FBI เผย หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญกว่า 860 แห่งถูกโจมตีจากแรนซัมแวร์ในปีที่แล้ว

Loading

  FBI เผยข้อมูล 2022 Internet Crime Report พบตัวเลขการโจมตีของแรนซัมแวร์ที่เกิดขึ้นกับหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้นกว่า 860 แห่ง     FBI ได้ให้คำแนะเบื้องต้นกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อป้องกันการโจมตีจากแรนซัมแวร์ดังนี้ –  อัปเดตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ –  จัดอบรมผู้ใช้งานให้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องแรนซัมแวร์และการโจมตีแบบฟิชชิง –  ตรวจสอบการใช้งาน Remote Desktop Protocol (RDP) อยู่ตลอดเวลา –  ทำการสำรองข้อมูลแบบออฟไลน์   ที่มา: https://www.bleepingcomputer.com/news/security/fbi-ransomware-hit-860-critical-infrastructure-orgs-in-2022/       ————————————————————————————————————————- ที่มา :                      TechTalkThai             …

เอฟบีไอรวบชายอเมริกันนำอุปกรณ์ระเบิดเข้าสนามบิน

Loading

    เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลาง หรือ เอฟบีไอ ของสหรัฐฯ ได้จับกุมชายคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่านำอุปกรณ์ระเบิดไปยังสนามบินในรัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวันจันทร์   นายมาร์ก มัฟฟ์ลีย์ วัย 40 ปี ถูกกล่าวหาว่าใส่อุปกรณ์ระเบิดไว้ในกระเป๋าที่โหลดใต้ท้องเครื่องเพื่อขึ้นเครื่องบิน ไปยังเมืองออร์ลันโด ในรัฐฟลอริดา เจ้าหน้าที่กล่าวว่า เขาหลบหนีออกจากสนามบินหลังจากถูกเรียกชื่อผ่านลำโพงเพื่อให้ไปที่โต๊ะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และถูกจับกุมที่บ้านในเย็นวันนั้น   เจ้าหน้าที่หน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่ง (TSA) กล่าวว่า พวกเขาพบอุปกรณ์ดังกล่าวระหว่างการตรวจคัดกรองตามปกติ เจ้าหน้าที่กล่าวว่านายมัฟฟ์ลีย์ ได้เช็กอินเพื่อขึ้นเครื่องของสายการบินอัลลีเจียนท์ แอร์ เที่ยวบิน 201 จากท่าอากาศยานนานาชาติลีไฮ แวลลีย์ ในเมืองอัลเลนทาวน์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองฟิลาเดลเฟียไปทางเหนือ 105 กม. ในเช้าวันจันทร์   ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา เจ้าหน้าที่คัดกรองของ TSA ค้นพบสิ่งของต้องสงสัยและเรียกผู้เชี่ยวชาญของเอฟบีไอ รวมถึงช่างเทคนิคระเบิดมาตรวจสอบอุปกรณ์ดังกล่าว   ข้อมูลจากเอกสารแจ้งข้อกล่าวหา จาเรด วิตเมียร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคด้านระเบิดของเอฟบีไอ กล่าวว่า พบอุปกรณ์ขนาด 7.5 ซม. ที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าสัมภาระของผู้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่กล่าวว่า วัตถุดังกล่าวเป็นห่อกลม ๆ…

FBI บุกค้นมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ หวังตามหาเอกสารลับของไบเดน

Loading

    สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวเมื่อวันพุธ (15 ก.พ.) ว่า สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) เข้าตรวจค้น 2 ครั้งที่มหาวิทยาลัยเดลาแวร์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนเรื่องการจัดการเอกสารลับของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ   การตรวจค้นดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยความยินยอมและได้รับความร่วมมือจากทีมกฎหมายของปธน.ไบเดน อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวและให้ไปสอบถามจากกระทรวงยุติธรรมแทน   ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในช่วงต้นเดือนนี้ ทนายความของปธน.ไบเดนกล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมไม่พบเอกสารที่มีตราระบุว่าเป็นเอกสารลับ ในระหว่างการค้นหา 3 ชั่วโมงครึ่งที่บ้านพักริมชายหาดของปธน.ไบเดนในเมืองรีโอโบธ รัฐเดลาแวร์ แต่ได้นำเอกสารบางส่วนไปตรวจสอบเพิ่มเติม   ก่อนหน้านี้มีการตรวจพบเอกสารที่บ้านพักของปธน.ไบเดนในเมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ และที่สำนักงานในวอชิงตันซึ่งเขาเคยใช้ทำงานในระหว่างดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา และในช่วงระหว่างหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี   ประเด็นการค้นหาเอกสารลับนี้ได้สร้างความวุ่นวายทางการเมืองให้กับปธน.ไบเดน ผู้ซึ่งคาดว่าเตรียมจะประกาศลงสมัครเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ในอีกไม่กี่สัปดาห์หรืออีกไม่กี่เดือนข้างหน้า   ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนได้บริจาคเอกสารทางการสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาพรรคเดลาแวร์ระหว่างปี 2516 – 2552 ให้กับมหาวิทยาลัยเดลาแวร์         ————————————————————————————————————————- ที่มา :     …

เผยตัวตนเอฟบีไอสองหน้า แฉข้อมูลลับให้สื่อจนนิกสัน ลาออกจากปธน. แต่ปากบอกไม่ได้ทำ

Loading

    คดี “วอเตอร์เกต” (Watergate) อันลือลั่นซึ่งว่าด้วยการแฉข้อมูลทางการเมือง แม้จะล่วงเลยมาหลายสิบปีแล้ว จนถึงปัจจุบัน คดีนี้ยังอยู่ในความทรงจำในฐานะเรื่องอื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา หรืออาจเป็นประวัติศาสตร์โลก   คดีวอเตอร์เกต     การแฉข้อมูลเบื้องลึกว่าด้วยการดำเนินการของประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน และผู้ใกล้ชิดซึ่งกระทำการโดยผิดกฎหมายเพื่อให้มีชัยเหนือคู่แข่งทางการเมือง และชนะการเลือกตั้ง แต่จุดที่ทำให้ถูกเปิดโปง คือกรณีที่ทีมงานเข้าไปติดตั้งเครื่องดักฟังในศูนย์รณรงค์หาเสียงของพรรคเดโมแครต และถูกตำรวจจับได้ ขณะที่สื่อสารมวลชนที่รายงานเบื้องหลังของการงัดแงะครั้งนั้นอย่างต่อเนื่อง จนข้อมูลเบื้องลึกถูกเปิดโปงใหญ่โต จากคดีงัดแงะเล็กน้อยกลายเป็นคดีอื้อฉาวระดับประเทศ อันเป็นผลทำให้ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ประกาศลาออกจากตำแหน่ง และน้ำตาตกต่อหน้าการแถลงข่าว สื่อมวลชนกลุ่มที่ปฏิบัติการนี้เองมีแหล่งข่าวปริศนารายสำคัญซึ่งสาธารณชนรู้จักในนามแฝงว่า “ดีพโธรต” (Deep Throat) แล้วเขาคือใคร?   หากเอ่ยถึงในข้อเท็จจริงโดยรวมแล้ว คดีวอเตอร์เกทในช่วงต้นยุค 70s มีตัวละครสำคัญที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อคดีคือบทบาทสื่อมวลชนทั้งของวอชิงตัน โพสต์ (The Washington Post) และนิวยอร์ก ไทม์ส (The New York Times) โดยเฉพาะบทบาทการทำข่าวสืบสวนสอบสวนโดยบ๊อบ วูดวาร์ด (Bob Woodward) และคาร์ล…

“Hive” แก๊งแรนซัมแวร์ ถูกแฮ็ก โดย “FBI”

Loading

Image Credit : cyware.com   สามารถช่วยเหลือเหยื่อกว่า 300 ราย ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้หลุดพ้นจากกลอุบายจากกลุ่มแรนซัมแวร์ Hive ได้สำเร็จ   ในการแถลงข่าวถึงการปฏิบัติการครั้งนี้ นำโดย Merrick Garland อัยการสูงสุดสหรัฐฯ, Christopher Wray ผู้อำนวยการ FBI และ Lisa Monaco รองอัยการสูงสุดสหรัฐฯ ร่วมกันแถลงว่า   “แฮกเกอร์ของรัฐบาลได้บุกเข้าไปในเครือข่ายของ Hive และทำให้แก๊งนี้อยู่ภายใต้การเฝ้าระวัง โดยปฏิบัติการครั้งนี้เราได้แอบขโมยกุญแจดิจิทัลที่ Hive ใช้เพื่อปลดล็อกข้อมูลขององค์กรที่กำลังตกเป็นเหยื่อ”   หลังปฏิบัติการสำเร็จ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการแจ้งเตือนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อทราบล่วงหน้า เพื่อให้เร่งดำเนินการป้องกันระบบของตนก่อนที่ Hive จะเรียกร้องเงินค่าไถ่ โดยทางเจ้าที่หน้าได้ส่งมอบคีย์สำหรับถอดรหัสแก่เหยื่อในการปลดล็อก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโรงเรียนในเขตเท็กซัส ซึ่งสามารถช่วยได้ทันโดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินค่าไถ่จำนวน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และโรงพยาบาลหลุยเซียน่าจำนวน 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นี่เป็นเพียงแค่เหยื่อในบางส่วนเท่านั้นที่ได้รับการช่วยเหลือได้ทัน   Hive เป็นหนึ่งในกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่มีจำนวนและมีการเคลื่อนไหวมากที่สุดกลุ่มหนึ่งซึ่งขู่กรรโชกธุรกิจระหว่างประเทศด้วยการเข้ารหัสข้อมูลและเรียกร้องการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลจำนวนมหาศาล ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา…

เอฟบีไอชี้เกาหลีเหนือ แฮ็กบล็อกเชน “ฮาร์โมนี” สูญ 3,000 ล้านบาท

Loading

    หน่วยงานสอบสวนของรัฐบาลวอชิงตัน กล่าวว่า กลุ่มแฮกเกอร์ซึ่งได้รับความสนับสนุนจากเกาหลีเหนือ โจมตีบล็อกเชนของผู้พัฒนาในสหรัฐ เมื่อปีที่แล้ว สร้างความเสียหายมากกว่า 3,000 ล้านบาท   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่า สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ออกแถลงการณ์ว่า “ลาซารัส กรุ๊ป” และ “เอพีที38” ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือ อยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์ ต่อระบบ “ฮาร์โมนี ฮอไรซอนส์ บริดจ์” ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมบล็อกเชนของบริษัทฮาร์โมนี หนึ่งในผู้พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนสกุลเงินดิจิทัลของสหรัฐ เมื่อเดือน มิ.ย. ปีที่แล้ว และสร้างความเสียหายมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,276.80 ล้านบาท)   Two hacker groups associated with North Korea, the Lazarus Group and APT38, were…