‘ออสเตรเลีย’ หวั่นก่อการร้ายส่งตำรวจ ‘สุ่มตรวจบัตรปชช.’ ที่สนามบิน

Loading

นายมัลคอล์ม เทิร์นบูล นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เปิดเผยเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจออสเตรเลีย ได้รับการเปิดทางให้ดำเนินการสุ่มตรวจบัตรประชาชน ที่สนามบินในประเทศออสเตรเลียได้แล้ว ภายใต้กฎหมายความมั่นคง ท่ามกลางความห่วงกังวลว่าอาจเกิดการโจมตีโดยกลุ่มหัวรุนแรงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) นายเทิร์นบูล ระบุว่าจากเหตุการณ์ระเบิดที่เมืองสุราบายา ประเทศอินโดนีเซียนั้นเตือนให้เจ้าหน้าที่ต้องอยู่ในสถานะเฝ้าระวังสูงสุด โดยนอกเหนือจากมาตรการดังกล่าวแล้ว จะมีการอัพเกรดเครื่องสแกนสัมภาระสำหรับการเดินทางในประเทศเช่นเดียวกับอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ รวมถึงมีการตรวจสอบสินค้าที่ส่งทางอากาศและพัสดุที่ส่งจากต่างประเทศอย่างเข้มข้นด้วย ทั้งนี้รัฐบาลออสเตรเลียระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการป้องกันเหตุโจมตีที่คนร้ายเตรียมก่อเหตุเอาไว้ได้ 14 ครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา ขณะที่มีเหตุโจมตีเกิดขึ้นหลายครั้ง โดยหนึ่งในเหตุก่อการร้ายรวมไปถึงเหตุบุกยึดคาเฟ่ในนครซิดนีย์เมื่อปี 2014 ————————————————————- ที่มา : MATICHON Online / 15 พฤษภาคม 2561 Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_956933

พ่อแม่ผู้ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในอินโดนีเซีย ใช้ลูกเป็นเครื่องมือสังหารชาวคริสต์

Loading

    ตำรวจอินโดนีเซียกล่าวว่า ครอบครัวที่มีสมาชิก 6 คนอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่โบสถ์ชาวคริสต์ 3 แห่งในเมืองสุราบายาของอินโดนีเซีย วันอาทิตย์ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต อย่างน้อย 13 รายและบาดเจ็บ 41 คน ครอบครัวดังกล่าวเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศซีเรียไม่นานนี้ ตำรวจกล่าวด้วยว่าผู้ก่อเหตุมีความเชื่อมโยงกับกลุ่ม Jemaah Ansharut Daulah ซึ่งได้รับแนวคิดมาจากกลุ่มรัฐอิสลาม และกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ก็อ้างความรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ในเมืองสุราบายา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศอินโดนีเซีย ด้านประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ประณามการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นการกระทำที่ “ป่าเถื่อน” เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ครอบครัวผู้ก่อเหตุ นอกจากจะมีพ่อและแม่ แล้วยังประกอบด้วยลูกสาวและลูกชายทั้งหมดอีก 4 คน โดยลูกคนเล็กสุดเป็นผู้หญิงวัย 9 ขวบ สำนักงานเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ นาย António Guterres กล่าวในแถลงการณ์วันอาทิตย์ว่ารู้สึก “ตกตะลึง” ที่มีการใช้เด็กในการโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตาย โฆษกของสำนักงานเลขาธิการ UN กล่าวว่า นาย Guterres ย้ำถึงการสนับสนุนรัฐบาลและชาวอินโดนีเซียในความพยายามต่อสู้และป้องกันการก่อการร้าย ตลอดจนความรุนแรงจากความคิดสุดโต่ง ความพยายามดังกล่าวรวมถึงการสร้างสังคมที่มีความหลากหลาย สนับสนุนความคิดสายกลาง และการยอมรับความแตกต่างในสังคม…

ระเบิดสุราบายา: ปธน. สั่งทำลายเครือข่าย “คนขลาด” หลังเหตุร้ายระลอกใหม่ในรอบ 13 ปี

Loading

  อินโดนีเซียเปิดปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มหัวรุนแรง หลังเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายหลายระลอกในสุราบายา เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอินโดนีเซีย ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 25 คน ซึ่งรวมถึงมือระเบิดฆ่าตัวตาย 13 คนและผู้ต้องสงสัยที่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิต การโจมตีต่อเนื่องนี้นับว่าเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดของอินโดนีเซียในรอบกว่า 10 ปี โฆษกตำรวจชวาตะวันออก ฟรานส์ บารัง กล่าวว่าวันนี้ ตำรวจได้ล้อมจับผู้ต้องสงสัย 7 คน ซึ่ง 2 ใน 7 นั้นถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ “พวกเขาวางแผนที่จะก่อเหตุในหลายพื้นที่ แต่แผนล้มเหลวเสียก่อน” นายบารัง กล่าวระหว่างแถลงข่าว แต่ไม่ได้บอกว่าพื้นที่เหล่านั้นเป็นที่ใดบ้าง ตั้งแต่วันอาทิตย์ (13 พ.ค.) มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นในสุราบายา เมืองหลวงของจังหวัดชวาตะวันออก แล้วถึง 5 ครั้ง สามครั้งแรกเกิดขึ้นช่วงเช้าวันอาทิตย์ในโบสถ์สามแห่งในเมือง ครั้งที่สี่เกิดขึ้นที่อพาร์ทเมนท์อีกด้านหนึ่งของเมืองในวันเดียวกัน ก่อนจะเกิดการโจมตีที่สำนักงานตำรวจของสุราบายาในวันนี้ซึ่งเป็นครั้งที่ 5     ลำดับเวลาโดยประมาณ (ตามเวลาท้องถิ่น) 6 สมาชิกในครอบครัวเดียวกันเริ่มก่อเหตุโจมตีเมื่อวันอาทิตย์ 1. 7:30 น. ลูกชายวัยรุ่นขับขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปยังโบสถ์ซานตา มาเรีย…

สนามบินญี่ปุ่นจะใช้เทคโนโลยี “สแกนใบหน้า” ในระบบตรวจคนเข้าเมือง

Loading

กระทรวงยุติธรรมของญี่ปุ่นจะติดตั้งเทคโนโลยี “จดจำใบหน้า” ตามสนามบินต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจคนเข้าเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2019 นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าออกประเทศญี่ปุ่นจะผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองโดยการสแกนใบหน้า ซึ่งเมื่อคอมพิวเตอร์เทียบข้อมูลกับภาพถ่ายที่เข้ารหัสไว้ในไมโครชิปที่ฝังไว้ในหนังสือเดินทางแล้ว ประตูอัตโนมัติก็จะเปิดออก ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาเพียง 15 วินาทีเท่านั้น และภาพถ่ายใบหน้าที่สแกนไว้จะถูกลบทันทีเมื่อการตรวจสอบเสร็จสิ้นเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล เทคโนโลยี “จดจำใบหน้า” จะถูกนำมาใช้ตามสนามบินหลักทั่วประเทศญี่ปุ่นในปี 2019 เพื่อลดเวลาต่อแถวในการตรวจคนเข้าเมือง และจะได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติภารกิจอื่น เช่น การป้องกันการก่อการร้าย ในช่วงก่อนที่กรุงโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในปี 2020 ปัจจุบันมีเครื่องสแกนใบหน้าติดตั้งอยู่ที่สนามบินฮาเนดะจำนวน 3 เครื่อง แต่จะเพิ่มเป็น 137 เครื่องในปีหน้า และยังจะติดตั้งในสนามบินนาริตะ, สนามบินชูบุ, สนามบินคันไซ และสนามบินฟุกุโอกะ เมื่อปี 2007 ญี่ปุ่นได้ใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือในการตรวจคนเข้าเมือง แต่กลับมีชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวใช้เพียงแค่ร้อยละ 7.9 เท่านั้น เนื่องจากต้องลงทะเบียนลายนิ้วมือก่อน แต่ระบบสแกนใบหน้านี้เป็นการเปรียบเทียบกับภาพในหนังสือเดินทาง ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใดๆ รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าจะให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเยือนญี่ปุ่น 40 ล้านคนในปี 2020 จึงจำเป็นใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจคนเข้าเมือง ธนาคารก็ใช้ “สแกนใบหน้า” แทนรหัสลับ เทคโนโลยี “จดจำใบหน้า” ยังกำลังถูกทดลองใช้โดยธนาคารต่างๆ ในญี่ปุ่นเพื่อยืนยันตัวตน โดยให้เจ้าของบัญชีใช้กล้องบนสมาร์ทโฟนถ่ายภาพตัวเอง…

บึ้ม!กลางอัฟกานิสถาน ดับเกือบ 40 ราย

Loading

เกิดเหตุระเบิดในเมืองกันดาฮาร์ ของประเทศอัฟกานิสถานถึง 2 ครั้งในวันเดียวกัน ทำให้นักข่าวเสียชีวิต 1 ราย โดยล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 38 คน ขณะที่สหรัฐฯและยูเอ็นประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันนี้ (1 พ.ค. 61) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มือระเบิดปลิดชีพตนเอง 1 คนก่อเหตุระเบิดในจังหวัดกันดาฮาร์ทางใต้ของอัฟกานิสถานเมื่อวานนี้ (30 เม.ย.) โดยมีเป้าหมายที่ขบวนรถของทหารนาโต้ แต่ผู้เสียชีวิตกลับเป็นเด็กนักเรียน 11 คนที่อยู่ในโรงเรียนสอนศาสนาที่ตั้งอยู่ริมถนน ใกล้กับจุดที่เกิดเหตุระเบิดและมีผู้บาดเจ็บอีก 16 คน โดยเป็นทหารนาโต้จากโรมาเนีย 8 คน นอกนี้เป็นตำรวจและพลเรือนอัฟกานิสถานอีก 8 คน โดยเหตุระเบิดที่กันดาฮาร์ดังกล่าวยังเกิดขึ้นในวันเดียวกับเหตุระเบิดปลิดชีพตนเอง 2 ครั้งซ้อนในกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 26 คน ซึ่งรวมถึงผู้สื่อข่าวและช่างภาพ 9 คนและมีผู้บาดเจ็บอีก 49 คน ขณะที่ในวันเดียวกัน เกิดเหตุผู้สื่อข่าวชาวอัฟกานิสถาน 1 คนของสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ ภาคภาษาอัฟกานิสถาน ถูกยิงเสียชีวิตในเมืองคอสต์ ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตใน 3 เมืองดังกล่าวเพิ่มเป็น 38 คน ซึ่งรวมถึงผู้สื่อข่าวและช่างภาพที่เสียชีวิตมากถึง 10 คนด้วย นับเป็นวันที่มีสื่อมวลชนเสียชีวิตมากที่สุดในอัฟกานิสถานในรอบ 17 ปีนับตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา ด้านกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ออกมาอ้างความรับผิดชอบเฉพาะเหตุระเบิด 2 ครั้งซ้อนในกรุงคาบูล ทั้งนี้ นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯคนใหม่ ประณามเหตุระเบิดและเหตุร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (30 เม.ย.) ในอัฟกานิสถาน ซึ่งโฆษกของนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็นร่วมประณามด้วย ที่มา : TNN24 1 พ.ค. 61, 13.37 น. ลิงค์ : http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=166302&t=news