สถานกงสุลฯ เตือนภัยคนไทยเดินทางไปซานฟรานฯ แอลเอ และลาสเวกัส

Loading

สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ประกาศเตือนภัยคนไทยที่เดินทางไปนครซานฟรานซิสโก นครลอสแอนเจลิส และเมืองลาสเวกัส ให้ระวังภัยมิจฉาชีพที่ใช้วิธีทุบรถยนต์เพื่อขโมยของมีค่าภายในรถยนต์นั้น คำเตือนนี้มีขึ้นหลังจากที่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนมากเดินทางมายังสถานกงสุลฯ เพื่อขอให้ออกเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งสูญหายไปจากการถูกโจรกรรมทรัพย์สิน สถานกงสุลฯ ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวไทยกว่า 40 ราย ที่ถูกทุบรถยนต์เพื่อโจรกรรมทรัพย์สิน โดยเฉพาะที่ 3 เมืองใหญ่ข้างต้น ซึ่งล้วนเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทย สถานกงสุลฯ ยังได้มีคำแนะนำเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในเมืองเหล่านั้น กล่าวคือ – พยายามไม่นำของมีค่าและเงินสดติดตัวเกินความจำเป็น – อย่างวางกระเป๋าหรือสัมภาระต่างๆ ทิ้งไว้ในรถยนต์ ทำให้เป็นเป้าสายตาของมิจฉาชีพ – ควรเก็บหนังสือเดินทางติดตัวตลอดเวลา และถ่ายรูปสำเนาหนังสือเดินทางเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือในกรณีฉุกเฉิน – เมื่อประสบเหตุให้รีบแจ้งตำรวจ และติดต่อสถานกงสุลใหญ่ฯ ทันที   ที่มา : VOA News / กรกฎาคม 19, 2019 Link : https://www.voathai.com/a/thai-concular-warns-thai-touists/5006369.html

ระวัง เปิดซิมต่างประเทศ แล้วโดนติดคุก

Loading

ระวัง เปิดซิมต่างประเทศ แล้วโดนติดคุก เกิดขึ้นมากที่ไทเป ไต้หวัน โดยเฉพาะคนไทยที่ทำงานที่ไต้หวันโดนเยอะ ถูกหลอกเซ็นเชื่อในแบบฟอร์มยื่นขอเปิดซิมการ์ดมือถือ ส่งผลให้แรงงานไทยไม่ต่ำกว่า 200 คน หลังจากเดินทางเข้าสู่ไต้หวันได้ไม่นาน ก็ตกเป็นผู้ต้องหา ถูกตำรวจออกหมายเรียกไปสอบปากคำ ข้อหาขู่กรรโชกทรัพย์ หรือหลอกลวงต้มตุ๋นชาวไต้หวัน ทั้งๆ ที่พูดภาษาจีนไม่ได้สักคำ บางคนยังไม่ทันจะเดินทางเข้าไต้หวัน ก็ตกเป็นผู้ต้องหาเสียแล้ว จากบริษัทจัดหางานไทยที่ไม่ประสงค์จะเปิดเผยนามกล่าวว่า มีพนักงานบริษัทจัดหางานไทยบางบริษัท นำแบบฟอร์มยื่นขอเปิดซิม ของค่ายมือถือในไต้หวัน ซึ่งมีตัวแทนอยู่ในประเทศไทย ไปหลอกให้คนงานเซ็น โดยนำไปปะปนกับเอกสารการเดินทางไปทำงานที่ไต้หวัน จากนั้นก็ยื่นขอเปิดซิมต่อค่ายโทรศัพท์มือถือ แล้วนำซิมการ์ดเหล่านี้ไปขายต่อให้แก๊งมิจฉาชีพในไต้หวันนำไปก่อคดี ในราคา 3,000 – 5,000 เหรียญ ต่อ 1 เบอร์ เมื่อตำรวจดักจับสัญญาณมือถือของแก๊งมิจฉาชีพได้ พบเจ้าของเบอร์มือถือเป็นคนงานไทย จะออกหมายเรียกให้ไปสอบปากคำ ฐานเป็นผู้ต้องหาต้มตุ๋น คนงานไทยบางคนได้รับหลายใบ ต้องขอให้ล่ามพาไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจหลายท้องที่ ทำให้วิตกกังวล ถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ แม้ว่าสุดที่ท้ายคนงานไทยที่ตกเป็นเหยื่อเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะไม่ถูกสั่งฟ้อง แต่กว่าคดีจะสิ้นสุด ก็ต้องเสียเวลาทำงาน และเสียสุขภาพจิตเป็นปี ขณะที่บางคนโชคร้าย ให้การกลับไปกลับมา ถูกพิพากษาจำคุก ต้องไปรับโทษในคดีที่ตนไม่ได้ก่อขึ้น จากสถิติของสำนักงานแรงงานไทย ตั้งแต่ปี…

รัฐบาลสิงคโปร์สั่งขึ้นทะเบียนโดรนทุกลำ หลังเหตุป่วนสนามบินนานาชาติชางงี

Loading

รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมออกกฎหมายให้โดรนทุกลำในประเทศต้องขึ้นทะเบียนก่อนนำไปใช้งาน พร้อมเล็งเพิ่มบทลงโทษสำหรับผู้ที่ละเมิดกฎหมาย โดยรัฐบาลให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดหลังจากเกิดเหตุโดรนบินป่วนท่าอากาศยานนานาชาติสิงคโปร์ชางงี ส่งผลให้เที่ยวบินหลายลำเกิดการล่าช้าจนถึงขั้นต้องปิดรันเวย์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ด้านนาย Lam Pin Min in รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมสิงคโปร์ เผยถึงเหตุผลการขึ้นทะเบียนโดรนว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับสารการบินและผู้ใช้งานสนามบินได้ เพราะจะทำให้นักบินโดรนจะทำการบินอย่างมีความรับผิดชอบ แต่ทางกระทรวงยังไม่สามารถระบุวันเวลาที่จะเริ่มบังคับใช้กฎหมายได้แน่ชัด แต่จะพยายามให้ทันภายในเดือนหน้า อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันกฎหมายสิงคโปร์ห้ามการนำโดรนบินภายในรัศมี 5 กิโลเมตร หรือที่ระดับความสูง 61 เมตร ของสนามบินและฐานทัพทหาร โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งผู้กระทำผิดมีระวางโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ และท่าอากาศยานนานาชาติสิงคโปร์ชางงี นับเป็นหนึ่งในท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารมากที่สุดในโลก ให้บริการผู้โดยสารจำนวนถึง 65.6 ล้านคนในปีที่แล้ว ที่มาข่าวและภาพประกอบ: Channel News Asia, 8/07/2019 Link : https://www.tcijthai.com/news/2019/7/asean/9202

คาดสายชาร์จไฟไหม้ ต้นตอเครื่องบิน “เวอร์จิ้น แอตแลนติก” ลงจอดฉุกเฉิน

Loading

เที่ยวบินสายการบินเวอร์จิ้น แอตแลนติก เส้นทางจากมหานครนิวยอร์ก ต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินนานาชาติโลแกน ในนครบอสตัน หลังเกิดเหตุไฟไหม้ห้องโดยสาร ซึ่งทีมสืบสวนคาดว่าน่าจะมีต้นตอมาจากสายชาร์จโทรศัพท์เกิดลุกไหม้บนเครื่อง ผู้โดยสาร 217 ชีวิตและลูกเรืออพยพจากเที่ยวบิน สายการบินเวอร์จิ้น แอตแลนติก ที่สนามบินในนครบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ได้อย่างปลอดภัย โดยมีรายงานผู้บาดเจ็บที่ปฏิเสธการปฐมพยาบาลเนื่องจากภาวะสำลักควัน หนังสือพิมพ์ Washington Post อ้างข้อมูลจากตำรวจรัฐแมสซาชูเซตส์ รายงานว่า การสืบสวนเบื้องต้นพบว่าสาเหตุของเพลิงไหม้น่าจะมาจากสายชาร์จโทรศัพท์มือถือ ที่พบอยู่ระหว่างที่นั่งโดยสารในเกิดประกายไฟลุกไหม้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่บนเครื่องบินจะเข้าควบคุมเพลิงไว้ได้ ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ หรือ FAA ห้ามไม่ให้นำแบตเตอรี่ลิเธียมพกพาโหลดลงในกระเป๋าสัมภาระใต้เครื่อง รวมทั้งมีรายงานว่าสายการบินหลายแห่ง สั่งห้ามนำกระเป๋า Smart Bag ที่บรรจุแบตเตอรี่ลิเธียมสำหรับชาร์จสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์โหลดลงในกระเป๋าสัมภาระใต้เครื่อง เพราะมีความเสี่ยงที่อุปกรณ์ดังกล่าวอาจเกิดประกายไฟหรือระเบิดได้ แต่ข้อกำหนดดังกล่าวไม่ได้มีผลบังคับใช้กับการนำแบตเตอรี่พกพาเหล่านี้ขึ้นไปบนห้องโดยสารบนเครื่องบิน หรือใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางติดตัวขึ้นเครื่อง หรือ carry-on ปัจจุบัน สายการบินหลายแห่ง เริ่มปรับเปลี่ยนนโยบายการบิน หลังเหตุไฟไหม้บนเครื่องบินที่มาต้นตอมาจากแบตเตอรี่พกพา ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์เมื่อปี ค.ศ. 2016 กับสายการบินเซาท์เวสต์แอร์ไลน์สด้วย และผู้โดยสารจะต้องแจ้งกับพนักงานบนเครื่องทันทีหากพบว่าแบตเตอรี่พกพาที่ตนนำมาเกิดความร้อนผิดปกติ ตกหล่นลงไปด้านใต้เบาะที่นั่งโดยสาร หรือเริ่มมีควันออกมาจากอุปกรณ์ดังกล่าว ————————————————————— ที่มา : VOA Thai /…

มารู้จัก…อุปกรณ์ฉุกเฉินในรถไฟฟ้า

Loading

ข่าวการใช้อุปกรณ์ฉุกเฉินภายในรถไฟฟ้าผิดวิธีจนเกิดผลกระทบต่อการเดินรถทั้งระบบ มีให้ได้ยินกันเป็นระยะ ดังนั้น เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เรามารู้จักอุปกรณ์เหล่านี้กันสักนิด อุปกรณ์ฉุกเฉินภายในรถไฟฟ้าทุกขบวน จะมีอยู่ 2 ชนิด ติดตั้งที่บริเวณประตูรถไฟฟ้า ชนิดแรก คือ คันโยกเปิดประตูกรณีฉุกเฉิน หรือ Passenger Emergency Release เรียกย่อ ๆ ว่า PER เป็นคันโยกสีแดง ติดตั้งอยู่ด้านซ้ายของประตูทุกบาน ทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT ส่วนของรถไฟฟ้า Airport Rail Link จะเป็นคันโยกสีเขียว มีฝาพลาสติกครอบไว้ คันโยก PER นี้ จะใช้เมื่อต้องการหยุดรถ เช่น มีคนตกชานชาลา หรือต้องการเปิดประตูรถไฟฟ้า เพื่อให้ผู้โดยสารออกจากตัวรถอย่างปลอดภัย แต่ต้องมีเจ้าหน้าที่ควบคุมรถไฟฟ้าให้คำแนะนำเท่านั้น หากผู้โดยสารดึง PER โดยไม่มีเหตุอันควร จะส่งผลต่อการเดินรถได้ ชนิดที่สอง คือ ปุ่มติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ควบคุมรถไฟฟ้า หรือ Passenger Communication Unit เรียกแบบย่อว่า PCU…

อินเทอร์เน็ตไวไฟ (Wi-Fi) ในที่ทำงานสะดวก… แต่มาพร้อมความเสี่ยง!! จริงหรือ?

Loading

วันนี้โลกของการทำงานที่ต้องการความสะดวกรวดเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต จากทุกที่ ทำให้มีความนิยมใช้ Wi-Fi มากขึ้น แต่ในความสะดวกนั้นกับมาพร้อมเสี่ยงด้วยเช่นกัน… highlight เหล่าแฮกเกอร์จะสามารถใช้ช่องทางการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ขาดการป้องกันที่ดีมากเพียงพอทำอะไรได้บ้าง? คงต้องบอกว่าทำได้หลายรูปแบบ จนนับแทบไม่ไหว แต่พฤติกรรมที่เห็นบ่อย ๆ ที่ได้มีการเปิดเผยจาก จากผู้ให้บริการทางด้านโซลูชั่นปกป้องคุ้มครองโครงข่าย ระบุ ได้ 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ ใช้ขุดรหัสผ่าน, ใช้ช่องโหว่ของเฟิร์มแวร์ และช่องทางแฝงจากเครือข่ายของบุคคลทั่วไป Wi-Fi ในที่ทำงาน สะดวกแต่มีความเสี่ยง ทุกวันนี้ที่ทำงานแทบจะทุกที่มีการบริการอินเตอร์เน็ตไร้สาย หรือ ไว-ไฟ ทั่วทั้งออฟฟิศ และในบางออฟฟิศก็มากกว่า 1 จุด ซึ่งการเติบโตขึ้นของความนิยมใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายนี้เกิดขึ้นจากความต้องการความสะดวกสบาย ไม่ต่อสายสายแลน (Local Area Network หรือ LAN) เข้าโน้ตบุ้ค หรือคอมพิวเตอร์พีซี ให้น่ารำคาญ อีกทั้งจากการเติบโตของการใช้อุปกรณ์อื่น ๆ อาทิ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ในการทำงานก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้แนวโน้มในการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านสายลดน้อย ซึงแม้ว่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านสายจะสามารถความเสถียรของสัญญาณได้มากกว่าก็ตาม แต่หลายองค์กรก็เลือกที่จะใช้งานแบบไร้สายมากกว่า และแม้ว่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย จะสะดวกสบายแค่ไหน แต่ก็มาพร้อมด้วยความเสี่ยงด้วยเช่นกัน และสามารถสร้างความเสียหายได้อย่างมหาศาลเกินกว่าจะคาดคิด เพราะที่มีการปล่อยสัญญาณอยู่ตลอดเวลา จากจุดนี้เหล่าแฮกเกอร์สามารถใช้เป็นช่องทางในการโจมตีได้อย่างไม่อยากเย็น…