ไบเดนจัดหนัก! CIA ประกาศตั้งหน่วยพิเศษมีเป้าหมายจ้องเล่นงาน “จีน” โดยเฉพาะ

Loading

  เอพี – สำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ CIA ประกาศวันนี้(7 ต.ค)ว่าได้ตั้งกลุ่มทำงานระดับสูงมีเป้าหมายไปที่จีนโดยเฉพาะเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่ต้องการขวางการเพิ่มอิทธิพลของปักกิ่ง เอพีรายงานวันนี้(7 ต.ค)ว่า กลุ่มทำงานระดับสูงที่ถูกตั้งใหม่ของสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ CIA นี้จะเป็นหนึ่งในหน่วยงานศูนย์ปฎิบัติการเชี่ยวชาญของ CIA ที่มีทั้งหมดไม่ถึง 12 ศูนย์ เอพีชี้ว่ามีการประชุมทุกสัปดาห์ของระดับผู้อำนวยการของหน่วยงานที่มีเป้าหมายให้ยุทธศาสตร์ของสำนักงาน CIA ไปที่จีน นอกจากนี้ในแถลงการณ์วันพฤหัสบดี(7) CIA ยังประกาศจะเพิ่มความพยายามในการว่าจ้างผู้ที่สามารถพูดภาษาจีนและจะสร้างศูนย์ปฎิบัติการแห่งใหม่ที่มีเป้าหมายไปที่เทคโนโลยีเกิดใหม่และปัญหาระดับโลกเป็นต้นว่า การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศโลกและปัญหาทางสาธารณสุขระดับโลก รัฐบาลสหรัฐฯของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ออกมาชี้ถึงการแสดงความก้าวร้าวของ “ปักกิ่ง” ทั้งด้านความมั่นคงและทางเศรษฐกิจขณะเดียวกันพยายามหาความร่วมมือในผลประโยชน์ร่วมในเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศโลกและปัญหาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯที่ผ่านมาได้ออกมาส่งสัญญาณในการเคลื่อนย้ายทรัพยากรไปยังการแข่งขันชิงทางมหาอำนาจ (great power competition) กับ “จีน” และในเวลาเดียวกันสหรัฐฯยังคงให้ความสำคัญกับการต่อต้านการก่อการร้าย เอพีชี้ว่า จีนถือเป็นงานยากสำหรับชุมชนข่าวกรองสหรัฐฯโดยชี้ไปถึงผู้นำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ ขนาดของกองทัพจีน และหน่วยงานความมั่นคงจีนรวมไปถึงความก้าวหน้าต่างๆทางด้านเทคโนโลยีที่นำมาใช้เพื่อต่อต้านการจารกรรม ผู้อำนวยการสำนักงาน CIA วิลเลียม เบิร์นส์( William Burns) เรียกรัฐบาลปักกิ่งในแถลงการณ์วันนี้(7)ของเขาว่า “ภัยคุกคามทางภูมิศาสตร์การเมืองที่สำคัญมากที่สุดเท่าที่เราเคยประสบในศตวรรษที่ 21” “ตลอดทั้งประวัติศาสตร์ของพวกเรา CIA ได้ก้าวเข้ามาเพื่อพบกับสิ่งใดก็ตามที่ท้าทายหรือขวางทางของพวกเรา” เบิร์นส์กล่าว และเสริมต่อว่า “และในเวลานี้พวกเรากำลังเผชิญหน้าต่อบททดสอบทางภูมิศาสตร์การเมืองที่หนักที่สุดในยุคสมัยใหม่ของคู่แข่งชาติมหาอำนาจ…

วุฒิสภาสหรัฐฯ ชี้ปัญหาด้านความปลอดภัย-งานข่าวกรอง มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุจลาจลบุกอาคารรัฐสภา 6 ม.ค.

Loading

  คณะกรรมาธิการวุฒิสภา 2 ชุดร่วมกันออกรายงานที่แสดงให้เห็นถึง “ความล้มเหลวด้านงานรักษาความปลอดภัยและงานข่าวกรองจำนวนหนึ่ง” ที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและระหว่างการก่อการจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา รายงานร่วมดังกล่าวที่ได้รับการเปิดเผยออกมาในวันอังคารตามเวลาในสหรัฐฯ ระบุว่า “วันที่ 6 มกราคม ปี ค.ศ. 2021 นั้นไม่เพียงแต่เป็นวันที่จะถูกจดจำว่าเป็นวันเกิดเหตุโจมตีระบอบประชาธิปไตย แต่ยังชี้ให้เห็นว่า องค์กรที่รับผิดชอบด้านการรักษาความปลอดภัยและการปกป้องอาคารรัฐสภาและทุกคนที่อยู่ในพื้นที่นั้น ไม่ได้มีการเตรียมตัวรับมือกับการโจมตีขนานใหญ่ แม้จะมีความตระหนักดีเกี่ยวกับความน่าจะเป็นของเหตุรุนแรงที่พุ่งเป้ามายังอาคารรัฐสภาแล้วก็ตาม” คณะกรรมาธิการด้านกฎและด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของวุฒิสภาร่วมกันทำการสอบสวนเหตุจลาจลตั้งแต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเชิญผู้รับผิดชอบดูแลหน่วยงานตำรวจประจำรัฐสภาและหน่วยงานรักษากฎหมายอื่นๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทั้งอดีตและปัจจุบันของกระทรวงกลาโหมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เข้าให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และยังตรวจสอบเอกสารหลายพันชุด ประกอบเอกสารคำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำรัฐสภาอีก 50 นายด้วย รายงานดังกล่าวสรุปว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดเหตุการณ์น่าสลดในวันที่ 6 มกราคมนั้น คือ ความล้มเหลวของงานด้านข่าวกรอง ที่ไม่ได้ทำการวิเคราะห์ ประเมินและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับความน่าจะเป็นของเหตุรุนแรงและภัยคุกคามต่อรัฐสภารวมทั้งสมาชิกทั้งหลายที่อยู่ในอาคารในวันดังกล่าวให้กับหน่วยงานรักษากฎหมาย     คณะกรรมาธิการทั้งสองยังชี้ด้วยว่า ความล้มเหลวที่กล่าวมานั้นรวมความถึง การที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) หรือกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ทำการประเมินภัยคุกคามใดๆ แม้จะมีเสียงเรียกร้องผ่านช่องทางออนไลน์ให้มีการก่อเหตุความรุนแรงที่อาคารรัฐสภามาสักระยะแล้ว รวมทั้งหน่วยงานด้านข่าวกรองของทีมตำรวจประจำรัฐสภาไม่ยอมแบ่งปันข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับภัยคุกคามรุนแรงให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เลย นอกจากประเด็นความล้มเหลวแล้ว คณะกรรมาธิการทั้งสองยังตำหนิทีมงานรักษาความปลอดภัยของอาคารรัฐสภาที่ไม่ยอมร้องขอความช่วยเหลือจากกองกำลังสำรองของรัฐ ล่วงหน้าก่อนวันที่ 6…