ประกาศแจ้งเตือนกรณีโมร็อกโกได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ล่าสุด! ยังไม่พบคนไทยได้รับผลกระทบ

Loading

  ล่าสุด! กระทรวงต่างประเทศ เผย ไม่พบคนไทยได้รับผลกระทบแผ่นดินไหวโมร็อกโก ระบุ ขณะนี้มีผู้เสียชีวิต 2,012 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 2,463 ราย   10 กันยายน 2566 นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำความคืบหน้ากรณีแผ่นดินไหวที่เมืองมาร์ราเกช (Marrakesh) ราชอาณาจักรโมร็อกโกว่า ในวันที่ 10 ก.ย. เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศไทย สถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงราบัต รายงานเพิ่มเติมย้ำว่า ยังไม่มีคนไทยได้รับผลกระทบจากกรณีแผ่นดินไหวดังกล่าว รวมถึงยังไม่ปรากฏว่ามีเหตุ aftershock เพิ่มเติมแต่อย่างใด โดยถึงขณะนี้ มีผู้เสียชีวิต 2,012 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 2,463 ราย   โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผย ไม่พบคนไทยได้รับผลกระทบแผ่นดินไหวในโมร็อกโก   โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำว่า หากประชาชนคนไทย ที่อาศัยในพื้นที่ อยู่ในบริเวณใกล้เคียง และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในโมร็อกโก   สามารถติดต่อ …

กต.-โคแฟค ร่วมต้านข่าวปลอม

Loading

  กระทรวงการต่างประเทศ 10 พ.ค.-กรมสารนิเทศ กระทรวงต่างประเทศ หารือ โคแฟค (ประเทศไทย) พร้อมร่วมมือต้านข่าวปลอม นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ พร้อมด้วยผู้บริหารกรมสารนิเทศ หารือกับ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้งโคแฟค (ประเทศไทย) บรรณาธิการ ที่ปรึกษาโคแฟค และทีมงาน เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นและแสวงหาความร่วมมือในการจัดการกับปัญหาข่าวปลอม โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย และประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น การทูตดิจิตอล การร่วมกันต่อต้านข่าวปลอมที่อาจมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือความสัมพันธ์ระดับประชาชนต่อประชาชน  และภาพลักษณ์ของประเทศ การพิจารณาแนวโน้มในอนาคตต่อการจัดการกับความท้าทายจาก AI โดยเฉพาะข่าวที่ผลิตโดย AI การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในประเด็นดิจิตัล การป้องกันแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นผ่านโซเชียลมีเดีย การป้องกันการเผยแพร่ข่าวปลอมเพื่อลวงล่อคนไปทำงานต่างประเทศ การป้องกันการยุยงให้เกิดความเกลียดชังข้ามวัฒนธรรม หรือข้ามชาติผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เป็นต้น ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้แบ่งปันข้อมูล และประสบการณ์เกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีด้านการป้องกันและต่อต้านข่าวปลอมทั้งในไทย และในต่างประเทศของฝ่ายรัฐ ภาคประชาสังคม และสำนักข่าวต่างประเทศ อธิบดีกรมสารนิเทศ กล่าวว่า ความสำคัญของการป้องกันการเผยแพร่ข่าวปลอม การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อประเด็นต่าง ๆ โดยเฉพาะในประเด็นที่อาจมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งกรมสารนิเทศและโคแฟค (ประเทศไทย) จะร่วมมือกันอย่างแข็งขันต่อไป.-สำนักข่าวไทย ——————————————————————————————————————————————– ที่มา…

เมื่อ กต.เจรจาสหรัฐ ถอนสถานีสอดแนม ‘รามสูร’ 2519

Loading

  พอไซ่ง่อนแตกเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2518 คนไทยก็กลัว “ทฤษฎีโดมิโน” ซึ่งเป็นหลักคิดของคนบางกลุ่มว่าเมื่ออินโดจีนกลายเป็นคอมมิวนิสต์หมดแล้ว เป้าหมายต่อไปก็คือประเทศไทย แต่หนังสือ 3 เล่มที่บันทึก “การทูตไทย” ที่ต้องเผชิญวิกฤตในช่วงนั้นได้เปิดเผยเบื้องหลังที่ทำให้ไทยรอดจากปากเหยี่ยวปากกาได้อย่างน่าสนใจยิ่ง บันทึกความทรงจำของคุณอาสา สารสิน, ม.ร.ว.เทพกมล เทวกุล และคุณวิทยา เวชชาชีวะ ที่เพิ่งตีพิมพ์ออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้เนื่องในวาระสิริอายุครบ 7 รอบตรงกันของทั้งสามท่านทำให้คนไทยได้รับทราบรายละเอียดของการดำเนินนโยบายการทูตในจังหวะนั้น อย่างที่หลายคนอาจจะไม่ได้รับรู้มาก่อน     หนังสืออีกเล่มหนึ่งที่ทรงคุณค่าสำหรับการได้เรียนรู้ว่าในยามที่บ้านเมืองเผชิญกับการต้องแก้วิกฤตที่มีผลต่อความอยู่รอดของประเทศนั้น การทูตที่ชาญฉลาด, กล้าหาญและสอดคล้องกับความเป็นจริงในช่วงนั้น ๆ ได้ช่วยทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นภยันตรายได้อย่างไร หนังสือเล่มนั้นชื่อ “นักสู้…อานันท์ กล้าคิด กล้าทำ กล้าเสี่ยง” เขียนโดยคุณวิทยา เวชชาชีวะ เป็นการบันทึกที่ผมถือว่ามีคุณประโยชน์สำหรับคนรุ่นหลังที่จะเรียนรู้, ศึกษาและนำมาประกอบการพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง คุณอานันท์ ปันยารชุน เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศสองรอบ ก่อนหน้านั้นท่านเป็นปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนจะลาออกไปทำงานในภาคเอกชน แต่ในขณะที่ท่านทำหน้าที่เป็น “นักการทูตอาชีพ” นั้นต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่ท้าทายประเทศชาติเป็นอย่างยิ่งครั้งแล้วครั้งเล่า   ในช่วงเวลาที่ไซ่ง่อนแตก สหรัฐถอนตัวกลับบ้าน ประเทศไทยซึ่งอนุญาตให้อเมริกามาตั้งฐานทัพในหลาย ๆ…

‘บัวแก้ว’ เปิดชื่อ 14 ประเทศเสี่ยงอันตรายคนไทยไปต้องระวัง-อาชญากรรมอื้อ!

Loading

  บัวแก้วเตือนคนไทยที่จะไป 14 ปท.เสี่ยงอันตราย ต้องระวังขั้นสูง เหตุอาชญากรรมอื้อ-ลักพาตัวถี่-เกิดภัยสู้รบต่อเนื่อง แนะเลี่ยงเข้าไปถ้าไม่จำเป็น   เมื่อวันที่ 27 ต.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงภายหลังหมอสอง หรือ นพ.นพรัตน์ รัตนวราห หมอศัลยกรรมชื่อดัง และเจ้าของเพจ “หมอสองท่องโลก” เดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศมาลี แล้วประสบเหตุถูกลักพาตัว   ซึ่งต่อมาได้รับการช่วยเหลือจากความร่วมมือกันของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดาการ์ ประเทศเซเนกัล กรมการกงสุล และองค์กรระหว่างประเทศหลายองค์กร จนสามารถออกมาได้อย่างปลอดภัย และบุคคลดังกล่าวได้เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมานั้น   กระทรวงการต่างประเทศขอแจ้งเตือนว่า ผู้ที่จะเดินทางไปประเทศในทวีปแอฟริกา ได้แก่ เซเนกัล, โกตดิวัวร์, บูร์กินาฟาโซ, กินี, กินี-บิสเซา, มาลี, แกมเบีย, เซียร์ราลีโอน, โตโก, กาบอง, กาบูร์เวร์ดี, ไลบีเรีย, ไนเจอร์ รวมถึงประเทศที่มีสถานการณ์พิเศษ…

รัฐบาลชวนโหลดแอปฯ ‘Thai consular’ ดูแลคนไทยที่เดินทางไปต่างแดน

Loading

  “ทิพานัน” ชวนโหลดแอปฯ “Thai consular” สำหรับคนไทยที่เดินทางไปต่างแดน เพื่อความอุ่นใจ ได้รับคุ้มครองดูแลรวดเร็ว ย้ำรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” มุ่งปรับบริการรัฐสู่ดิจิทัล ให้เข้าถึงง่ายใช้สะดวก   2 ต.ค. 2565 – น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่วิกฤติ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดเริ่มคลี่คลายทำให้ประเทศต่าง ๆ ผ่อนคลาย มาตรการในการเข้าประเทศส่งผลให้พี่น้องประชาชนมีการเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อติดต่อธุรกิจการศึกษาและการท่องเที่ยว ทั้งนี้รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดินทางไปในต่างแดนให้ได้รับความปลอดภัยอย่างทั่วถึง จึงขอเชิญชวนให้โหลด แอปพลิเคชัน Thai consular ก่อนหรือระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ   น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ทั้งนี้แอปพลิเคชัน Thai consular เป็นแอปพลิเคชัน ที่ให้ข้อมูลด้านการบริการต่าง ๆ ของกรมการกงสุล เช่น 1.บริการด้านหนังสือเดินทาง 2.บริการออกเอกสารตรวจลงตรา (VISA) 3.บริการด้านสัญชาติและนิติกร 4.การคุ้มครองคนไทยในต่างประเทศ 5.ศูนย์ประสานการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร น.ส.ทิพานัน…

การทูตของประชาชน

Loading

  ขณะนี้ เรื่องราวที่คนไทยที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองสนใจเป็นพิเศษ คือ การเดินทางไปเยือนสหรัฐของนายกรัฐมนตรีตามคำเชิญเพื่อร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน – สหรัฐ สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2565 ที่กรุงวอชิงตัน โดยมีวัตถุประสงค์ที่เปิดเผยคือ ฉลอง 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐ สองฝ่ายจะร่วมกันกำหนด “ ทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างกันท่ามกลางความท้าทายต่าง ๆ “ เพื่อฟื้นฟูการเติบโตอย่างยั่งยืนของภูมิภาคหลังโควิด 19   ก่อนหน้านี้ สหรัฐเคยเชิญผู้นำอาเซียนไปประชุมมาแล้ว แต่ต้องเลื่อนไปเพราะผู้นำกัมพูชาซึ่งเป็นประธานอาเซียนแจ้งไปว่า หลายคนติดธุระ ไม่ว่างที่จะมาพบตามวันเวลาที่กำหนด แต่ผู้นำสหรัฐก็เชิญมาอีกที ทำนองยืนยันว่าต้องมาพบกันให้ได้เป็นการแสดงพลัง ( แม้ว่าการประชุมผ่านวิดีโอสามารถทำได้และสะดวกกว่า )   ผู้นำที่ไปไม่ได้คงมีฟิลิปปินส์เพราะเพิ่งมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่คนใหม่ต้องเข้าพิธีสาบานตนก่อนจึงจะทำงานได้ อีกประเทศหนึ่งที่ไม่ไปก็คือพม่า ส่วนที่เหลือจะไปโดยเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ต้องไป เพื่อรักษาผลประโยชน์ที่มีกับสหรัฐ   เป็นที่รู้กันว่า ผู้นำสหรัฐต้องการใช้ “อาเซียน” เป็นตัวแสดงพลังหนุนท่าทีสหรัฐในประเด็นเฉพาะหน้าคือ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ตามที่เขาเคยประกาศว่า ประเทศประชาธิปไตยต้องช่วยกันประณามรัสเซีย ใครไม่ประณามรัสเซียก็เท่ากับไม่ใช่ประเทศประชาธิปไตย ส่วนระยะยาว เป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นการร่วมด้วยช่วยกันในการสกัดกั้นการขยายอิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้…