สงครามโลกครั้งที่ 2 กับบทบาทขบวนการเสรีไทยสายอังกฤษ

Loading

  2 ก.ย. 2564 ครบรอบ 76 ปีของการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการ ผมขอใช้โอกาสนี้เล่าถึงบทบาทของคนไทยในอังกฤษที่เข้าเป็นสมาชิกของหน่วยงานราชการลับของรัฐบาลอังกฤษภายใต้ชื่อ Special Operations Executive หรือ SOE ที่ทำงานด้านหาข่าว สอดแนม และจารกรรมฝ่ายอักษะในยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนไทยกลุ่มนี้คือส่วนหนึ่งของขบวนการเสรีไทยสายอังกฤษที่ร่วมมือกับขบวนการเสรีไทยในประเทศไทยที่นำโดยนายปรีดี พนมยงค์ นำข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพญี่ปุ่นที่ยึดครองไทยขณะนั้น แจ้งต่อประเทศสัมพันธมิตร จนนำไปสู่การสิ้นสุดของสงครามในตะวันออกไกล และสงครามโลกครั้งที่สองในเวลาต่อมา บทความนี้ให้ความสำคัญกับบทบาทของคนไทยกลุ่มนี้ โดยอ้างอิงข้อมูลส่วนใหญ่จากเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ และ SOE ที่ระบุถึงข้อมูลของบุคคลสำคัญของไทย ต่างจากที่คนไทยเข้าใจกัน เช่น ใช้ตำแหน่งของ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช และ พระยามนูเวทย์วิมลนาทว่า อัครราชทูต (Minister) ไม่ใช่เอกอัครราชทูต (Ambassador)     ช่วงเริ่มต้นของสงครามมหาเอเชียบูรพา ตั้งแต่ 02.00 น. ของ 8 ธ.ค. 2484 เรือรบญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่ สงขลา ปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์…

ตร.แพร่คลิป ‘สมาร์ทเซฟตี้โซน’ สร้างพื้นที่ปลอดภัย นำร่อง 15 สถานีตำรวจ

Loading

  ตร. เผยแพร่คลิปประชาสัมพันธ์โครงการ “สมาร์ทเซฟตี้โซน” สร้างพื้นที่ปลอดภัยในทุกพื้นที่ทั่วทั้งประเทศ นำร่อง 15 สถานี ใช้เทคโนนวัตกรรมสุดล้ำ เข้ามาพัฒนาการทำงานของตำรวจ เมื่อวันที่ 1 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอประชาสัมพันธ์โครงการ SmartSafetyZone4.0 ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นแนวคิดของทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่ตั้งใจจะเปลี่ยนถนนสายเปลี่ยวให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย ซึ่ง ผบ.ตร.เคยกล่าวไว้ว่า “มีซอยไหนสักซอยไหมที่ผู้หญิงสามารถเดินจากปากซอยเข้าบ้านได้ตอนสามสี่ทุ่มหรือหลังจากนั้น โดยไม่รู้สึกกลัวอะไร” นำมาสู่โครงการ สมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. เป็นที่ปรึกษา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ9) ขับเคลื่อน คัดเลือกพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว แหล่งเศรษฐกิจ เอาความเดือดร้อนประชาชนเป็นตัวตั้ง พื้นที่ที่มีความหวาดกลัวภัยอาชญากรรม คดีเกี่ยวกับชีวิตและทรัพย์สินหรือคดีอื่นๆ ที่ทำให้ประชาชนหวาดกลัว เป็นพื้นที่นำร่อง 15 สถานีตำรวจทั่วประเทศ…

5 สิ่งควรทำ ก่อนส่งเอกสารออนไลน์

Loading

ปัจจุบันมิจฉาชีพได้เปลี่ยนวิธีการหลอกลวงไป อย่างคาดไม่ถึง มีการสร้างเพจร้านค้าปลอม เพจให้บริการกู้เงิน หรือในรูปแบบบริการอื่นๆ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อ ก็จะถูกหลอกล่อด้วยคำพูดต่างๆ เพื่อให้ส่งเอกสารประจำตัว เช่น บัตรประจำตัวประชาชน บัญชีธนาคาร บัตรเครดิต หรือเอกสารอื่นๆ เพื่อเอาไปทำนิติกรรม หรือสัญญา ที่เจ้าของบัตรไม่ได้กระทำด้วยตนเอง ดังนั้นหากจำเป็นที่จะต้องส่งเอกสารประจำตัวให้ผู้อื่นผ่านช่องทางออนไลน์ ควรจะมีมาตราการป้องกันความปลอดภัยเบื้องต้น ก่อนที่จะส่งเอกสารต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น การใส่ลายน้ำ การรับรองสำเนาถูกต้อง ระบุวัตถุประสงค์ที่แน่นอน วันที่ในการใช้บัตร ทั้งนี้ถ้าหากเป็นบัตรประชาชนให้ถ่ายเฉพาะด้านหน้าเท่านั้น   ที่มา : กองบังคับการปราบปราม      /วันที่เผยแพร่  29 ส.ค.2564 Link : https://www.facebook.com/AntiFakeNewsCenter/?hc_ref=ARSp6Z7aIXf0FV3QlnlwPJ1CjeRv6EW6J7M5TpMcsU0btBM7Vcj05wLza5qPZxPbZqs&fref=nf&__tn__=kC-R

คำถามนี้ “ดี” พี่ตอบให้: e-Signature VS Digital Signature มันคืออะไร? ต้องใช้อันไหนดี??

Loading

  1. ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) กับ ลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) คืออะไร ? ตอบ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) เป็นชุดข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ตัวเลข ตัวอักษร สัญลักษณ์ เสียง ที่ใช้ระบุตัวเจ้าของลายมือชื่อที่เกี่ยวข้องกับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) เพื่อแส่ดงว่า บุคคลดังกล่าวยอมรับข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ส่วน ลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) คือ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์รูปแบบหนึ่งที่ได้จากกระบวนการเข้ารหัสลับของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งช่วยให้สามารถยืนยันตัวเจ้าของและสามารถตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของข้อความและลายมือชื่อได้     2. e-Signature หรือ Digital Signature แบบไหนถึงจะมีผลทางกฎหมาย ? ตอบ มีผลทางกฎหมายทั้งคู่ และมีผลเช่นเดียวกับการเซ็นบนกระดาษ     3. ทำไมต้องใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ แทนการเซ็นบนกระดาษ ? ตอบ เพราะมีความสะดวกรวดเร็ว ลดการใช้กระดาษ ประหยัดพื้นที่จัดเก็บเอกสาร ประหยัดค่าส่งเอกสาร มีผลทางกฎหมายเหมือนการเซ็นบนกระดาษ และยังลดการสัมผัส…

วุฒิสภาสหรัฐฯ ชี้ปัญหาด้านความปลอดภัย-งานข่าวกรอง มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุจลาจลบุกอาคารรัฐสภา 6 ม.ค.

Loading

  คณะกรรมาธิการวุฒิสภา 2 ชุดร่วมกันออกรายงานที่แสดงให้เห็นถึง “ความล้มเหลวด้านงานรักษาความปลอดภัยและงานข่าวกรองจำนวนหนึ่ง” ที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและระหว่างการก่อการจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา รายงานร่วมดังกล่าวที่ได้รับการเปิดเผยออกมาในวันอังคารตามเวลาในสหรัฐฯ ระบุว่า “วันที่ 6 มกราคม ปี ค.ศ. 2021 นั้นไม่เพียงแต่เป็นวันที่จะถูกจดจำว่าเป็นวันเกิดเหตุโจมตีระบอบประชาธิปไตย แต่ยังชี้ให้เห็นว่า องค์กรที่รับผิดชอบด้านการรักษาความปลอดภัยและการปกป้องอาคารรัฐสภาและทุกคนที่อยู่ในพื้นที่นั้น ไม่ได้มีการเตรียมตัวรับมือกับการโจมตีขนานใหญ่ แม้จะมีความตระหนักดีเกี่ยวกับความน่าจะเป็นของเหตุรุนแรงที่พุ่งเป้ามายังอาคารรัฐสภาแล้วก็ตาม” คณะกรรมาธิการด้านกฎและด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของวุฒิสภาร่วมกันทำการสอบสวนเหตุจลาจลตั้งแต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเชิญผู้รับผิดชอบดูแลหน่วยงานตำรวจประจำรัฐสภาและหน่วยงานรักษากฎหมายอื่นๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทั้งอดีตและปัจจุบันของกระทรวงกลาโหมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เข้าให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และยังตรวจสอบเอกสารหลายพันชุด ประกอบเอกสารคำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำรัฐสภาอีก 50 นายด้วย รายงานดังกล่าวสรุปว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดเหตุการณ์น่าสลดในวันที่ 6 มกราคมนั้น คือ ความล้มเหลวของงานด้านข่าวกรอง ที่ไม่ได้ทำการวิเคราะห์ ประเมินและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับความน่าจะเป็นของเหตุรุนแรงและภัยคุกคามต่อรัฐสภารวมทั้งสมาชิกทั้งหลายที่อยู่ในอาคารในวันดังกล่าวให้กับหน่วยงานรักษากฎหมาย     คณะกรรมาธิการทั้งสองยังชี้ด้วยว่า ความล้มเหลวที่กล่าวมานั้นรวมความถึง การที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) หรือกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ทำการประเมินภัยคุกคามใดๆ แม้จะมีเสียงเรียกร้องผ่านช่องทางออนไลน์ให้มีการก่อเหตุความรุนแรงที่อาคารรัฐสภามาสักระยะแล้ว รวมทั้งหน่วยงานด้านข่าวกรองของทีมตำรวจประจำรัฐสภาไม่ยอมแบ่งปันข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับภัยคุกคามรุนแรงให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เลย นอกจากประเด็นความล้มเหลวแล้ว คณะกรรมาธิการทั้งสองยังตำหนิทีมงานรักษาความปลอดภัยของอาคารรัฐสภาที่ไม่ยอมร้องขอความช่วยเหลือจากกองกำลังสำรองของรัฐ ล่วงหน้าก่อนวันที่ 6…

ออสเตรเลียสั่งปิดสถานทูตในคาบูลกะทันหัน อ้างเหตุผลด้านความปลอดภัย

Loading

  เอเอฟพี – แคนเบอร์รา เมื่อ 25 พ.ค. สั่งปิดสถานทูตออสเตรเลียในกรุงคาบูลอย่างกระทันหันในสัปดาห์นี้ โดยให้เหตุผลวิตกต่อสถานการณ์ไม่แน่นอนในอัฟกานิสถานท่ามกลางการแห่ถอนกำลังกองกำลังต่างชาติกลับประเทศ เอเอฟพีรายงานเมื่อ 25 พ.ค. ว่า กลุ่มติดอาวุธตอลีบานที่เพิ่มการโจมตีทั่วประเทศในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาออกมาแสดงปฎิกริยาโดยชี้ว่า จะให้ความปลอดภัยทางสิ่งแวดล้อมให้กับเหล่านักการทูตและองค์กรด้านการบรรเทาทุกข์ต่างๆ สหรัฐฯและกองกำลังพันธมิตรกำลังอยู่ในเฟสสุดท้ายของการถอนกำลังที่เหลือออกไปจากอัฟกานิสถาน สิ้นสุดการสู้รบที่ยาวนานที่สุดของสหรัฐฯ แต่ทำให้อัฟกานิสถานต้องตกอยู่ในอนาคตที่ไม่แน่นอนภายใต้อุ้งมือของกลุ่มตอลีบาน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย สกอตต์ มอร์ริสสัน กล่าวว่าสถานทูตออสเตรเลียจะปิดทำการเป็นเวลา 3 วัน และพบว่ามีกองกำลังออสเตรเลียราว 80 นายจะเดินทางกลับประเทศซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการถอนกำลังออสเตรเลียกลับประเทศ โดยที่ไม่มีกองกำลังเล็กๆหลงเหลือหรือการสนับสนุนจากกองกำลังสหรัฐฯที่มีจำนวนมากกว่า มอร์ริสสันกล่าวว่า ไม่มีความแน่นอนเพิ่มมากขึ้นต่อสถานการณ์ความมั่นคงภายในอัฟกานิสถานหลังจากนี้ “รัฐบาลได้รับคำแนะนำว่าจะไม่สามารถให้หลักประกันทางความมั่นคงต่อเจ้าหน้าที่การทูตของเราที่ยังคงทำงานอยู่ที่นั่น” เขากล่าวผ่านแถลงการณ์ ในยังนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดถึงเหตุภัยคุกคามเจาะจงต่อสถานทูตออสเตรเลียที่ตั้งอยู่ในเขตกรีนโซนที่มีความมั่นคงสูงซึ่งไม่ห่างจากที่ตั้งสถานทูตสหรัฐฯเท่าใดนัก ด้านกระทรวงต่างประเทศอัฟกานิสถานกล่าวผ่านแถลงการณ์ หวังว่าทางออสเตรเลียจะเปลี่ยนการตัดสินใจขณะที่ลูกจ้างสถานทูตออสเตรเลียซึ่งเป็นชาวอัฟกันได้แสดงความรู้สึกหวาดวิตกต่อสถานการณ์ไม่มั่นคงในอนาคตของตนเอง หนึ่งในลูกจ้างชาวอัฟกันแสดงความเห็นต่อเอเอฟพีว่า “ผมได้เอาชีวิตเข้าปกป้องสถานทูต…และในเวลานี้พวกเขากำลังจากพวกเราไป พวกตาลีบานมีชื่อพวกเรา พวกเราอยู่ในความกลัวเวลานี้” ขณะเดียวกันกลุ่มติดอาวุธตอลีบานออกแถลงการณ์ 25 พ.ค.แจ้งไปยังสถานการทูตต่างชาติสามารถปฎิบัติงานได้ตามปกติโดยให้หลักประกันด้านความปลอดภัยมีใจความว่า “(พวกเรา)ไม่แสดงความเป็นภัยต่อพวกเขา” โฆษกโมฮัมหมัด นาอีม(Mohammad Naeem)กล่าวกับเอเอฟพี เอเอฟพีรายงานว่า นักการทูตชาติตะวันตกและเจ้าหน้าที่การทหารในเวลานี้ต่างพยายามหาหนทางที่จะให้ความปลอดภัยแก่ชีวิตพลเรือนอัฟกานิสถานในอนาคตด้วยความวิตกต่อกลุ่มติดอาวุธตอลีบาน ทั้งนี้แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่การทหารต่างชาติในกรุงคาบูลเปิดเผยว่า สถานทูตต่างชาติที่ยังคงเปิดทำการอยู่ในเวลานี้เกี่ยวข้องกับการบรรเทาทุกข์ แต่หากว่าทางเจ้าหน้าที่เป็นอันตรายก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะคงอยู่ต่อไป   ————————————————————————————————————————————- ที่มา :…