ตร.เยอรมนีจับกุมอาสาสมัครสถานทูตรัสเซีย ฐานเป็นสายลับ

Loading

  สำนักงานอัยการกลางของเยอรมนี เปิดเผยว่าตำรวจที่เมืองโคเบลนซ์ รายงานการจับกุมนาย โธมัส เอช ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดซื้อจัดจ้างทางทหาร และเป็นอาสาสมัครในสถานกงสุลรัสเซีย โดยตั้งข้อกล่าวหาว่า ส่งข้อมูลลับให้กับหน่วยข่าวกรองรัสเซีย และเป็นชาวเยอรมันคนที่สามในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีที่ถูกกล่าวหาว่าจารกรรมข้อมูลให้กับรัสเซีย   นายมาร์โก บุชมานน์ รัฐมนตรียุติธรรมเยอรมนี เขียนบน X ซึ่งเดิมคือ ทวิตเตอร์ ว่าอัยการกลางได้ดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ชาวเยอรมันซึ่งต้องสงสัยว่าทำงานให้กับหน่วยสืบราชการลับต่างประเทศ ขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วน   ตามคำแถลงของอัยการระบุว่า ชายคนนี้มีการติดต่อกับสถานกงสุลรัสเซียในกรุงบอนน์และในกรุงเบอร์ลินหลายครั้งตั้งแต่เดือนพฤษภาคม โดยเสนอความร่วมมือในการทำงาน และพบว่าเขามอบข้อมูลลับไปให้กับข่าวกรองรัสเซีย   ทางการเยอรมนี ออกคำเตือนหลายครั้งเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของรัสเซียด้านการจารกรรมความลับที่เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่มีความขัดแย้งในยูเครน และในเดือนเมษายนปีที่แล้ว ทางการเยอรมนีขับไล่นักการทูตรัสเซีย 40 คน โดยกล่าวหาว่าพวกเขาเป็นสายลับ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียมองว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และตอบโต้ด้วยการขับไล่นักการทูตชาวเยอรมัน 40 คนออกจากรัสเซีย         ————————————————————————————————————————————————— ที่มา :                 จส.100     …

สหรัฐฯ ลั่นยังพร้อมแชร์ข่าวกรองให้ ‘ญี่ปุ่น’ หลังมีข่าวถูก ‘แฮ็กเกอร์จีน’ เจาะเครือข่ายไซเบอร์ทางทหาร

Loading

  กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันวานนี้ (8 ส.ค.) ว่ายังคงเชื่อมั่นและพร้อมที่จะแบ่งปันข่าวกรองให้ญี่ปุ่น หลังสื่อดังในอเมริกาออกมาแฉว่าหน่วยแฮ็กเกอร์ทางทหารของจีนได้ทำการเจาะเครือข่ายข้อมูลด้านกลาโหมที่เปราะบางที่สุดของญี่ปุ่นได้แล้ว   หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์เผยแพร่รายงานเมื่อวันจันทร์ (7) โดยอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และญี่ปุ่นทั้งอดีตและปัจจุบันซึ่งระบุว่า แฮ็กเกอร์ของกองทัพจีนได้เจาะเครือข่ายกลาโหมชั้นความลับของญี่ปุ่นเมื่อปี 2020 และสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับแสนยานุภาพทางทหารของกองกำลังญี่ปุ่น ตลอดจนแผนงาน และผลการประเมินข้อบกพร่องต่าง ๆ   ฮิโรคาซุ มัตสึโนะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุในงานแถลงข่าววานนี้ (8 ส.ค.) ว่า ญี่ปุ่นไม่สามารถยืนยันได้มีข้อมูลด้านความมั่นคงใด ๆ รั่วไหลออกไปหรือไม่   อย่างไรก็ตาม วอชิงตันโพสต์อ้างข้อมูลจากอดีตนายทหารสหรัฐฯ คนหนึ่งซึ่งยอมรับว่า ปฏิบัติการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งนี้จัดว่า “รุนแรงและเลวร้ายอย่างน่าตกตะลึง” และผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ (NSA) ถึงขั้นต้องบินไปโตเกียวเพื่อหารือกับรัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น ซึ่งขอให้ทางสหรัฐฯ แจ้งเรื่องนี้ให้นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นทราบ   วอชิงตันโพสต์ระบุด้วยว่า แม้ญี่ปุ่นจะยกระดับป้องกันความปลอดภัยของเครือข่ายข้อมูลกลาโหม แต่เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามหลายคนเชื่อว่ามาตรการเหล่านี้ “ยังไม่เพียงพอ” ที่จะสกัดหน่วยจารกรรมจีน และอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการแชร์ข้อมูลข่าวกรองที่มากยิ่งขึ้นระหว่างเพนตากอนกับกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นในอนาคต   ล่าสุด ซาบรีนา ซิงห์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานของวอชิงตันโพสต์ โดยขอให้โตเกียวเป็นฝ่ายชี้แจงเอง แต่ย้ำว่าสหรัฐฯ…

สหรัฐฯ จับทหารเรือ 2 นาย ฐานแอบขายความลับให้จีน

Loading

  เจ้าหน้าที่ของสหรัฐอเมริกาเปิดเผยวานนี้ (3 สิงหาคม) ว่า ทางการได้จับกุมทหารเรือของสหรัฐฯ 2 นายฐานแอบขายข้อมูลด้านความมั่นคงของชาติที่มีความละเอียดอ่อนให้กับจีน   รายงานระบุว่า นายทหารเรือ จ้าวเหวินเหิง (Wenheng Zhao) วัย 26 ปี ถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดและรับสินบน หลังจากที่เขารับเงินเกือบ 15,000 ดอลลาร์ (ราว 5.2 แสนบาท) เพื่อแลกกับการมอบภาพและวิดีโอข้อมูลทางทหารที่มีความละเอียดอ่อนของสหรัฐฯ ให้กับจีน ขณะที่ทหารเรืออีกคนหนึ่งคือ เว่ยจินเชา (Jinchao Wei) ถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการส่งข้อมูลด้านการป้องกันประเทศไปยังจีน เพื่อแลกกับเงินหลายพันดอลลาร์ด้วยกัน   แมตต์ โอลเซน (Matt Olsen) ผู้ช่วยอัยการ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในซานดิเอโกว่า เนื่องจากการกระทำของชายทั้งสองคนนี้ ‘ข้อมูลทางทหารที่ละเอียดอ่อนจึงตกไปอยู่ในมือของสาธารณรัฐประชาชนจีน’   สำนักข่าว Reuters รายงานว่า จ้าวถูกกล่าวหาว่าได้ส่งข้อมูลให้จีนหลายอย่างด้วยกัน ทั้งแผนปฏิบัติการด้านการฝึกซ้อมทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก รวมถึงแผนภาพไฟฟ้าและพิมพ์เขียวของระบบเรดาร์บนฐานทัพสหรัฐฯ ในโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น และรายละเอียดด้านความมั่นคงเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในเวนทูราเคาน์ตี (Ventura County)…

ไต้หวันลุยสอบเจ้าหน้าที่ต้องสงสัยปล่อยข้อมูลลับรั่วไหลถึงมือจีน

Loading

  ไต้หวันเปิดปฏิบัติการสอบสวนเจ้าหน้าที่หลายคนที่ต้องสงสัยว่าแอบเปิดเผยความลับทางการทหารให้กับจีน ตอกย้ำถึงภัยคุมคามด้านการจารกรรมข้อมูลจากจีนที่ไต้หวันต้องเผชิญ   กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุผ่านแถลงการณ์ในวันนี้ (2 ส.ค.) ว่า มีหลักฐานซึ่งบ่งชี้ว่า บุคลากรทางการทหาร ซึ่งรวมถึงนายทหารระดับพันโท ได้มอบข้อมูลที่ละเอียดอ่อนให้แก่คณะผู้แทนจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน   ก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์ลิเบอร์ตี้ ไทม์สของไต้หวันรายงานว่า สมาชิกกองทัพอากาศและกองบัญชาการพิเศษทั้งที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่และที่เกษียณไปแล้วหลายรายตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ปล่อยข้อมูลลับให้กับจีน โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด แต่รายงานว่า มีผู้ถูกควบคุมตัวไว้ 2 คน ขณะที่อีก 4 คนได้รับการประกันตัว   กองทัพไต้หวันต้องเผชิญความยากลำบากอย่างต่อเนื่องเพื่อสกัดสายลับที่เชื่อมโยงกับจีน โดยสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนทางการทหารที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน มีความกังวลมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับความสามารถของไต้หวันในการเก็บความลับทางเทคโนโลยีและความลับอื่น ๆ ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของจีน   กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุในวันนี้ว่า ทางกระทรวงฯ จะเพิ่มการให้ความรู้เกี่ยวกับความพยายามในการแทรกซึมจากจีนให้กับบุคลากรไต้หวัน ควบคู่ไปกับการยกระดับการรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ นายอเล็กซ์ หวง รองเลขาธิการของทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันกล่าวในการบรรยายสรุปเกี่ยวกับการรั่วไหลของข้อมูลครั้งล่าสุดว่า “เป็นเหตุการณ์ที่น่าละอายยิ่งและผู้กระทำผิดสมควรได้รับการลงโทษอย่างหนัก”   เมื่อปลายปีที่แล้ว กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุว่า การสอดแนมจากจีนเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรง และต่อมาในเดือน ม.ค. ไต้หวันได้ควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ประจำการ 3 นายและเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศที่เกษียณไปแล้ว 1 นายในข้อหาสอดแนม      …

ไต้หวันประกาศยกระดับ ‘ต่อต้านจารกรรม’ หลังพบทหารถูกซื้อตัวเป็น ‘สายลับจีน’

Loading

  กองทัพไต้หวันประกาศยกระดับความพยายามต่อต้านการจารกรรม หลังพบว่ามีทหารทั้งที่ยังรับราชการและปลดประจำการแล้วหลายนายทำงานเป็น “สายลับ” ให้จีน   รายงานการสอบสวนของสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า ในช่วงไม่กี่ปีมานี้จีนได้ใช้ปฏิบัติการจารกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะบั่นทอนความเข้มแข็งของกองทัพและคณะผู้นำไทเป รวมถึงบีบให้ไต้หวันยอมรับว่าเป็นดินแดนในอธิปไตยของจีน   สำนักข่าวกลางไต้หวัน (CNA) รายงานว่า พันโท “เซียว” (Hsiao) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในกองบัญชาการการบินและหน่วยรบพิเศษไต้หวัน ถูกจับกุมฐานต้องสงสัยว่านำความลับด้านกลาโหมไปเปิดเผยแก่ “กองกำลังต่างชาติ รวมถึงจีน” และ “ก่อตั้งองค์กร” ขึ้นในไต้หวัน   พนักงานสอบสวนได้เข้าตรวจค้นกองบัญชาการทหารที่เมืองเถาหยวน (Taoyuan) ในสัปดาห์นี้ และยังมีทหารที่เกษียณอายุราชการแล้วอีก 4 นาย รวมถึงชายแซ่ “เซียว” (Hsiao) ซึ่งทำหน้าที่เป็น “คนกลาง” ถูกนำตัวมาสอบสวน   กระทรวงกลาโหมไต้หวันแถลงว่า ทางการได้ “รวบรวมข้อมูลหลักฐานอย่างแน่นหนา” ว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้นจริง   “ท่ามกลางความพยายามแทรกซึมโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน กองกำลังแห่งชาติจะยังคงส่งเสริมการให้ความรู้ และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการต่อต้านการจารกรรม”   กระทรวงยังระบุด้วยว่า รู้สึกเสียใจที่มีชาวไต้หวันจำนวนหนึ่งก่ออาชญากรรมด้วยการ “ขายชาติบ้านเมืองและประชาชน” ของตัวเอง   อเล็กซ์ หวง รองเลขาธิการของทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน ให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าวว่า…

FBI ออกปฏิบัติการปราบ ‘Genesis’ ตลาดค้าข้อมูลผิดกฏหมาย (จบ)

Loading

  ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปภัยไซเบอร์จะมีความน่ากลัวและทวีความรุนแรงมากขึ้น ธุรกิจต้องอาศัยการทำงานเชิงบูรณาการกันภายในองค์กรคือจากทั้งผู้บริหารและพนักงานในองค์กร โดยให้ทุกคนให้ความสำคัญและตระหนักถึงเรื่องไซเบอร์กันให้มากขึ้น   จากตอนที่แล้ว ผมได้เล่าถึงการเข้าปราบปรามของ FBI ที่ร่วมกันกับหน่วยงานรัฐจากหลากหลายประเทศ เข้าจัดการ Genesis ตลาดมืดค้าข้อมูลที่โจรกรรมจากเหยื่ออย่างผิดกฏหมายยักษ์ใหญ่   ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ลายนิ้วมือ หรือแม้กระทั้ง ข้อมูลทางการเงิน โดยมีการตั้งราคาขายสูงที่สุดอยู่หลายร้อยดอลลาร์เลยทีเดียว   และหากทำการตกลงซื้อขายข้อมูลดังกล่าวแล้ว ผู้ซื้อจะได้รับเครื่องมือเสริมที่ช่วยให้เข้าระบบผ่านบัญชีของเหยื่อรายนั้น ๆ โดยผ่านระบบรักษาความปลอดภัยของแพลตฟอร์มนั้นได้อย่างง่ายดาย   Genesis ได้ออกแพลตฟอร์มอย่าง Genesium ซึ่งเป็นชื่อของ Chromium browser ที่เป็นทั้งเบราว์เซอร์ช่วยหลบเลี่ยงการตรวจจับและยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจ เช่น ความสามารถในการเข้าใช้งานเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องระบุชื่อและยังมีฟังก์ชันที่ช่วยให้ผู้ใช้งานรอดจากระบบต่อต้านการฉ้อโกงต่าง ๆ   Genesis Market แตกต่างจาก Hydra และตลาดซื้อขายผิดกฏหมายอื่น ๆ ตรงที่ Genesis สามารถเข้าผ่าน Clearnet ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรคในการเข้าระบบสำหรับแฮ็กเกอร์ที่มีทักษะน้อยและต้องการนำข้อมูลยืนยันตัวตนแบบดิจิทัลเพื่อไปใช้เจาะบัญชีของบุคคลทั่วไปและระบบขององค์กร   หลังจากที่ FBI ได้ออกปฏิบัติการครั้งนี้ ส่งผลให้สามารถการจับกุมและยึดโดเมนที่ผิดกฏหมายได้อีกมากมาย และแน่นอนว่าการปราบปรามครั้งนี้น่าจะส่งผลกระทบต่อทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจใต้ดิน   เนื่องจากเหล่าบรรดาแฮ็กเกอร์จะต้องหาช่องทางอื่น ๆ…