวต่อศาลรัฐบาลกลาง ที่เมืองไมอามี ในวันอังคารที่ 13 มิ.ย. ที่จะถึง   ขณะที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐยังปฏิเสธให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ กระนั้น ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ ที่อดีตประธานาธิบดีเผชิญกับกับการฟ้องร้องจากรัฐบาลกลาง   ส่วนหนึ่งของเอกสารลับ ซึ่งเจ้าหน้าที่เอฟบีไอยึดคืนจากคฤหาสน์ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่รัฐฟลอริดา เมื่อเดือน ส.ค. 2565   ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ในสังกัดของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ตรวจค้นคฤหาสน์ของทรัมป์ ภายในรีสอร์ทมาร์-อา-ลาโก ที่เมืองปาล์มบีช ในรัฐฟลอริดา เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ปีที่แล้ว   ด้านนายเมอร์ริค…

เอฟบีไอเตือนชาวเน็ต ระวังแก๊งโจรใช้เอไอแปลงรูปถ่ายทั่วไปเป็นรูปโป๊

Loading

  เอฟบีไอออกโรงเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการโพสต์ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอบนโซเชียลมีเดีย เนื่องจากมีแก๊งมิจฉาชีพจ้องขโมยภาพถ่ายหรือวิดีโอแล้วนำไปดัดแปลงให้เป็นคอนเทนต์อนาจารเพื่อเรียกร้องเงินทอง   เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2566 สำนักงานสืบสวนกลางสหรัฐหรือเอฟบีไอได้ออกแถลงการณ์แจ้งเตือนเกี่ยวกับแก๊งมิจฉาชีพซึ่งมีแนวโน้มจะใช้เทคโนโลยีเอไอเป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะการนำภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอของตัวบุคคลไปเข้าโปรแกรม ‘ดีพเฟค’ และสร้างภาพถ่ายหรือวิดีโอที่มีเนื้อหาเข้าข่ายอนาจาร แล้วนำไปข่มขู่หรือเรียกเงินจากเจ้าของใบหน้า   กระบวนการตัดต่อและดัดแปลงภาพเพื่อก่ออาชญากรรมนี้เป็นปัญหาที่น่ากังวลอย่างมาก เนื่องจากอาชญากรมักนำภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่คนทั่วไปโพสต์ลงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมาใช้ และตัดเฉพาะส่วนที่เป็นใบหน้า จากกนั้นก็ใช้เทคโนโลยีเอไอแปลงให้เป็นภาพถ่ายอนาจาร   ทางเอฟบีไอ แจ้งว่า ได้รับรายงานจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการดัดแปลงภาพโป๊เปลือยเหล่านี้ ซึ่งมีทั้งเหยื่อที่ยังเป็นผู้เยาว์และผู้ใหญ่ที่โดนนำรูปไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม   หลังจากที่ดัดแปลงภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอให้ออกมาในเชิงอนาจารแล้ว แก๊งมิจฉาชีพก็จะนำคอนเทนต์เหล่านี้ไปเผยแพร่อย่างเปิดเผยผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์อนาจาร โดยมีจุดประสงค์เพื่อก่อกวน สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจแก่เหยื่อ ซึ่งมีศัพท์เรียกเฉพาะว่า Sextortion   ด้วยเหตุนี้ ทางเอฟบีไอจึงได้ออกคำเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการโพสต์ภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอส่วนตัวลงในสื่อออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการดัดแปลงภาพหรือวิดีโอโป๊เปลือย   นอกจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจะได้รับความอับอาย เสื่อมเสียชื่อเสียง เดือดร้อนรำคาญใจแล้ว ยังอาจจะต้องสูญเสียทรัพย์สินเพื่อแลกกับการยุติการเผยแพร่ภาพดัดแปลงเหล่านี้ ซึ่งสุดท้ายก็อาจกำจัดได้ไม่หมด และทำให้ต้องตกเป็นเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำอีกในระยะยาว   เอฟบีไอแถลงว่า ตั้งแต่เดือน เม.ย. เป็นต้นมา หน่วยงานพบว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อในกรณีที่เข้าข่าย Sextortion มากขึ้น จากการที่ภาพถ่าย หรือวิดีโอของบุคคลเหล่านี้ที่โพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย ถูกนำไปดัดแปลงให้เป็นคอนเทนต์อนาจารด้วยเทคโนโลยีดีพเฟค   แก๊งมิจฉาชีพมักจะข่มขู่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ…

FBI เปิดเอกสาร คดีขู่ลอบปลงพระชนม์ควีนเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อ 40 ปีก่อน

Loading

    FBI เผยเรื่องราวที่โลกไม่เคยรับรู้ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เคยทรงถูกขู่ลอบปลงพระชนม์เมื่อครั้งเสด็จเยือนสหรัฐฯ   เรื่องของการลอบสังหารบุคคลสำคัญของโลกเป็นเรื่องที่ปรากฏอยู่บ่อยครั้งในหน้าประวัติศาสตร์หรือในภาพยนตร์ โดยบ่อยครั้งมักไม่ค่อยมีการเปิดเผยรายละเอียดต่อสาธารณชน   ล่าสุด หน่วยงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือ FBI เปิดเผยเรื่องราวที่โลกไม่เคยรับรู้มาก่อน นั่นคือเบื้องหลังการเสด็จเยือนสหรัฐฯ ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อราว 40 ปีก่อน เคยทรงถูกขู่ลอบปลงพระชนม์     ข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจากเอกสารความยาว 103 หน้าถูกโพสต์ไปยัง The Vault หรือคลังข้อมูลออนไลน์ของ FBI ซึ่งรวบรวมรายละเอียดการเตรียมการสำหรับการเสด็จเยือนสหรัฐฯ หลายครั้งของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2   หนึ่งในนั้นคือการเสด็จเยือนชายฝั่งตะวันตกกับพระสวามี เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ เมื่อปี 1983 ซึ่งในเอกสารระบุว่า ราว 1 เดือนก่อนจะเสด็จมาเยือน เจ้าหน้าที่ตำรวจซานฟรานซิสโกได้รับโทรศัพท์จาก “ชายคนหนึ่งที่อ้างว่าลูกสาวของเขาถูกฆ่าตายในไอร์แลนด์เหนือด้วยกระสุนยาง”   เอกสารระบุว่า “ชายคนนี้อ้างว่า เขามีแผนจะทำร้ายสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และจะทำสิ่งนี้โดยการทิ้งวัตถุบางอย่างจากสะพานโกลเดนเกตลงบนเรือยอตช์รอยัลบริทาเนีย และจะพยายามลอบสังการพระองค์ขณะเสด็จประพาสอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี”  …