รู้เรื่องเมืองอัจฉริยะ บทเรียนจากสิงคโปร์

Loading

    ประเทศสิงคโปร์ไม่ใช่ประเทศเอกราชที่เกิดขึ้นด้วยความต้องการของคนในชาติ แต่ถูกขับออกจากประเทศมาเลเซียในปี 2508 เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ขาดแคลนทรัพยากรแม้กระทั่งน้ำสำหรับใช้อุปโภคบริโภคก็ไม่เพียงพอ   แต่การขาดแคลนดังกล่าวกลับทำให้คนสิงคโปร์ตระหนักว่าทรัพยากรสำคัญที่จะช่วยให้อยู่รอดก็คือ คนที่มีคุณภาพนั่นเอง ความเป็นเมืองอัจฉริยะมาจากคุณภาพของคนเป็นเบื้องต้น   รัฐบาลสิงคโปร์ได้ตอกย้ำหลักพื้นฐานของความเป็นเมืองหรือประเทศอัจฉริยะว่าประกอบด้วย 3 เรื่องคือ   1.สังคมดิจิทัล (Digital society) หมายถึงสังคมที่ทุกคนซึ่งมีความแตกต่างได้เชื่อมโยงกันและรับโอกาสที่ดีขึ้นด้วยการสนับสนุนจากเทคโนโลยี โดยจะเกิดขึ้นได้เมื่อคนสิงคโปร์สามารถเข้าถึง มีความรู้ ยอมรับและมีส่วนร่วมในเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัล โดยประชาชนได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากภาครัฐในการเข้าอบรมพัฒนาตนเอง   2.เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital economy) เป็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจและจัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสม เช่น การรวบรวมข้อมูลขนาดใหญ่ที่เรียกว่าบิ๊กดาต้าและวิเคราะห์หาพฤติกรรมลูกค้า สร้างนวัตกรรมตอบสนองความต้องการให้ตรงจุดมากขึ้น ตลอดจนปรับเปลี่ยนการจัดสรรทรัพยากรของภาคธุรกิจอย่างรวดเร็ว และทำให้เศรษฐกิจเติบโตมากขึ้น เช่น การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแสดงความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าทั่วไปเทศ เพื่อให้ธุรกิจที่ทำการผลิตไฟฟ้าสามารถจัดการการผลิตในปริมาณที่เหมาะสมและวางแผนขายไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ   3.รัฐบาลดิจิทัล เป็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสร้างความสามารถของภาครัฐในการให้บริการประชาชน ผ่านการกำหนดนโยบายและออกแบบการให้บริการที่ประชาชนมีส่วนร่วม เพื่อตอบสนองความต้องการอย่างแท้จริง   มีการใช้แอปพลิเคชันในการให้บริการประชาชน เช่น การแจ้งเบาะแสการหลอกลวงทางโทรศัพท์มือถือ การเก็บข้อมูลเพื่อนำไปคำนวณภาษี ฯลฯ     ทั้งนี้ การสร้างเมืองอัจฉริยะจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อประชาชนมีส่วนร่วม โดยเป้าหมายท้ายสุดคือสร้างความสุขให้แก่ประชาชนในประเทศ  …

ศูนย์ข้อมูลคลาวด์ในไทยกับนโยบาย “Cloud First”และ“พัฒนาทักษะดิจิทัล”

Loading

จริง ๆ แล้ว ไมโครซอฟท์ไม่ใช่ผู้ประกอบการคลาวด์รายใหญ่รายแรก ที่มาประกาศตั้งศูนย์ข้อมูลในไทย ปลายปี 2022 บริษัท AWS หรือ Amazon Web Services ก็เคยประกาศลงทุนจะตั้ง Cloud Region ในประเทศไทย มีแผนขยายการลงทุนด้วยวงเงิน 1.9 แสนล้านบาท ในระยะเวลา 15 ปี