คอมมานโดสังหารสลัดอากาศจี้เครื่องบินบังกลาเทศ

Loading

หน่วยคอมมานโดของบังกลาเทศบุกจู่โจมเครื่องบินโดยสารพร้อมสังหารสลัดอากาศซึ่งพยายามจี้เครื่องบินไปยังดูไบ สามารถช่วยเหลือผู้โดยสารและลูกเรือได้อย่างปลอดภัย สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองจิตตะกองประเทศบังกลาเทศเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ว่า พล.ต.โมติเออร์ ราห์มาน โฆษกกองทัพบกบังกลาเทศแถลงว่า หน่วยคอมมานโดได้บุกจู่โจมขึ้นไปบนเครื่องบินโดยสารของสายการบินพิมานของบังกลาเทศ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังลงจอดที่สนามบินเมืองจิตตะกองทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ และยิงต่อสู้กับผู้ต้องสงสัยเป็นสลัดอากาศ เป็นชายชาวบังกลาเทศอายุราว 25 ปี สามารถช่วยเหลือผู้โดยสาร 134 คนและลูกเรือ 14 คนของเที่ยวบินบีจี 147 จากเส้นทางบินระหว่างกรุงธากาเมืองหลวงของบังกลาเทศ แวะมารับผู้โดยสารเพิ่มเติมที่เมืองจิตตะกองก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ถูกสลัดอากาศจี้เครื่องบินลำดังกล่าว โฆษกกองทัพบกบังกลาเทศแถลงต่อไปว่า สำหรับสลัดอากาศผู้ก่อเหตุ ทราบแต่เพียงชื่อว่า มาฮาดี อายุราว 25-26 ปี ได้รับบาดเจ็บหลังถูกยิงและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งจากการสอบถามหน่วยคอมมานโดแล้วพบว่า ได้สั่งให้สลัดอากาศยอมมอบตัวแต่โดยดี แต่เขาปฏิเสธและแสดงท่าทีก้าวร้าวรุนแรงจึงถูกยิง ทราบว่าเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืน 1 กระบอกในตัวเขา แต่ไม่พบอย่างอื่น กำลังทหารบก ทหารเรือและตำรวจได้ปิดล้อมสนามบินเอาไว้หลังทราบว่ามีการจี้เครื่องบินโดยสารมาลงที่สนามบินเมืองจิตตะกอง ซึ่งเครื่องบินถูกจี้หลังบินขึ้นมาได้ 10 นาทีจากสนามบินกรุงธากา โดยคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงไปสองนัด ทั้งนี้จากการเปิดเผยของผู้โดยสารคนหนึ่ง พล.อ.ต.โมฟิด นายทหารอากาศระดับสูงของบังกลาเทศเปิดเผยว่า เขาได้ติดต่อพูดคุยต่อรองกับคนร้ายทางโทรศัพท์ เพื่อทำให้คนร้ายพะวงสับสนวุ่นวายขณะที่หน่วยคอมมานโดได้บุกขึ้นไป ซึ่งข้อเรียกร้องของคนร้ายคือ ขอพบกับนายกรัฐมนตรีชีค ฮาซินา…

จนท.สนามบินสหรัฐฯสะเพร่าปล่อยผู้โดยสารพกปืนขึ้นเครื่อง แต่แจงไม่เกี่ยวชัตดาวน์

Loading

ซีเอ็นเอ็น – นักเดินทางคนหนึ่งพกปืนผ่านมาตรการคัดกรอง โดยสารเครื่องบินลำหนึ่งจากท่าอากาศยานฮาร์ทสฟิลด์-แจ็คสัน ในแอตแลนตา มุ่งหน้าสู่สนามบินนาริตะ เมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ตามถ้อยแถลงของสำนักงานความปลอดภัยด้านการขนส่งสหรัฐฯในวันจันทร์(14ม.ค.) แต่ทางหน่วยงานแห่งนี้ยืนยันข้อบกพร่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับภาวะชัตดาวน์ เดลต้า แอร์ไลน์ส ก็ออกถ้อยแถลงถึงซีเอ็นเอ็นเช่นกัน ด้วยระบุว่าทางสายการบินได้รายงานเหตุการณ์ดังกล่าวไปยังสำนักงานความปลอดภัยด้านการขนส่งสหรัฐฯแล้ว เหตุละเมิดมาตรการรักษาความปลอดภัยครั้งนี้มีขึ้น 2 สัปดาห์หลังหน่วยงานต่างๆของรัฐบาลเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ โดยระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ของ TSA ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ตามปกติแต่ไม่ได้รับค่าจ้าง ทั้งนี้ซีเอ็นเอ็นรายงานเหตุการณ์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 มกราคม หรือ 1 วันหลังเกิดเหตุ ซึ่งตอนนั้นพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของ TSA หลายร้อยคนตามท่าอากาศยานหลักต่างๆอย่างน้อย 4 แห่งโทรมาลาป่วย อย่างไรก็ตามทาง TSA ปฏิเสธข้อสันนิษฐานว่าภาวะชัตดาวน์เป็นตัวก่อให้เกิดข้อผิดพลาดด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยและยืนยันว่าจำนวนของเจ้าหน้าที่ TSA ที่ปฏิบัติงานในวันนั้นอยู่ในระดับปกติ “ข้อสันนิษฐานที่ว่าเรื่องนี้อาจเป็นผลจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนนั้นไม่ถูกต้อง” TSA “อัตราการลาโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้าของเจ้าหน้าที่ TSA ในวันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2019 นั้น มีเพียง 4.8% น้อยกว่าระดับ 6.8%ของวันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม 2014 ดังนั้นข้อเท็จจริงคืออัตราการลาของปีที่แล้วสูงกว่าปีนี้เสียอีก” สำนักงานความปลอดภัยด้านการขนส่งสหรัฐฯ(TSA)…

สหราชอาณาจักรเตือน อัลกออิดะห์กำลังวางแผนโจมตีเครื่องบินในยุโรป

Loading

ทางการสหราชอาณาจักรเตือนว่า กลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ได้ฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง และกำลังวางแผนโจมตีเครื่องบินโดยสารในยุโรป พร้อมแสดงความกังวลว่า การที่สหรัฐฯ ตัดสินใจถอนทหารออกจากซีเรียในเวลานี้ จะเปิดโอกาสให้กลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงเข้าไปซ่อนตัวและวางแผนโจมตีชาติตะวันตก เบน วอลเลซ รัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงของสหราชอาณาจักร ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The Sunday Times ว่า กลุ่มอัลกออิดะห์ซึ่งอยู่เบื้องหลังเหตุวินาศกรรมโจมตีตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนครนิวยอร์กจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 3,000 คนเมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2001 ยังมีความต้องการโจมตีเครื่องบินอยู่เสมอ และกำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อทำให้เครื่องบินตก “ภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมการบินเป็นเรื่องจริง สมาชิกอัลกออิดะห์กลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง และกำลังวางแผนโจมตียุโรปมากขึ้น และพวกเขาก็เริ่มคุ้นเคยกับวิธีการใหม่ๆ” วอลเลซ กล่าว “ความอันตรายของอัลกออิดะห์ไม่เคยลดลงเลย” ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การขยายตัวของกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ทำให้อัลกออิดะห์ถูกบดบังรัศมี โดยเฉพาะหลังจากที่ อุซามะห์ บิน ลาดิน ผู้นำกลุ่มถูกสังหารโดยกองกำลังสหรัฐฯ ในปากีสถานเมื่อปี 2011 วอลเลซ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของอังกฤษยังแสดงความกังวลด้วยว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ตัดสินใจถอนทหารอเมริกันออกจากซีเรีย จะทำให้ซีเรียกลายเป็นสถานที่หลบภัยสำหรับกลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรง และเปิดโอกาสให้พวกเขาเตรียมการหรือวางแผนโจมตีชาติตะวันตกได้ ————————————————— ที่มา : THE…

สนามบินทั่วเยอรมันตื่นตัว หลังพบ “4 ต้องสงสัยก่อการร้าย” แอบดูลาดเลาใน “สนามบินชตุทท์การ์ท”

Loading

เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้ (20 ธ.ค) พบสนามบินใหญ่ทั่วเมืองเบียร์อยู่ในระหว่างการเฝ้าระวังขั้นสูงเกิดขึ้นหลังจากมีรายงานระบุว่า 4 ผู้ต้องสงสัยก่อการรายแอบเข้าไปดูลาดเลาภายในท่าอากาศยานนานาชาติชตุทท์การ์ท (Stuttgart airport)  บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้ (20 ธ.ค)ว่า ตำรวจเยอรมันกำลังไล่ล่าตัวพ่อและลูกชายจากรัฐนอร์ทไรน์-เว็สท์ฟาเลิน(Nordrhein-Westfalen)และคนอื่นอีก 2 คนที่ได้แอบถ่ายภาพภายในเทอร์มินัลและบริเวณกราวด์  โดยในรายงานชี้ว่า สำนักงานตำรวจลับโมร็อกโกจะส่งรายละเอียดของผู้ต้องสงสัยไปให้กับทางเยอรมัน  ซึ่งทางตำรวจเยอรมันแถลงกับสถานีกระจายเสียง ARD ว่าเจ้าหน้าที่ทางความมั่นคงอยู่ในการเตรียมความพร้อมภายในท่าอากาศยานเยอรมัน ส่วนเว็บไซต์หนังสือพิมพ์บิลด์ของเยอรมันเตือนว่า การเฝ้าระวังอาจเกิดขึ้นในจำนวนมากถึง 14 แห่งทั่วประเทศ  นับตั้งแต่เกิดเหตุก่อการร้ายกราดยิงตลาดคริสต์มาสสตราสบูร์กในฝรั่งเศส มีการพบการกระทำต้องสงสัยเกิดขึ้นทั้งในท่าอากาศยานนานาชาติชตุทท์การ์ท(Stuttgart airport)ของเยอรมัน และท่าอากาศยานนานาชาติปารีส-ชาร์ล เดอ โกล(Paris-Charles de Gaulle Airport)ของฝรั่งเศส อ้างอิงจากสื่อกระจายเสียงสาธารณะ SWR ซึ่งพบว่าพ่อและลูกชายต้องสงสัยถูกตรวจพบจากกล้องทีวีวงจรปิดในการแอบถ่ายภาพภายในสนามบิน แต่คนทั้งคูดูเหมือนล่องหนไปเมื่อตำรวจเดินทางไปถึง ซึ่งข้อมูลของผู้ต้องสงสัยมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่การข่าวโมร็อกโกได้มอบให้กับทางตำรวจเยอรมันเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเยอรมันไม่ยืนยันในเรื่องนี้แต่กล่าวกับหนังสือพิมพ์บิลด์ของเยอรมันว่า “ทางเราได้ตรวจพบความพยายามในการสอดแนมที่สนามบินชตุทท์การ์ท และได้ทำการเพิ่มมาตรการความมั่นคงขนาดใหญ่ของเราให้เข้มงวดมากขึ้นในความร่วมมือกับทางตำรวจระดับรัฐ”  ซึ่งก่อนหน้าในปี 2016 ตลาดคริสต์มาสในกรุงเบอร์ลินตกเป็นเหยื่อก่อการร้ายที่มีคนร้ายแอบขับรถบรรทุกขนาดใหญ่พุ่งไล่ชนคนจนเสียชีวิต 12 ราย   ——————————————————– ที่มา : MGR Online…

ออสเตรเลียเผยโฉม “เทคโนโลยีใหม่” ไว้จัดการโดรนผิดกฎหมาย

Loading

เอเอฟพี – ออสเตรเลียจะนำเทคโนโลยีตรวจตราแบบใหม่มาเพื่อใช้กวาดล้างโดรนในปีหน้า หน่วยงานการบิน ระบุในวันนี้ (24) ในขณะที่ความกังวลเพิ่มสูงขึ้นจากการใช้โดรนที่แพร่หลายมากขึ้นในพื้นที่สาธารณะ สำนักงานความปลอดภัยการบินพลเรือนของออสเตรเลีย (Civil Aviation Safety Authority : CASA) มีแผนที่เผยโฉมอุปกรณ์ตรวจตราแบบใหม่ตามสนามบินใหญ่ๆ ทั่วประเทศในเดือนหน้า เทคโนโลยีนี้มีความสามารถในการตรวจจับโดรน ซีเรียลนัมเบอร์ของมัน และตำแหน่งของผู้ควบคุมระหว่างการบิน ปีเตอร์ กิบสัน ผู้จัดการสื่อสารของ CASA บอกกับเอเอฟพี “ดังนั้นเราจะสามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นคนบังคับอยู่” เขากล่าว เทคโนโลยีนี้ที่มีมาพร้อมกับข้อกำหนดการจดทะเบียนแบบใหม่จะเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโดรนอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ “ปี 2019 จะเป็นปีแห่งการกวาดล้างเพื่อความปลอดภัยในการใช้โดรน” เขากล่าว ในขณะที่อุปกรณ์ใหม่นี้กำลังอยู่ในขั้นเตรียมการ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเหตุการณ์ที่สนามบินแกตวิคในลอนดอนซึ่งมีผู้โดยสารเกือบ 140,000 คนได้รับผลกระทบนานสามวันหลังจากมีรายงานการพบเห็นโดรน เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการมีเทคโนโลยีนี้ไว้ใช้งาน” กิบสัน กล่าว เจ้าหน้าที่จะเผยโฉมโครงการจดทะเบียนโดรนในช่วงกลางปี 2019 เพื่อให้ทางการสามารถติดตามตัวผู้ที่บังคับโดรนและแจ้งข้อระมัดระวังด้านความปลอดภัยที่เหมาะสม เทคโนโลยีติดตามเคลื่อนที่แบบใหม่นี้จะถูกใช้ตาม “พื้นที่ที่มีการใช้โดรนอย่างแพร่หลาย” อย่างสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ ซึ่งมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้งานโดรนในพื้นที่ต้องห้าม กิบสัน กล่าว ทางการจะมีอำนาจมากขึ้นในการดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัย เขากล่าว และเพิ่มความสามารถในการสั่งปรับเงินสูงสุด 10,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียกับผู้ที่ละเมิดกฎหมาย “ในปี 2019…