อิรักปิดกั้น Telegram ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงและความปลอดภัยของข้อมูล

Loading

  กระทรวงการสื่อสารอิรักเผยว่าได้ปิดกั้นแอป Telegram ด้วยข้ออ้างด้านความมั่นคงแห่งชาติ และความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล   สำนักข่าว Reuters ชี้ว่า Telegram ได้รับความนิยมในหมู่ชาวอิรักซึ่งใช้ในการสื่อสารและยังเป็นแหล่งข่าวสารและเนื้อหาต่าง ๆ   บางช่องบน Telegram ในอิรักมีข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมหาศาล ทั้ง ชื่อ ที่อยู่ และความสัมพันธ์เชิงครอบครัว   กระทรวงการสื่อสารเผยว่าได้เคยขอให้แอปปิดแพลตฟอร์มที่ปล่อยข้อมูลขององค์กรของรัฐและข้อมูลส่วนบุคคลของพลเมือง แต่ Telegram ไม่ตอบสนองต่อคำขอดังกล่าว     ที่มา Reuters         ————————————————————————————————————————————————— ที่มา :                    แบไต๋                   …

แฮ็กเกอร์โจมตีเว็บไซต์โรงพยาบาล 9 แห่งในเดนมาร์ก ผู้เชี่ยวชาญเชื่อเป็นกลุ่มสนับสนุนรัสเซีย

Loading

  หน่วยงานด้านสาธารณสุขในภูมิภาคส่วนกลางของเดนมาร์ก (Region Hovedstaden – Region H) เผยว่าการโจมตีทางไซเบอร์ด้วยวิธี DDoS ทำให้ระบบโครงข่ายของโรงพยาบาล 9 แห่งต้องปิดตัวลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (26 กุมภาพันธ์)   แต่ทาง Region H ยืนยันว่าคนไข้ที่อยู่ในระบบการรักษาไม่ได้รับผลกระทบต่อชีวิต รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลก็ยังทำงานได้ มีเพียงเว็บไซต์เท่านั้นที่ล่ม โดยได้มีการใช้ระบบโทรศัพท์แทน   กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า Anonymous Sudan ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบในช่องทาง Telegram ของทางกลุ่ม ซึ่งอ้างเหตุผลของการโจมตีว่าเป็นเพราะโรงพยาบาลหลายแห่งในเดนมาร์กเผาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมเตือนว่าจะมีการโจมตีต่อไปอีก   ทางกลุ่มอ้างว่ามาจากซูดานและมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มที่ใช้ชื่อเดียวกัน แต่นักวิจัยทางไซเบอร์ชี้ว่ากลุ่มที่ก่อเหตุล่าสุดนี้เป็นชาวรัสเซียและมีถิ่นฐานอยู่ในประเทศอดีตสหภาพโซเวียต รวมทั้งยังน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับ Killnet กลุ่มแฮ็กเกอร์สนับสนุนรัสเซียที่กำเนิดขึ้นในช่วงสงครามยูเครน   เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ Anonymous Sudan ออกมาอ้างความรับผิดชอบการโจมตีเว็บไซต์หน่วยข่าวกรองต่างประเทศเยอรมนี และเว็บไซต์ของคณะรัฐมนตรีเยอรมนี ซึ่งในตอนนั้นทางเยอรมนีชี้ว่าการโจมตีไม่ได้เป็นผลนัก   ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กลุ่มบริษัทไซเบอร์สวีเดนสามารถปิดเซิร์ฟเวอร์ 61 แห่งที่เป็นของ Anonymous Sudan บนบริการคลาวด์ของ IBM ที่ตั้งอยู่ในเยอรมนีได้เป็นผลสำเร็จ…

ตำรวจจีนปูพรมตรวจหาการใช้ Twitter , Instagram และ Telegram สกัดกั้นการประท้วงต้านนโยบายโควิด

Loading

  ตำรวจในประเทศจีนวางกำลังหลายแห่ง เพื่อตรวจสอบสมาร์ทโฟนของประชาชนว่ามีการใช้งานแอปพลิเคชันต้องห้ามอย่างทวิตเตอร์ , อินสตาแกรม และเทเลแกรม หรือไม่ ภายหลังเกิดการประท้วงต้านนโยบายโควิดต้องเป็นศูนย์ของรัฐบาลจีนอย่างหนัก รายงานของสื่อต่างประเทศหลายสำนัก เปิดเผยว่า ตำรวจในประเทศจีนได้วางกำลังตรวจสอบสมาร์ทโฟนของผู้ที่สัญจรไปมา ไม่ว่าจะเป็นบริเวณที่เคยเป็นจุดประท้วงต่อต้านนโยบายโควิด-19 ของรัฐบาลจีน รวมไปถึงพื้นที่ทางเข้าศูนย์การค้า โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อค้นหาว่ามีการใช้งานแอปพลิเคชันต้องห้ามหรือไม่ ในเวลานี้ประชาชนจำนวนมากในประเทศจีนกำลังเข้าถึงแอปพลิเคชันที่ถูกแบนโดยรัฐบาลจีน โดยแอปพลิเคชันที่ถูกแบนนี้ประกอบไปด้วย ทวิตเตอร์ , อินสตาแกรม และเทเลแกรม ซึ่งแม้ว่าแอปเหล่านี้จะถูกแบนจากรัฐบาลจีนก็จริง แต่ชาวจีนสามารถเข้าถึงการใช้งานแอปพลิเคชันที่ถูกแบนเหล่านี้ภายใต้การใช้งานเครือข่ายเสมือน หรือ VPN (Virtual Private Networks) จนถึงเวลานี้ผู้คนในประเทศจีนจำนวนไม่น้อยอึดอัดกับสถานการณ์การใช้นโยบายสกัดกั้นโควิด-19 อันเข้มงวดของรัฐบาลจีน จึงได้มีการจัดการประท้วง และได้มีการใช้แอปพลิเคชันอย่างเทเลแกรม , ทวิตเตอร์ ไปจนถึงอินสตาแกรม เพื่อสื่อสาร พูดคุย และวางแผนประท้วง รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการประท้วงออกสู่โลกภายนอก ทางด้าน วิลเลียม หยาง ผู้สื่อข่าวจากด็อยท์เชอเว็ลเลอ (Deutsche Welle) รายงานว่า ตอนนี้รัฐบาลจีนได้บันทึกข้อมูลส่วนบุคคลของใครก็ตามที่มีการติดตั้งแอปพลิเคชันจากต่างประเทศ รวมถึงการใช้ VPN โดยมีการตั้งจุดตรวจในหลายพื้นที่ เช่น บริเวณถนนสายหลัก และทางเข้าห้างสรรพสินค้า   Sources…