จีนยิงจรวด ‘ลองมาร์ช-5บี’ ลำยักษ์ เปิดทางสร้าง ‘สถานีอวกาศ’ สำเร็จ

Loading

(แฟ้มภาพซินหวา สื่อทางการจีน) สำนักข่าวซินหัว สื่อทางการจีน รายงาน (7 พ.ค.) — เมื่อวันอังคาร (5 พ.ค.) จีนปล่อยลองมาร์ช-5บี (Long March-5B) จรวดขนส่งขนาดมหึมาลำใหม่ของประเทศ เดินทางสู่ห้วงอวกาศเที่ยวปฐมฤกษ์ พร้อมทดสอบยานอวกาศและแคปซูลส่งวัตถุกลับโลกรุ่นใหม่ องค์การอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมแห่งประเทศจีน (CMSA) ระบุว่าจรวดสีขาวลำใหญ่ยักษ์พุ่งทะยานออกจากศูนย์ปล่อยยานอวกาศเหวินชาง บริเวณริมชายฝั่งมณฑลไห่หนานทางตอนใต้ เวลา 18.00 น. ตามเวลาปักกิ่ง หลังจากจรวดลองมาร์ช-5บี ทะยานบินกลางอวกาศนานราว 488 วินาที ยานอวกาศที่ไม่มีลูกเรือและแคปซูลส่งวัตถุกลับโลก ซึ่งล้วนเป็นรุ่นทดลอง ได้แยกตัวออกจากจรวดขนส่งและเคลื่อนตัวเข้าสู่วงโคจรตามที่วางแผนไว้สำเร็จ องค์การฯ เสริมว่าความสำเร็จครั้งนี้นับเป็นการเปิดทางสู่ “ก้าวที่ 3” ของโครงการอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมของจีน นั่นคือการก่อสร้าง “สถานีอวกาศ” ของตนเอง โดยจรวดลองมาร์ช-5บี จะถูกใช้ขนส่งโมดูลของสถานีอวกาศเป็นหลัก —————————————————————- ที่มา : MGR Online / 8 พฤษภาคม 2563 Link : https://m.mgronline.com/china/detail/9630000047588

อดีตทหารอเมริกันรับจ้างสารภาพเตรียมบุกยึดสนามบินคาราคัส คุมตัว “มาดูโร” – ที่ปรึกษา “กวยโด” รับเซ็นสัญญาจ้าง บ.มะกันล้มรัฐบาลเวเนฯ

Loading

รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้ (6 พ.ค.) ทหารรับจ้างอเมริกันอดีตหน่วยรบพิเศษกรีนเบอเรต์ที่เชื่อว่าทำงานให้กับ บ.ทางการทหารสหรัฐฯ ซิลเวอร์คอร์ป ยูเอสเอ “ลุค เดนแมน” ยอมรับกลางอาการศทางทีวีเวเนซุเอลาว่า เขาและทีมวางแผนจับตัวประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร จริง ชี้รับหน้าที่ยึดสนามบิน ด้านที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน ฮวน กวยโด ยืนยันกับ CNN ลงนามข้อตกลงกับ บ.ซิลเวอร์คอร์ป ยูเอสเอ มูลค่า 212.9 ล้านดอลลาร์ แต่อ้างว่ายังไม่สิ้นสุดและกวยโดไม่เห็นด้วย เป็นการทำข้อตกลงเพื่อจับกุมตัวสมาชิกในรัฐบาลมาดูโรเพื่อนำพวกเขารับโทษทางกฎหมาย ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอ ประกาศที่จะใช้ทุกช่องทางเพื่อเอาตัวพลเมืองสหรัฐฯ กลับบ้าน รอยเตอร์รายงานวันนี้ (7 พ.ค.) ว่า ในช่วงระหว่างการสอบปากคำทางโทรทัศน์เวเนซุเอลาเมื่อวานนี้ (6) “ลุค เดนแมน” (Luke Denman) วัย 34 ปี ทหารอเมริกันรับจ้างอดีตทหารหน่วยรบพิเศษกรีนเบอเรต์ของสหรัฐฯ เขายอมรับว่าบริษัททางการทหาร ซิลเวอร์คอร์ป ยูเอสเอ (Silvercorp USA) ที่มีฐานอยู่ในรัฐฟลอริดาได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 212.9…

สหรัฐฯ ส่งเรือพิฆาต ประชิดรัสเซีย รมต.กลาโหมสหรัฐฯ บอกต้องทำ เพราะถูกท้าทายบ่อยครั้ง

Loading

ในสถานการณ์ที่โควิด-19 กำลังระบาดไปทั่วทุกมุมโลก หลายประเทศจำเป็นที่จะต้องทุ่มทุกสรรพกำลังไปต่อสู้กับโควิด-19 แต่ทว่าทางด้านสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าในการก่อกวนประเทศอื่นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสื่อต่างประเทศรายงานข่าว ถึงความเคลื่อนไหวของกองทัพเรือสหรัฐฯ เมื่อวันที 3 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยกองทัพเรือสหรัฐฯ ส่งเรือ 4 ลำ ไปปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงในแถบวงกลมอาร์กติกที่ทะเลแบเรนต์ส ทางตอนเหนือของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี ที่สหรัฐฯ ได้ส่งกองทัพเรือไปยังพื้นที่ดังกล่าว กองทัพเรือสหรัฐฯ โดยทางด้าน พล.ร.ท.หญิง ลิซา ฟรานเชตติ ให้ข้อมูลว่า กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ส่ง เรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี 3 ลำ, เรือสนับสนุน 1 ลำ และเรือฟริเกตจากราชนาวีอังกฤษอีก 1 ลำ ได้ร่วมกันปฏิบัติภารกิจในน่านน้ำอาร์กติกเพื่อสำแดงเสรีภาพในการเดินเรือ และแสดงให้เห็นถึงบูรณภาพที่ไร้รอยต่อระหว่างชาติพันธมิตร กองทัพเรือสหรัฐฯ สหรัฐอเมริกาไม่ได้ส่งเรือผิวน้ำเข้าไปยังทะเลแบเรนต์สมาตั้งแต่กลางทศวรรษ 1980 นอกจากนั้นทางด้านกองทัพเรือสหรัฐฯ ยืนยันความจำเป็นที่จะต้องฝึกกองกำลังทางเรือให้มีความคุ้นเคยกับภูมิประเทศแถบนี้ เนื่องจากเวลานี้อยู่ในสถานการณ์ที่สหรัฐฯ ถูกท้าทาย ดังนั้น การปฏิบัติภารกิจให้ทั่วน่านน้ำยุโรปอย่างสม่ำเสมอ มีความจำเป็นยิ่งกว่าเดิม พล.ร.ท.หญิง ลิซา ฟรานเชตติ…

เวเนซุเอลา โชว์ตัว 2 อเมริกันเอี่ยวแผนโค่นผู้นำ

Loading

เมื่อ 4 พ.ค. รัฐบาลเวเนซุเอลาภายใต้การนำ ของประธานาธิบดีนิโคลาส มาดูโร เผยว่า ได้จับกุมชาวอเมริกัน 2 คน ในฐานะผู้ร่วมแผนโค่นล้มรัฐบาลมาดูโร หลัง 1 วันก่อนได้ทลายแผนบุกจู่โจมจากทางทะเล ซึ่งมุ่งโค่นล้มและลอบสังหารมาดูโร โดยสังหารผู้จู่โจมได้ 8 คน จับกุมได้ 2 คน โดยมาดูโรแถลงทางโทรทัศน์และแสดงพาสปอร์ตของชาวอเมริกัน 2 คน ที่ถูกจับชื่อ ลุค เดนแมน วัย 34 ปี และไอราน เบอร์รี วัย 41 ปี ระบุว่าทั้งคู่เป็นสมาชิกกองกำลังพิเศษของสหรัฐฯ ด้านนายทาเรค วิลเลียม ซาอับ อัยการสูงสุดของเวเนฯ แถลงว่า กลุ่ม “ทหารรับจ้าง” ได้ลงนามสัญญามูลค่า 212 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับนายฮวน กวยโด ผู้นำฝ่ายค้านที่ตั้งตัวเป็นประธานาธิบดีรักษาการของเวเนฯ โดยใช้เงินที่ถูกขโมยไปจากบริษัทน้ำมันแห่งชาติ (พีดีวีเอสเอ) ของเวเนฯ หลังสหรัฐฯซึ่งเป็นหนึ่งในกว่า 50 ประเทศ ที่รับรองกวยโดเป็นประธานาธิบดี สั่งคว่ำบาตรพีดีวีเอสเอและให้กวยโดใช้เงินจาก “ซิตโก”…

มิชิแกนประท้วงดุล็อคดาวน์โควิด-19 พกปืนบุกเข้าสภา

Loading

วันนี้ ( 1 พ.ค. 63 )ผู้ประท้วงมาตรการล็อคดาวน์โควิด19 ในรัฐมิชิแกนหลายร้อยคน โดยมีหลายคนพกปืนซึ่งรวมไปถึงปืนไรเฟิล บุกเข้าไปประท้วงภายในอาคารสภาของรัฐมิชิแกน ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองแลนซิ่ง ผู้ประท้วงเรียกร้องกดดันให้ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน ยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์ และให้ธุรกิจกลับมาเปิดทำการได้ทันทีในวันนี้ 1 พฤษภาคม การพกปืนเข้าไปภายในอาคารสภา สามารถทำได้ไม่ผิดกฎหมายในรัฐมิชิแกน และผู้ประท้วงหลายคนได้พกปืนอย่างเปิดเผย เข้าไปภายในส่วนของวุฒิสภา ทำให้วุฒิสภาหลายคนถึงกับต้องสวมเสื้อกันกระสุน ผู้ประท้วงจำนวนมากไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย และไม่รักษาระยะห่างโซเชียล ดิสแทนซิ่ง ซึ่งเป็นการละเมิดคำสั่งล็อคดาวน์ แต่ตำรวจได้มีการตรวจวัดไข้ ก่อนที่จะปล่อยให้ผู้ประท้วงบางส่วน เข้าไปภายในสภาได้ ในขณะที่ผู้ประท้วงส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ด้านนอกของอาคารสภา  มีผู้สมัครสมาชิกสภารัฐมิชิแกนจากพรรครีพับลิกันบางคน ออกมาสนับสนุนการประท้วงด้วย การประท้วงเมื่อวานนี้ นับเป็นการประท้วงมาตรการล็อคดาวน์ ที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุดอีกครั้งหนึ่งในรัฐมิชิแกน หลังจากเคยเกิดการประท้วงครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา โดยผู้ประท้วงใช้วิธีนั่งนิ่งเฉยอยู่ภายในรถพร้อมกับบีบแตรเสียงดังสนั่น จงใจทำให้การจราจรติดขัดบนถนนรอบอาคารสภามิชิแกน การประท้วงในวันนั้น ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ได้มีการทวิตข้อความ “ปลดปล่อยมิชิแกน” สนับสนุนการประท้วงด้วย การประท้วงเกิดขึ้นในขณะที่ภายในสภารัฐมิชิแกน ซึ่งพรรครัฐบาลรีพับลิกันครองเสียงข้างมาก มีการลงมติไม่รับรองการประกาศขยายเวลาล็อคดาวน์ของ เกรทเช่น วิตเมอร์ ผู้ว่าการหญิงรัฐมิชิแกน ที่มาจากพรรคฝ่ายค้านเดโมแครตส์ หลังจากวิตเมอร์เพิ่งประกาศขยายเวลาภาวะฉุกเฉินและมาตรการล็อคดาวน์โควิด19 ที่เพิ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา…

การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา: ปัจจัยเสริมอุดมการณ์พวกสุดโต่ง

Loading

ที่มาภาพ: https://edition.cnn.com/2020/04/07/politics/national-security-warning-coronavirus-extremism/index.html National security officials warn of extremists exploiting coronavirus pandemic By David Shortell, CNN Updated 0032 GMT (0832 HKT) April 8, 2020 Written by Kim ผลร้ายที่ตามมาของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) มีแนวโน้มเป็นปัจจัยส่งเสริมอุดมการณ์สุดโต่งทุกประเภท โดยกลุ่มสุดโต่งทางศาสนา (religious extremists) กลุ่มหัวรุนแรงฝ่ายซ้าย (radical left-wing groups) และพวกคนขาวผู้สูงส่ง (white supremacists) ต่างเห็นโอกาสที่จะเสริมพลังอุดมการณ์และเรื่องเล่าในการอธิบายแนวทางจัดการไวรัสโคโรนาของตน ขณะที่มาตรการสอดส่องตรวจตราประชาชนด้วยเทคโนโลยีสอดแนมก่อให้เกิดความรู้สึกถึงโลกที่ไม่พึงปราถนาซึ่งปกครองด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จ ในอนาคตผู้ก่อการร้ายอาจฉวยใช้เทคโนโลยีจัดส่งสิ่งของ เช่น เครื่องบินไร้คนขับ (drone) เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ในการก่อการร้ายต่อไป           การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เปิดโอกาสให้ผู้ก่อการร้ายและพวกหัวรุนแรงสุดโต่งเสริมสร้างความรุนแรงให้กับเรื่องเล่าของตน หลังการแพร่ระบาดจะนำไปสู่ความคับข้องใจครั้งใหม่ ซ้ำเติมความทุกข์ยากเดิมอย่างลึกซึ้งจากเรื่องเชื้อชาติ ศาสนาไปจนถึงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ความไร้เสถียรภาพถูกทำให้ลุกเป็นไฟด้วยการกระจายข้อมูลบิดเบือน (disinformation) ที่ออกแบบมาเพื่อหว่านแพร่ความสับสนวุ่นวาย ขณะเดียวกันแสวงประโยชน์จากความแตกแยกและกระตุ้นให้เกิดการแบ่งขั้วเป็นฝักเป็นฝ่าย[1]           พวกสุดโต่งทางศาสนาพยายามสร้างภาพการแพร่ระบาดว่า…