19 ปี หลังวินาศกรรม 9/11: อัล-ไคดายังคงเป็นภัยคุกคาม

Loading

ที่มาภาพ: https://www.history.com/topics/21st-century/9-11-timeline?li_source=LI&li_medium=m2m-rcw-history Written by Kim 19 ปี หลังการก่อวินาศกรรม 9/11 อัล-ไคดาได้วิวัฒนาการไปจากเดิมอย่างมาก แม้การวางแผนโจมตีในประเทศตะวันตกลดลง แต่ยังคงสามารถทำสงคราม (กลางเมือง) ยืดเยื้อและก่อความไม่สงบในรัฐที่อ่อนแอ กลุ่มก่อการร้ายที่ดำเนินงานแบบเดียวกัน (Franchise groups) และพันธมิตรในเยเมน ซีเรีย โซมาเลียและที่อื่น ๆ อาจมีความแตกต่าง แต่อัล-ไคดายังคงยืดหยุ่นและมุ่งมั่นในการญิฮาดระดับโลก ด้วยการรุกคืบเข้าหาประชาชนระดับรากหญ้าในท้องถิ่น โดยปล่อยให้รัฐอิสลาม (IS) ทนทุกข์กับความพยายามต่อต้านการก่อการร้ายของตะวันตก อย่างไรก็ตาม  การดำเนินนโยบายแข่งขันเพื่อครองความเป็นเจ้าโลก (hegemony) ของสหรัฐฯ จะต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังโดยไม่ละเลยการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายในรัฐที่อ่อนแอและพื้นที่ที่ไร้การปกครอง[1]           เกือบสองทศวรรษหลังการโจมตีสหรัฐฯเมื่อ 11 กันยายน 2001 อัล-ไคดาได้วิวัฒนาการจากกลุ่มก่อการร้ายที่นำโดยโอซามา บินลาดิน มานำโดยอัยมาน อัลซาวาฮิรี ผู้นำอันดับสอง ขณะที่ สหรัฐฯโดย Mike Pompeo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวเมื่อมีนาคม 2020 ว่า “อัล-ไคดาเป็นเพียงเงาของตัวตนในอดีต” แม้ผู้นำหลายคนถูกสังหารหรือถูกจับกุม แต่ยังคงเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้และยืดหยุ่นรวมทั้งเป็นกรณีศึกษาการก่อการร้าย อัล-ไคดาโอ้อวดว่ามีสมาชิก 30,000 – 40,000 คนทั่วโลกและมีส่วนร่วมในความขัดแย้งตั้งแต่เขต Levant[2] ไปจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้           กลุ่มก่อการร้ายที่ดำเนินการแบบเดียวกันเช่น อัล-ไคดาในคาบสมุทรอาหรับ (AQAP) ในเยเมน Hurras al-Din ในซีเรียและกลุ่มพันธมิตรในแอฟริกาตะวันตก โซมาเลีย ฟิลิปปินส์และอนุทวีปอินเดีย…

สหรัฐสกัดจดหมายใส่สารพิษ’ไรซิน’ส่งถึง’ทรัมป์’

Loading

สื่ออเมริกันรายงานเมื่อวันเสาร์ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐสกัดจดหมายฉบับหนึ่งที่จ่าหน้าซองถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตามที่อยู่ของทำเนียบขาว หลังผลการตรวจสอบยืนยันว่าจดหมายดังกล่าวมีสารพิษไรซินที่ได้จากเมล็ดละหุ่ง รายงานเอเอฟพีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายนเผยว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองพบจดหมายฉบับนี้เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่คลังพัสดุชานกรุงวอชิงตัน และไม่ได้ส่งจดหมายนี้ไปทำเนียบขาว นิวยอร์กไทม์รายงานว่าจดหมายฉบับนี้ส่งมาจากแคนาดา ส่วนซีเอ็นเอ็นเผยว่า มีการทดสอบสารที่อยู่ในจดหมายฉบับนี้หลายครั้งและยืนยันว่าเป็นสารพิษจากเมล็ดละหุ่ง คำแถลงของสำนักสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) ในกรุงวอชิงตัน บอกว่า เอฟบีไอ, หน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐ และสำนักตรวจสอบไปรษณีย์ของสหรัฐ กำลังสอบสวนจดหมายต้องสงสัยที่ส่งมาที่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ และยืนยันว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ได้คุกคามต่อความปลอดภัยสาธารณะ ทั้งนี้ สารพิษจากเมล็ดละหุ่งเป็นสารพิษอันตรายร้ายแรง ทำให้เสียชีวิตได้ในเวลาไม่กี่นาที ถ้ากลืน, สูดดมหรือฉีดเข้าไปในร่างกาย สารพิษนี้จะทำให้อวัยวะล้มเหลว และยังไม่มียาแก้พิษ ————————————————— ที่มา : ไทยโพสต์ / 20 กันยายน 2563 Link : https://www.thaipost.net/main/detail/78067

เวเนซุเอลารวบ “สายลับสหรัฐ” ใกล้โรงกลั่นน้ำมัน

Loading

รัฐบาลเวเนซุเอลาประกาศการจับกุมพลเมืองสหรัฐ “ปฏิบัติการจารชน” ใกล้กับโรงกลั่นน้ำมันทางตอนเหนือของประเทศ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงการากัส ประเทศเวเนซุเอลา เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ว่าประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซุเอลา แถลงเมื่อวันศุกร์ ว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลการากัสสามารถจับกุม “สายลับชาวอเมริกัน” ใกล้กับโรงกลั่นน้ำมันอามวย และการ์ดอน ในรัฐฟัลกอน ทางเหนือของประเทศ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทั้งนี้ มาดูโรให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ผู้ที่ถูกจับกุมได้เป็นอดีตนาวิกโยธินซึ่งเคยปฏิบัติภารกิจให้กับสำนักข่าวกรองกลาง ( ซีไอเอ ) ในอิรัก โดยของกลางซึ่งเจ้าหน้าที่ยึดได้มีทั้งอาวุธปืน และเงินสดจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ พร้อมทั้งยืนยันว่าจะเปิดเผยหลักฐานเพิ่มเติมอย่างแน่นอน “ภายในอีกไม่นานนี้” ขณะเดียวกัน ผู้นำเวเนซุเอลาเตือนให้บุคลากรประจำโรงกลั่นน้ำมันทุกแห่งในประเทศยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากการจับกุมพลเมืองสหรัฐรายนี้เกิดขึ้นเพียงวันเดียว หลังเจ้าหน้าที่สามารถปลดชนวนระเบิด ซึ่งมีผู้นำมาวางไว้ใกล้กับโรงกลั่นน้ำมันเอล ปาลิโต ในรัฐการาโบโบ ไม่ห่างจากกรุงการากัส ด้านกระทรวงการต่างประเทศในกรุงวอชิงตันยังไม่มีท่าทีอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม หากการประกาศของมาดูโร “เป็นความจริง” ถือว่าเวเนซุเอลาสามารถควบคุมตัวพลเมืองสหรัฐซึ่งพยายาม “ก่อความไม่สงบ” ภายในประเทศได้เป็นคนที่ 3 ภายใระยะเวลาประมาณ 4 เดือน ต่อจากการจับกุมอดีตเจ้าหน้าที่อดีตหน่วยรบพิเศษกรีนเบอเรต์ 2 นาย และศาลพิพากษาให้ทั้งสองคนรับโทษจำคุกเป็นเวลา 20 ปี…

ไมโครซอฟท์เตือน แฮ็กเกอร์จีน-รัสเซียพยายามป่วนเลือกตั้งสหรัฐ

Loading

บริษัทไมโครซอฟท์เผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่าสามารถขัดขวางการโจมตีไซเบอร์จากจีน, รัสเซีย และอิหร่าน ที่พุ่งเป้าเจาะระบบของทีมหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีทั้งของรีพับลิกันและเดโมแครต คำประกาศของไมโครซอฟท์เกิดไล่หลังบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐขยับป้องกันการแทรกแซงเลือกตั้งจากต่างประเทศ โดยทวิตเตอร์เตรียมจะบังคับใช้นโยบายกำจัดข้อมูลเท็จหรือชี้นำแบบผิดๆ ที่มีเจตนาบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมถึงการอ้างชัยชนะที่ไม่ผ่านการพิสูจน์ยืนยัน และกูเกิลประกาศจะดำเนินมาตรการเพื่อสร้างความมั่นใจว่าระบบการเติมคำค้นหาอัตโนมัติจะไม่ชี้นำแบบผิดๆ ไมโครซอฟท์แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายนว่า แฮ็กเกอร์หลายรายกำลังพุ่งเป้าโจมตีคณะทำงานหาเสียงทั้งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ทอม เบิร์ต รองประธานไมโครซอฟท์ กล่าวว่า ช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ ไมโครซอฟท์ตรวจพบการโจมตีไซเบอร์ที่พุ่งเป้าหมายที่บุคคลและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐวันที่ 3 พฤศจิกายน ไม่เพียงแค่ในสหรัฐ ไมโครซอฟท์ยังพบว่า คนร้ายยังโจมตีผู้ทำงานการเมือง, หน่วยงานคลังสมอง, ผู้ให้คำปรึกษาและพรรคการเมืองในยุโรปด้วยเช่นกัน คำแถลงระบุชื่อกลุ่มแฮ็กเกอร์จากรัสเซีย “สตรองเทียม” ว่าโจมตีองค์กรมากกว่า 200 แห่ง ส่วน “เซอร์โคเนียม” ที่มีฐานอยู่ในจีนโจมตีบุคคลระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งสหรัฐ รวมถึงผู้ที่ทำงานให้กับทีมหาเสียงของไบเดน และแกนนำคนสำคัญๆ ในประชาคมกิจการระหว่างประเทศ ส่วนของอิหร่านที่มีชื่อว่า “ฟอสฟอรัส” นั้นพุ่งเป้าโจมตีบัญชีส่วนบุคคลของผู้ที่ทำงานให้กับการหาเสียงของทรัมป์ ——————————————- ที่มา : ไทยโพสต์ / 11 กันยายน 2563 Link : http://www.thaipost.net/main/detail/77176

มะกันเพิกถอนวีซ่าชาวจีนกว่าพันคน หวั่นเป็นภัยคุกคามความมั่นคง

Loading

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาแถลงเมื่อวันที่ 9 กันยายน ว่า จนถึงวันที่ 8 กันยายน สหรัฐได้ทำการเพิกถอนวีซ่าของบุคคลสัญชาติจีนไปแล้วมากกว่า 1,000 ราย ซึ่งเป็นไปภายใต้คำประกาศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่สั่งห้ามการเดินทางเข้ามาของนักศึกษาและนักวิจัยชาวจีนที่ดูเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐ อันเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการตอบโต้จีนของสหรัฐกรณีจำกัดการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง อย่างไรก็ดี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐชี้ว่านักศึกษาและนักวิจัยชาวจีนที่ถูกเพิกถอนวีซ่านี้เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ ของชาวจีนที่เดินทางเข้ามาศึกษาและทำวิจัยในประเทศสหรัฐ ซึ่งนักเรียนนักศึกษาที่มีความถูกต้องชอบธรรมทางกฎหมายจะยังคงได้รับการต้อนรับจากสหรัฐต่อไป ก่อนหน้านั้นนายแชด วูล์ฟ รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐกำลังยุติกการออกวีซ่าให้กับนักศึกษาและนักวิจัยชาวจีนที่มีความเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ของกองทัพจีน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการขโมยข้อมูลและงานวิจัยที่มีความอ่อนไหว นายวูล์ฟยังกล่าวเน้นย้ำในสิ่งที่สหรัฐกล่าวหาจีนว่าได้ปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในการดำเนินธุรกิจและจีนยังจารกรรมข้อมูลด้านอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงความพยายามขโมยงานวิจัยเรื่องไวรัสโคโรนา ตลอดจนการใช้วีซ่านักเรียนเพื่อแสวงหาประโยชน์จากสถานศึกษาของสหรัฐ ทั้งนี้ ผลจากมาตรการข้างต้นได้มีนักศึกษาชาวจีนบางรายที่สมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของสหรัฐแล้ว ออกมาเปิดเผยว่า พวกเขาได้รับอีเมล์แจ้งจากสถานทูตสหรัฐในกรุงปักกิ่งหรือสถานกงสุลสหรัฐในจีนว่าวีซ่าของพวกเขาถูกยกเลิกแล้ว ————————————————– ที่มา : มติชน / 10 กันยายน 2563 Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_2342637

ภาพดาวเทียมเผย เกาหลีเหนือเตรียมยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ

Loading

สถาบันวิจัยสหรัฐเผยภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมทดสอบขีปนาวุธพิสัยกลางที่ปล่อยจากเรือดำน้ำ ศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และระหว่างประเทศศึกษา (CSIS) ในสหรัฐ เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณอู่ต่อเรือซินโปที่บันทึกไว้เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีเรือหลายลำเทียบท่าอยู่ โดยหนึ่งในนั้นคล้ายกับเรือที่เกาหลีเหนือเคยใช้ลากเรือท้องแบนติดตั้งฐานยิงขีปนาวุธลงทะเลก่อนหน้านี้ CSIS คาดว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมทดสอบยิงขีปนาวุธรุ่น พุกกุกซอง-3 (Pukguksong-3) ซึ่งยิงจากเรือดำน้ำ (SLBM) เมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว เกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธพุกกุกซอง-3 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขจัดภัยคุกคามจากภายนอก ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นการยั่วยุที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่เกาหลีเหนือเจรจายุติโครงการนิวเคลียร์กับสหรัฐในปี 2018 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดที่อู่ต่อเรือซินโปเกิดขึ้นท่ามกลางสัญญาณว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมการจัดพิธีสวนสนามในเดือนหน้า ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่ามีขึ้นเพื่อโชว์ขีปนาวุธใหม่อย่างที่เกาหลีเหนือเคยทำก่อนหน้านี้ อู่ต่อเรือซินโป อู่ต่อเรือซินโป เรือดำน้ำคลาสโรมิโอ 2 ลำ จอดในฐานทัพเรือมายางโด —————————————————- ที่มา : โพสต์ทูเดย์ / 5 กันยายน 2563 Link : https://www.posttoday.com/world/632275