ปธน.สหรัฐฯจะหลบภัยที่ไหนเมื่อถูกโจมตีด้วยนิวเคลียร์ ?

Loading

นับแต่อดีตในยุคสงครามเย็นเป็นต้นมา รัฐบาลสหรัฐฯได้มีการจัดเตรียมสถานที่หลบภัยจากอาวุธนิวเคลียร์ไว้ให้กับบุคคลสำคัญจำนวนมาก ซึ่งแน่นอนว่าต้องรวมถึงประธานาธิบดีและคณะผู้ติดตามด้วย ฐานที่มั่นเพื่อความปลอดภัยของผู้นำประเทศในยามเกิดสงครามนิวเคลียร์เหล่านี้ มีทั้งที่เป็นความลับและที่ถูกเปิดเผยแล้ว ในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯคนนี้มีทางเลือกหลากหลายสำหรับการหลบภัยอาวุธนิวเคลียร์ โดยนอกจากจะมีสถานที่หลบภัยของทางการที่ชั้นใต้ดินของทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงวอชิงตัน รวมทั้งที่เขาเวตเธอร์ (Mt Weather) รัฐเวอร์จิเนีย และหลุมหลบภัยที่เกาะพีนัต (Peanut Island) ไม่ห่างจากชายฝั่งรัฐฟลอริดาแล้ว นายทรัมป์ยังมีห้องหลบภัยส่วนตัวที่คฤหาสน์มาร์อะลาโก และมีหลุมหลบภัยส่วนตัวใต้สนามกอล์ฟย่านเวสต์ปาล์มบีชของเขาอีกด้วย ฐานหลบภัยแห่งไหนปลอดภัยที่สุด ? นายเคนเน็ธ โรส ผู้เขียนหนังสือ “ชาติเป็นหนึ่งเดียวใต้ผืนดิน: หลุมหลบภัยนิวเคลียร์ในวัฒนธรรมอเมริกัน” (One Nation Underground: The Fallout Shelter in American Culture) บอกว่าไม่มีฐานหลบภัยแห่งใดแข็งแกร่งพอจะทนทานความร้อนสูงและแรงระเบิดมหาศาลจากการถูกอาวุธนิวเคลียร์โจมตีเข้าอย่างจังได้ แต่หากประธานาธิบดีสหรัฐฯรอดจากการถูกโจมตีในครั้งแรก ฐานหลบภัยนิวเคลียร์ก็จะมีประโยชน์อย่างยิ่ง ในการเป็นสถานที่บัญชาการรบและบริหารประเทศต่อไปได้อย่างปลอดภัย ในขณะที่โลกภายนอกกำลังลุกเป็นไฟ นายโรเบิร์ต ดาร์ลิง นาวิกโยธินสหรัฐฯ ผู้เคยลงไปยังห้องหลบภัยใต้ดินของทำเนียบประธานาธิบดีเมื่อปี 2001 ขณะเกิดเหตุวินาศกรรม 11 กันยายนบอกว่า มีเพียงผู้ที่อยู่ใน “ชั้นบนของห่วงโซ่อาหาร” เท่านั้น ที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปหลบภัยในห้องดังกล่าวได้ ซึ่งในกรณีของทำเนียบแห่งนี้หมายถึงตัวประธานาธิบดีเอง พร้อมทั้งที่ปรึกษาคนสนิทและคณะรัฐมนตรีจำนวนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งทำให้ลำดับสถานะสูงต่ำทางสังคมกลายเป็นเรื่องของความเป็นความตายขึ้นมาในทันที…

ตำรวจจีนเริ่มใช้แว่นตรวจจับใบหน้าผู้ต้องสงสัย

Loading

ตำรวจจีนเริ่มใช้แว่นกันแดดติดกล้องตรวจจับใบหน้า เพื่อช่วยระบุตัวผู้ต้องสงสัยว่าเป็นอาชญากร โดยแว่นจะเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลภายในของตำรวจที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัย เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถมองหาตัวคนร้ายที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนได้รวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม มีผู้วิจารณ์ว่าเทคโนโลยีนี้ จะยิ่งทำให้รัฐมีอำนาจมากขึ้น สื่อของทางการจีนรายงานว่า แว่นกันแดดรุ่นใหม่นี้ ช่วยให้ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยได้แล้วเจ็ดรายในบริเวณสถานีรถไฟที่แออัดของเมืองเจิ้งโจว โดยผู้ที่ถูกควบคุมตัว มีข้อกล่าวหาในความผิดต่างกัน ตั้งแต่ขับรถชนแล้วหนีไปจนถึงค้ามนุษย์ นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลีของพรรคคอมมิวนิสต์จีน รายงานว่าตำรวจสามารถระบุตัวผู้ที่ใช้บัตรประจำตัวปลอมได้อีก 26 คนด้วย เทคโนโลยีนี้ ช่วยให้ตำรวจสามารถถ่ายภาพผู้ต้องสงสัย เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับภาพที่อยู่ในฐานข้อมูลภายใน ซึ่งหากพบว่าตรงกัน ระบบจะส่งข้อมูล เช่น ชื่อและที่อยู่ของบุคคลนั้นกลับไปยังเจ้าหน้าที่อย่างไรก็ตาม มีความกังวลด้วยว่ารัฐบาลเผด็จการของจีนจะใช้แว่นกันแดดติดกล้อง เพื่อติดตามผู้ที่ไม่เห็นด้วยทางการเมืองและชนกลุ่มน้อย ทั้งนี้ จีนเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าของโลก และคอยออกคำเตือนประชาชนเสมอว่า อุปกรณ์เหล่านี้จะทำให้ประชาชนแทบไม่สามารถหลีกเลี่ยงทางการได้ โดยเท่าที่ผ่านมา จีนได้สร้างสิ่งที่เรียกว่า “เครือข่ายกล้องวงจรปิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ประเมินว่าขณะนี้จีนติดตั้งกล้องวงจรปิดไปแล้ว 170 ล้านตัว และกำลังจะติดตั้งเพิ่มอีก 400 ล้านตัวภายในสามปีข้างหน้า ซึ่งกล้องจำนวนมากมีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าด้วย ————————————————————– ที่มา : BBC Thai / 8 กุมภาพันธ์ 2018 Link : http://www.bbc.com/thai/international-42986249?ocid=wsthai.chat-apps.in-app-msg.line.trial.link1_.auin

ยูไนเต็ดแอร์ไลนส์ห้ามผู้โดยสารนำนกยูงขึ้นเครื่องบิน

Loading

  สายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลนส์ ปฏิเสธไม่ให้ผู้โดยสารหญิงรายหนึ่งนำนกยูงที่อ้างว่าเป็น สัตว์เลี้ยงเพื่อการบำบัดปลอบประโลมใจและสนับสนุนทางอารมณ์ (Emotional Support Animal) ติดตัวเข้าไปในห้องโดยสารของเครื่องบินด้วย แม้หญิงคนดังกล่าวจะเสนอซื้อตั๋วโดยสารให้กับนกยูงของตนต่างหากก็ตาม เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานนูอาร์ก (Newark) ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ของสหรัฐฯ โดยสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลนส์ระบุว่า ไม่สามารถให้นกยูงตัวดังกล่าวติดตามเจ้าของขึ้นเครื่องได้ เพราะมีขนาดและน้ำหนักไม่ตรงตามเกณฑ์พิกัดที่กำหนดไว้ และได้ชี้แจงเหตุผลดังข้างต้นต่อเจ้าของนกยูงก่อนที่จะเดินทางมาถึงสนามบินแล้ว มีการเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ครั้งนี้ทางรายการทอล์กโชว์ “เดอะเจ็ตเซ็ต” (The Jet Set) ซึ่งเป็นรายการสนทนาว่าด้วยเรื่องการเดินทางท่องเที่ยว โดยภาพแสดงให้เห็นนกยูงตัวใหญ่เกาะอยู่บนที่จับรถเข็นสัมภาระในสนามบิน โดยผู้คนจำนวนมากต่างพากันจ้องมองดูนกยูงตัวนี้ด้วยความพิศวงงงงวย “เดอะเจ็ตเซ็ต”ยังเผยแพร่ภาพเหตุการณ์อีกภาพหนึ่ง ซึ่งมีหญิงสาวยืนอยู่ใกล้กับรถเข็นสัมภาระที่นกยูงเกาะอยู่ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าหญิงในภาพคือเจ้าของนกยูงตัวนี้หรือไม่ มีรายงานด้วยว่านกยูงตัวนี้มีชื่อว่า เด็กซเตอร์ เป็นสัตว์ที่ถูกช่วยมาโดยศิลปินที่ชื่อว่า เวนติโก ซึ่งเขาเล่าถึงชีวิตของมันทางโซเชียลมีเดียด้วย ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สายการบินหลายแห่งอนุญาตให้ผู้โดยสารที่มีปัญหาทางสภาพจิตใจและอารมณ์ นำสัตว์เลี้ยงที่ช่วยบำบัดปลอบประโลมใจติดตามเข้าไปในห้องโดยสารได้ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้โดยสารที่มีความต้องการดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จนมีเสียงวิจารณ์ว่าผู้โดยสารหลายคนใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างเพื่อนำสัตว์เลี้ยงของตนขึ้นเครื่องบิน ซึ่งบางครั้งก็ทำให้เกิดปัญหารบกวนผู้โดยสารคนอื่น ๆ หญิงผู้หนึ่งถูกเชิญให้ลงจากเครื่องบินของสายการบินยูเอสแอร์เวย์สขณะกำลังเตรียมจะขึ้นบินในปี 2014 หลังจากหมู “โฮบี” ที่เป็นสัตว์เลี้ยงของเธอส่งเสียงร้องดัง ทั้งยังถ่ายมูลสกปรกออกมาด้วย หากเจ้าเด็กซเตอร์ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเครื่องบินได้ จะเท่ากับว่ามีนกอีกชนิดหนึ่งที่ได้ “บินสูง” โดยไม่ต้องออกแรงขยับปีกบินเอง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไก่งวงและเหยี่ยวเกือบร้อยตัวได้มีโอกาสเช่นนี้มาแล้ว ในปี 2015 นางโจดี้ สมอลลีย์…

ศาลเขมรปฏิเสธประกันตัวชาวออสซี่บินโดรนสปายเหนือพนมเปญ

Loading

เอเอฟพี – ผู้สร้างภาพยนตร์ชาวออสเตรเลียที่ถูกควบคุมตัวในปีก่อนจากข้อหาเป็นสายลับหลังบังคับโดรนบินเหนือขบวนชุมนุมหาเสียงของพรรคฝ่ายค้านในกรุงพนมเปญ ถูกปฏิเสธการประกันตัวในวันนี้ (30) เจมส์ ริคเกตสัน อายุ 68 ปี ถูกจับกุมตัวในกรุงพนมเปญเมื่อเดือน มิ.ย. หลังบังคับโดรนถ่ายภาพเหนือขบวนชุมนุมหาเสียงของพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ซึ่งในเวลานี้พรรค CNRP ถูกศาลสูงสั่งยุบพรรคตามคำร้องของรัฐบาล ในการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ผู้พิพากษาของศาลสูงระบุว่า คำร้องขอประกันตัวของริคเกตสัน ถูกปฏฺิเสธเนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน ริคเกตสัน ถูกตั้งข้อหากระทำการรวบรวมข้อมูลที่อาจบ่อนทำลายการป้องกันประเทศ ซึ่งการบังคับโดรนบินเหนือกรุงพนมเปญนั้นเป็นสิ่งต้องห้ามหากไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ ซึ่งผู้สร้างภาพยนตร์ชาวออสเตรเลียรายนี้อาจเผชิญต่อโทษจำคุกระหว่าง 5-10 ปี หากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานจารกรรม ครอบครัวของริคเกตสัน ต่างผิดหวังต่อผลการดำเนินการในวันนี้ และเป็นห่วงสุขภาพของชายวัย 68 ปี รวมทั้งสภาพความเป็นอยู่ในห้องขังที่ใช้ร่วมกับคนอื่นๆ ราว 140 คน —————————————————— ที่มา : MGR Online / 30 ม.ค.2561 Link : https://mgronline.com/indochina/detail/9610000009732

อังกฤษประดิษฐ์อุปกรณ์ต่อต้านอาชญากรไว้บนไหล่ทาง ใครขับหนีตำรวจเจอดีแน่!!

Loading

ปกติที่เวลาเราดูหนังที่มีการไล่ล่าของผู้ร้ายและตำรวจ เรามักจะเห็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายตะปูเรือใบ โดยพวกเขาจะวางไว้บนถนนเพื่อใช้เจาะยางรถของคนร้าย แต่พอใช้งานจริงๆ โจรก็หลบไอ้เจ้าอุปกรณ์นี้ได้ไปเสียทุกที โดยเฉพาะการหนีออกไหล่ทาง ด้วยเหตุนี้ Yannick Read จากสถานบัน Environmental Transport Association (ETA) จึงคิดค้นอุปกรณ์ที่เรียกว่า CatClaw ขึ้นมา เพื่อหวังว่าจะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ไม่มากก็น้อย CatClaw นั้นมีรูปแบบที่ง่ายมาก โดยมันจะมีหน้าตาเป็นลูกบอลทรงกลมที่มีแท่งแหลมคมซ่อนอยู่ โดยเจ้าหน้าที่จะทำการติดตั้งมันให้ทั่วฟุตบาทในอังกฤษ ในส่วนของการทำงานนั้นถ้าจะให้ยกตัวอย่างการทำงานจริงๆ มันก็ง่ายมาก สมมุติว่ามีรถผู้ร้ายหรือใครก็ตามที่ขี่รถเลยถนนเข้ามายังไหล่ทางจนเหยียบเข้ากับ CatClaw ลูกบอลทรงกลมที่ได้รับน้ำหนักจากยางรถก็จะยุบตัวลงโดยมีท่อเหล็กแหลมอยู่ข้างใน ฉะนั้นถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นยางรถคันดังกล่าวถูกปล่อยลมจนแบนทันที!! การป้องกันดังกล่าวยังไม่ได้ป้องแค่รถผู้ร้ายที่หนีตำรวจด้วย แต่มันยังสามารถป้องกันรถที่จะพุ่งเข้าหาผู้คนเช่นกัน ส่วนถ้าใครที่กลัวว่าคนจะเผลอไปเหยียบเข้าและเป็นอันตรายนั้น Yannick ก็ยืนยันว่าน้ำหนักของคนไม่พอที่จะทำให้เจ้า CatClaw นั้นทำงาน ฉะนั้นปลอดภัยหายห่วงได้ Yannick ยังบอกอีกว่าวัสดุของเจ้า CatClaw นั้นมีราคาถูก ฉะนั้นงบที่รัฐจะต้องใช้เพื่อผลิตเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้จึงถือว่าไม่แพงนักเมื่อเทียบกับความคุ้มค่าของมันนั่นเอง ——————————————————————————– ที่มา : CatDumb / 18/01/2018 Link : http://www.catdumb.com/tiny-device-stop-terrorists-tracks-044/