บังคับใช้แล้ว! ระเบียบศาล รธน. 45 ข้อ ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในที่ทำการศาล

Loading

23 ต.ค 62 – เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ระเบียบศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในที่ทำการศาล พ.ศ. 2562 เพื่อให้การรักษาความปลอดภัยของศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญและการรักษาความสงบเรียบร้อยของการพิจารณาคดีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมและรัดกุมสอดคล้องกับกฎหมาย กฎ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงโครงสร้างการบริหารราชการของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2542 และ ข้อ 8 (8) ของข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2562 ศาลรัฐธรรมนูญจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ อ่านทั้งหมด —————————————— ที่มา : ไทยโพสต์ / 25 ตุลาคม 2562 Link : https://www.thaipost.net/main/detail/48669

ว่าด้วยความสำคัญของบัตรประจำตัว

Loading

การติดบัตรประจำตัวนับเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานที่ เนื่องจากเป็นวิธีการควบคุมบุคคลที่จะผ่านเข้า-ออกพื้นที่ควบคุมหรือพื้นที่หวงห้ามของหน่วยงาน และเป็นการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล เพื่อให้แน่ใจว่า บุคคลนั้นเป็นผู้มีสิทธิผ่านเข้า-ออกพื้นที่ของหน่วยงานเหล่านั้นได้จริง อย่างเช่น กลุ่มเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน กลุ่มผู้มาติดต่อ  กลุ่มผู้ร่วมประชุม เป็นต้น อีกทั้งรูปแบบหรือสีของบัตรประจำตัวที่กำหนดไว้ยังช่วยให้เจ้าหน้าที่ภายในหน่วยงานสามารถแบ่งแยกเบื้องต้นได้ว่า กลุ่มผู้ติดบัตรประจำตัวอยู่ในกลุ่มใด หรือสังเกตเห็นได้ว่าผู้ติดบัตรประจำตัวล่วงล้ำเข้าสู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้รับอนุญาต  ขณะนี้มาตรการติดบัตรประจำตัวนี้ไม่กำหนดชัดเจนในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ มีเพียงระบุไว้ในคู่มือมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยหน่วยงานภาครัฐฝ่ายพลเรือน ซึ่งจัดทำเมื่อปี 2553 โดยสำนักข่าวกรองแห่งชาติในฐานะองค์การรักษาความปลอดภัยแห่งชาติฝ่ายพลเรือน สำหรับให้หน่วยงานของรัฐและองค์การอิสระฝ่ายพลเรือน นำไปเป็นแนวทางปฏิบัติเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ.2517 ซึ่งปัจจุบันยกเลิกแล้ว เป็นระเบียบที่ให้ความสำคัญต่อบัตรประจำตัวและกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ชัดเจน โดยถือว่า บัตรประจำตัวเป็นเอกสารราชการที่ใช้แสดงฐานะเจ้าของบัตรต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ถึงสิทธิในการผ่านเข้า-ออกพื้นที่ส่วนราชการ ขณะผ่านจุดตรวจหรือช่องทางเข้า-ออก เพื่อเข้าสู่เขตที่มีการรักษาความปลอดภัย ทั้งยังใช้เป็นหลักฐานควบคุมบุคคลทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะต่อกรณีที่พบการกระทำความผิดหรือละเมิดกฎระเบียบที่กำหนดไว้ในหน่วยงานรัฐ ตลอดจนยังเป็นเอกสารเฉพาะตัวบุคคลที่ยืนยันถึงการได้รับความไว้วางใจให้เข้าถึงและระดับชั้นที่ให้เข้าถึงสิ่งที่เป็นความลับหรือมีความสำคัญของราชการ หรือแสดงถึงการได้รับอนุญาตให้ผ่านหรือเข้าไปปฎิบัติงานในพื้นที่ควบคุมหรือเขตหวงห้าม รวมทั้งในพื้นที่ที่จัดการประชุมลับอีกด้วย  แม้ว่าในปัจจุบันมาตรการเกี่ยวกับบัตรประจำตัวจะยังกำหนดใช้ภายในหน่วยงานของรัฐ แต่ก็มิได้สร้างความเข้าใจให้ตระหนักถึงความสำคัญของบัตรประจำตัวหรือมิได้เข้มงวดในการถือปฏิบัติมากนัก เช่น บัตรประจำตัวต้องติดที่อกเสื้อ เพื่อให้เห็นได้ชัดเจน และให้ติดไว้ตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่่รักษาความปลอดภัย เป็นต้น ถึงแม้ขณะนี้ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับบัตรประจำตัวจะไม่มีความชัดเจนในระเบียบราชการว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยฝ่ายพลเรือนก็ตาม แต่หากหน่วยงานของรัฐเห็นถึงความสำคัญก็สามารถกำหนดขึ้นเป็นระเบียบภายใน เพื่อให้เจ้าหน้าที่และผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ครอบครองของหน่วยงานของรัฐนั้น ถือปฏิบัติตามตลอดระยะเวลาที่อยู่ในพื้นที่ก็ได้ ตัวอย่างหน่วยงานของรัฐที่กำหนดเป็นระเบียบภายใน ได้แก่ รัฐสภาเรียกว่า ระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยของรัฐสภา พ.ศ.2559 ระบุถึงเช่นนี้ ข้อ 5 ในระเบียบนี้…

กทม.เช็กซีซีทีวีทั่วกรุงพร้อมใช้งานทุกตัว เข้มความปลอดภัย ‘ประชุมอาเซียน’

Loading

นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 ในวันที่ 31 ต.ค. – 4 พ.ย.62 นี้ ณ กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้แก่คณะผู้นำประเทศผู้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการดูแลความมั่นคงปลอดภัย พร้อมรับต่อทุกสถานการณ์ให้เรียบร้อยและเป็นไปตามหลักสากล นางศิลปสวย กล่าวว่า ในส่วนสำนักการจราจรและขนส่ง ตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ของ กทม.ทุกตัวให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งบูรณาการเชื่อมโยงการใช้ประโยชน์ข้อมูลสัญญาณภาพจากกล้องซีซีทีวี ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ขณะที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตรวจสอบความพร้อมของระบบป้องกันอัคคีภัย ฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟในโรงแรมที่ใช้เป็นที่พำนักของผู้แทนประเทศสมาชิกของอาเซียน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยพร้อมรถดับเพลิง รถไฟฟ้าส่องสว่าง และรถอุปกรณ์พิเศษ ไปจอดประจำ ณ โรงแรมที่ใช้เป็นที่พำนักเพื่อดูแลความปลอดภัยจนถึงเสร็จสิ้นภารกิจ ด้านพ.ต.ท.สมเกียรติ นนทแก้ว ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตามที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำชับฝ่ายความมั่นคงขอให้ประสานทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความพร้อมของแผนและมาตรการดูแลความมั่นคงปลอดภัยในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 2 – 4…

วุ่นทั้งลำ! ‘หนุ่มเมาอาละวาด’ จะเปิดประตูฉุกเฉินเครื่องบิน

Loading

เกิดเหตุระทึกหนุ่มเมาอาละวาด พยายามเปิดประตูฉุกเฉินเครื่องบิน บนความสูง 33,000 ฟุต วันนี้ (21 ต.ค.62) เกิดเหตุระทึกบนเครื่องบินของสายการบินนอร์ดวินด์ แอร์ไลน์ สายการบินพาณิชย์ในรัสเซีย ระหว่างเดินทางไปยังเกาะภูเก็ต ประเทศไทย แต่หลังจากที่เครื่องขึ้นบินได้ 2-3 ชั่วโมง เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น เมื่อผู้โดยสารชายที่อยู่ในอาการเมาสุรา พยายามบุกเข้าไปเปิดประตูฉุกเฉิน ระหว่างที่เครื่องทำการบินอยู่บนระดับความสูงกว่า 33,000 ฟุต จนบรรดาลูกเรือและผู้โดยสารคนอื่นๆ ต้องรีบกรูกันเข้าช่วยระงับเหตุ และนักบินต้องตัดสินใจนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินระหว่างทาง เหตุระทึกครั้งนี้ ต้องใช้ลูกเรือและผู้โดยสารถึง 7 คน เข้าไปช่วยกันจับตัวเขาชายคนนี้เอาไว้ และฉุดกระชากเขาไม่ให้ดึงประตูฉุกเฉินเอาไว้ได้ จากนั้นทุกคนได้ช่วยกันจับเขามัดติดกับเก้าอี้โดยสารด้วยแผ่นพลาสติกใส เพื่อให้เขาได้สงบสติอารมณ์ ส่วนนักบินได้ตัดสินใจส่งสัญญาณ ขอลงจอดฉุกเฉินที่ประเทศอุซเบกิสถาน ก่อนจะควบคุมตัวชายที่ก่อเหตุส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี ฐานพยายามก่อเหตุระหว่างทำการบิน พร้อมดำเนินส่งตัวกลับประเทศ จากนั้นเครื่องบินลำนี้จึงสามารถทำการบินต่อไปยังจุดหมายปลายทางได้แต่ก็ต้องเสียเวลาอยู่นานหลายชั่วโมง ——————————————– ที่มา : TNN / 21 ตุลาคม 2562 Link : https://www.tnnthailand.com/content/19557

ชิลีขยายเวลาเคอร์ฟิว หลังยอดตายพุ่ง 7 ศพ

Loading

ทางการชิลีต้องประกาศขยายเวลาเคอร์ฟิวในกรุงซานติอาโกเป็นวันที่ 2 หลังเกิดเหตุกลุ่มปล้นชิงทรัพย์จุดไฟเผาโรงงานเย็บผ้าชานเมืองหลวง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นรวมเป็น 7 รายแล้ว ประธานาธิบดีบราซิลได้จัดการประชุมฉุกเฉินกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐในช่วงเย็นวันที่ 20 ตุลาคมตามเวลาท้องถิ่น พร้อมกับยืนยันความจำเป็นที่จะต้องมีการประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา และส่งทหารหลายพันนายไปประจำการอยู่บนท้องถนน “ประชาธิปไตยไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องของสิทธิ แต่ยังมีพันธะกรณีที่จะป้องกันในทุกวิถีทางที่สามารถทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งรวมถึงการบังคับใช้กฎหมายเพื่อจัดการกับผู้ที่ต้องการทำลายมัน”ประธานาธิบดีเซบาสเตียน พิเนรา ของชิลีระบุ เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารต้องยิงแก๊สน้ำตารวมถึงปืนฉีดน้ำเพื่อสลายการชุมนุมในกรุงซานติอาโก หลังกลุ่มผู้ประท้วงก่อเหตุเนื่องจากไม่พอใจที่มีการขึ้นค่ารถไฟฟ้ารวมถึงไม่พอใจต่อความไม่เท่าเทียมทางสังคม โดยการประท้วงยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 3 ทั้งนี้ระบบขนส่งมวลชนเกือบทั้งหมดในกรุงซานติอาโกซึ่งมีพลเมืองอาศัยอยู่ราว 7,000,000 คนต้องยุติการให้บริการในวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่ร้านค้าก็ปิดทำการ และมีรายงานด้วยว่าเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งขาเข้าและขาออกจากกรุงซานติอาโกจำนวนมากถูกยกเลิก ———————————————— ที่มา : มติชน / 21 ตุลาคม 2562 Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_1720556

สถานทูตเตือนคนไทยในบาร์เซโลนา หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่ชุมนุม หลังมีแนวโน้มรุนแรง

Loading

(Photo by Pau Barrena / AFP) สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอแจ้งข้อมูลและคำแนะนำแก่ผู้ที่พำนักและเดินทางมาท่องเที่ยวในนครบาร์เซโลนาเกี่ยวกับสถานการณ์ชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ในช่วงนี้ ดังนี้ 1. คาดว่าสถานการณ์การชุมนุมจะยังคงยืดเยื้อ โดยผู้ชุมนุมในช่วงสุดสัปดาห์วันที่ 19-20 ต.ค.2562 น่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีแนวโน้มของการใช้ความรุนแรงในช่วงค่ำ 2. เหตุชุมนุมดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการเดินทางภายในแคว้นคาตาโลเนีย รวมถึงการใช้บริการท่าอากาศยาน ท่าเรือ สถานีรถไฟ และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในนครบาร์เซโลนา ซึ่งอาจให้บริการได้ไม่เต็มที่ โดยมีรายงานข่าวกลุ่มคนกีดขวางเส้นทางการจราจรอยู่เป็นระยะ อีกทั้งอาจมีกลุ่มมิจฉาชีพใช้โอกาสในช่วงเหตุการณ์ชุมนุมก่ออาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น 3. สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่ชุมนุม และพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากการชุมนุมประท้วง ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทางการสเปนอย่างเคร่งครัด และติดตามข่าวสารเป็นระยะ โดยอาจตรวจสอบจากสื่อสเปนที่เป็นภาษาอังกฤษ ได้แก่ https://elpais.com/elpais/inenglish.html 4. ท่านสามารถตรวจสอบเที่ยวบินได้ที่หน่วยงานด้านการบินของสเปน http://www.aena.es/en/passengers/passengers.html และการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนในนครบาร์เซโลนาที่ https://twitter.com/TMB_Barcelona 5. กรณีฉุกเฉิน ต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ทางหมายเลข 00 34 660 24 2507 หรือ line id: hotlinemadrid ได้ตลอด 24…