ข้อมูลผู้อพยพ 6,000 รายหลุดบนเว็บไซต์หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ

Loading

  สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของสหรัฐอเมริกา (ICE) เผยแพร่ชื่อ สถานะการอพยพ วันเกิด สัญชาติ และสถานที่ตั้งของศูนย์กักของผู้อพยพมากกว่า 6,000 รายโดยไม่ได้ตั้งใจระหว่างการอัปเดตเว็บไซต์ ผู้อพยพเหล่านี้อ้างว่าหนีจากการทรมานและการดำเนินคดีจากประเทศต้นทาง   กลุ่มส่งเสริมสิทธิผู้อพยพ Human Rights First เป็นผู้แจ้งเตือน ICE ต่อกรณีที่เกิดขึ้น ทำให้ทางหน่วยงานรีบลบข้อมูลออกจากเว็บไซต์ทันที หลังจากที่ข้อมูลอยู่บนหน้าเว็บไซต์เป็นเวลา 5 ชั่วโมง   ICE อยู่ระหว่างการสืบสวนความผิดพลาดที่เกิดขึ้นและจะมีการแจ้งผู้อพยพที่ได้รับผลกระทบ โดยให้คำมั่นว่าจะไม่ส่งผู้อพยพที่อยู่ในรายชื่อกลับประเทศจนกว่าจะพิสูจน์ทราบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อบุคคลเหล่านี้ได้ รวมถึงจะแจ้งไปยังประชาชนที่ดาวน์โหลดข้อมูลเหล่านี้ให้ลบออกไปด้วย   โฆษกของ ICE ชี้ว่าการเผยแพร่ข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจในครั้งนี้ถือว่าละเมิดนโยบายของหน่วยงาน ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ (DHS) ชี้ว่าการหลุดของข้อมูลเป็นเรื่องที่น่าอายและอันตรายต่อเจ้าของข้อมูล   ไฮดี อัลต์แมน (Heidi Altman) ผู้อำนวยการนโยบายแห่ง National Immigrant Justice Center องค์กรส่งเสริมสิทธิผู้อพยพอีกแห่งให้ความเห็นว่าข้อมูลที่หลุดออกมาจะทำให้ชีวิตของผู้อพยพตกอยู่ในอันตราย   ด้าน เบลน บุกกี (Blaine Bookey) ผู้อำนวยการกฎหมายจากศูนย์เพศสภาวะและผู้ลี้ภัยศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยยูซี เฮสติงส์…

ย้อนบทเรียน‘ซิมบับเว’กระตุกไทย เลิกหลับใหลระบบจัดการผู้อพยพ

Loading

  แม้ผ่านช่วงร้อนแรงของการสู้รบ แต่ภาพการอพยพของผู้คนในอัฟกานิสถาน กำลังสร้างปรากฎการณ์ที่หลายประเทศต้องจับตา สถานการณ์ระอุหลัง“ตาลีบัน”ยึดอำนาจ“อัฟกานิสถาน”สำเร็จ ภาพที่เกิดขึ้นทันทีคือการ“อพยพ”เอาตัวรอดออกนอกประเทศ ปรากฏการณ์คนจำนวนมากกรูกันไปที่สนามบินหวังขึ้นเครื่องบินไปตายเอาดาบหน้าแบบไม่คิดชีวิต  เพื่อเริ่มต้นบนผืนแผ่นดินใหม่ใครเห็นก็เศร้าใจ ประเทศไทยแม้ห่างไกลสถานการณ์ และคงไม่ใช่หมุดหมายปลายทางของผู้อพยพกลุ่มนี้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยภาวะสงคราม ความต้องการหนีภัยความมั่นคง และการย้ายถิ่นฐานของประชากร อาจส่งผลให้ประเด็นผู้อพยพ  การลี้ภัยมีความเสี่ยงเผชิญหน้าได้มากขึ้นในอนาคต  และการวางแผนรับมือล่วงหน้าย่อมดีกว่าแน่นอน… ดังเรื่องราวจากภาพยนตร์ดังหลายปีก่อน“ The terminal” ที่มีตัวเอกใช้ชีวิตอยู่ในสนามบินนานแรมปี  ไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศที่มาถึงได้  และไม่สามารถเดินทางกลับไปประเทศบ้านเกิดได้เพราะเหตุการณ์ความไม่สงบ ใครคิดว่าจะเกิดขึ้นจริงมาแล้วที่ประเทศไทย     ย้อนกลับไปเมื่อปี 2560 มีเหตุการณ์ครอบครัวชาวชาวซิมบับเว  8  ชีวิต ประกอบด้วยผู้ใหญ่ 4 ชีวิต  เด็กอีก 4 ชีวิต ติดอยู่ในสนามบินสุวรรณภูมินาน 3 เดือน ก่อนปรากฏเป็นข่าว ซึ่งต่อมาจึงรู้ว่าคนเหล่านี้ใช้ชีวิต กิน นอน อยู่ในเขตอาคารผู้โดยสารชั้นใน  โดยมีสายการบินเป็นผู้ดูแล เพราะไม่สามารถเดินทางไปยังประเทศปลายทางได้   ตามเหตุการณ์ทั้งครอบครัวเดินทางเข้าประเทศไทยด้วยวีซ่าท่องเที่ยว แต่ที่ผ่านมาก็มีสถานะอยู่เกินกำหนด(over stay)ระหว่างนี้เคยมีการประสานขอขึ้นทะเบียนสถานะผู้ลี้ภัยกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) แต่ด้วยขั้นตอนที่ต้องใช้ระยะเวลานานนับปี ต่อมาทางครอบครัวจึงขอเดินทางออกจากประเทศไทย  มีการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย  หลังเดินทางฟ้าออกไปสุดท้ายถูกสายการบินยูเครนส่งตัวกลับมาที่สนามบินสุวรรณภูมิเพราะไม่มีวีซ่ายูเครน ความไม่สงบในประเทศบ้านเกิดทำให้ครอบครัวชาวซิมบับเวไม่ต้องการเดินทางกลับไป  แต่ต้องการขอลี้ภัยไปตั้งถิ่นฐานยังประเทศที่สามแทน   การใช้ชีวิตยาวนานนับเดือนอยู่ในสนามบินของครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ไม่ใช่เรื่องเหมาะสมหรือควรเกิดขึ้น …

รมว.อังกฤษลาออกหลังถูกแฉเอี่ยวเนรเทศผู้อพยพ

Loading

  รมว.มหาดไทยของอังกฤษลาออก หลังถูกสื่อตีแผ่ว่ามีส่วนรู้เห็นกับการกำหนดโควตาส่งกลับลูกหลานผู้อพยพจากเครือจักรภพอังกฤษที่อยู่มาตั้งแต่สมัยสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และรัฐบาลเป็นผู้ทำลายเอกสารระบุต้นทางของผู้อพยพทิ้งไปเมื่อ 8 ปีก่อน สำนักข่าว CNN และ The Guardian รายงานว่า นางแอมเบอร์ รัดด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษ ซึ่งดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่เดือน ก.ค. 2559 ยื่นใบลาออกแก่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (29 เม.ย.) โดยที่นางเมย์ได้้ลงนามอนุมัติการลาออกของนางรัดด์ แต่ไม่ได้อธิบายรายละเอียดว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้นางรัดด์ตัดสินใจลาออกในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนในอังกฤษและสหรัฐฯ รายงานว่าเหตุผลที่รัดด์ลาออก คือ การที่เธอถูกเปิดโปงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกำหนดโควตาส่งกลับผู้อพยพและลูกหลานของผู้อพยพในขณะดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เธอต้องลาออก เพราะพบหลักฐานขัดแย้งกับคำให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ที่นางรัดด์ยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นว่ามีการกำหนดโควตาการส่งกลับผู้อพยพจากเครือจักรภพอังกฤษ แต่สื่ออังกฤษพบหลักฐานยืนยันว่านางรัดด์ทราบเรื่องโควตา โดยเป็นการอ้างอิงเอกสารที่ส่งต่อเป็นการภายในของกระทรวง และนางรัดด์ยื่นใบลาออกหลังสื่อรายงานเรื่องดังกล่าวได้ไม่นาน นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยของอังกฤษยังจงใจทำลายเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเข้าประเทศของผู้อพยพกลุ่มวินด์รัชทิ้งไปเมื่อปี 2553 เป็นเหตุให้ผู้อพยพกลุ่มวินด์รัชและลูกหลานจำนวนมากเสี่ยงต่อการถูกเนรเทศออกจากอังกฤษ เพราะไม่มีเอกสารยืนยันการเดินทางเข้าประเทศ (Landing Slip) แม้พวกเขาจะใช้ชีวิตในอังกฤษมานานหลายทศวรรษแล้วก็ตาม ด้านนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรี แถลงขออภัยผู้อพยพจากทะเลแคริบเบียนกลุ่มนี้ รวมถึงรับประกันกับผู้นำกลุ่มประเทศเครือจักรภพอังกฤษในแถบแคริบเบียนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการส่งกลับผู้อพยพ และรัฐบาลอังกฤษจะเร่งดำเนินการยืนยันตัวตนและรับรองสิทธิการเป็นพลเมืองอังกฤษของคนกลุ่มนี้ให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ ผู้อพยพกลุ่มวินด์รัช ถูกเรียกตามชื่อเรือวินด์รัชซึ่งนำประชากรจากกลุ่มประเทศเครือจักรภพอังกฤษแถบทะเลแคริบเบียนมาเทียบท่าที่อังกฤษเมื่อเดือน…