เปิดปฏิบัติการในอดีตที่สำเร็จและล้มเหลวของหน่วยจารกรรมอิสราเอล “มอสซาด”

Loading

  ในความเคลื่อนไหวที่อยู่เหนือความคาดหมาย เพจเจอร์และวิทยุสื่อสารของสมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เจตนาให้เป็นวิธีสื่อสารที่ปลอดภัยเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับที่ก้าวหน้าของอิสราเอล ได้กลายเป็นระเบิดอานุภาพร้ายแรงที่คร่าชีวิตคนไปจำนวนหลายสิบ และทำให้มีผู้บาดเจ็บอีกหลายพันราย   รัฐบาลเลบานอนได้กล่าวหาอิสราเอลว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว ซึ่งถือเป็น “การก้าวร้าวรุกรานเยี่ยงอาชญากรของอิสราเอล” ส่วนกลุ่มฮิซบอลเลาะห์นั้นสาบานว่าจะ “ตอบโต้อย่างสาสม”   ขณะที่รัฐบาลอิสราเอลยังไม่มีแถลงการณ์ชี้แจงต่อข้อกล่าวหานี้ สื่ออิสราเอลบางสำนักรายงานว่า ทางรัฐบาลได้กำชับให้คณะรัฐมนตรีงดเว้นการออกถ้อยแถลงต่อสาธารณชนถึงเรื่องดังกล่าว   ตามปกติแล้วอิสราเอลจะติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนอย่างใกล้ชิด ซึ่งชี้ว่าปฏิบัติการครั้งนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายที่ดำเนินมายาวนาน   หากอิสราเอลคือผู้บงการแผนระเบิดอุปกรณ์สื่อสารในครั้งนี้จริง ก็จะถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการที่เหนือความคาดหมาย และส่งผลกระทบต่อฝ่ายตรงข้ามมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งเหตุการณ์ในสัปดาห์นี้ได้กระตุ้นให้ระลึกถึงปฏิบัติการในอดีตของอิสราเอล โดยเฉพาะหน่วยจารกรรมอิสราเอล ที่ชื่อว่าหน่วย “มอสซาด”   ความสำเร็จของมอสซาด ในอดีตหน่วยสอดแนมและดำเนินปฏิบัติการลับด้านความมั่นคงของอิสราเอลหรือ “มอสซาด” (Mossad) เคยดำเนินภารกิจที่พบกับความสำเร็จมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็มีปฏิบัติการที่ประสบความล้มเหลวอย่างนับไม่ถ้วนเช่นกัน โดยผลงานอันลือลั่นที่ประสบความสำเร็จมีดังต่อไปนี้   ไล่ล่านาซี “อดอล์ฟ ไอช์มานน์” การลักพาตัวเจ้าหน้าที่นาซีคนสำคัญ “อดอล์ฟ ไอช์มานน์” มาจากประเทศอาร์เจนตินาในปี 1960 คือผลงานความสำเร็จที่รู้จักกันดีมากที่สุดครั้งหนึ่ง ไอช์มานน์ คือบุคคลที่บงการแผนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ซึ่งทำให้มีชาวยิวเสียชีวิตไปราว 6 ล้านคน ด้วยน้ำมือของนาซีเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หลังหลบหนีการจับกุมมาได้หลายครั้ง ด้วยวิธีย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ท้ายที่สุดแล้วไอช์มานน์ก็ถูกจับกุมตัวในอาร์เจนตินา…

ศาลสหรัฐฯ สั่งจำคุก 22 ปี หญิงแคนาดาพยายามวางยาพิษ “โดนัลด์ ทรัมป์”

Loading

  หญิงชาวแคนาดาวัย 56 ปี ถูกตัดสินจำคุก 22 ปีในสหรัฐฯ จากคดีส่งจดหมายเจือพิษไรซิน (Ricin) ให้กับ “โดนัลด์ ทรัมป์”   ปาสคาล เฟอร์ริเยร์ หญิงชาวแคนาดาวัย 56 ปี ถูกตัดสินจำคุก 22 ปีในสหรัฐฯ จากคดีส่งจดหมายเจือพิษไรซิน (Ricin) ให้กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ในเดือนกันยายน 2020 เมื่อครั้งที่เขายังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยเธอสารภาพผิดในข้อหาใช้อาวุธชีวภาพ   ซองจดหมายมรณะที่จ่าหน้าถึงทรัมป์ถูกสกัดไว้ได้ก่อนจะส่งไปยังทำเนียบขาว ซึ่งเฟอร์ริเยร์บอกกับศาลว่า เธอ “เสียใจที่แผนของเธอล้มเหลว” และเสียใจที่เธอ “หยุดทรัมป์ไม่ได้”     ในการชี้แจงต่อศาล เธอยังบอกด้วยว่า เธอมองว่าตัวเองเป็นนักเคลื่อนไหว ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย “ฉันต้องการหาวิธีสันติเพื่อบรรลุเป้าหมายของฉัน”   สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) รายงานว่า พบลายนิ้วมือของเธอในจดหมายที่ส่งถึงทรัมป์ ซึ่งมีเนื้อหาขอให้เขาถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยเธอเขียนว่า “ฉันมีชื่อใหม่ให้คุณแล้ว: ‘ตัวตลกเผด็จการอัปลักษณ์’”   แด็บนีย์…

สหรัฐฯ-อียูพร้อมใจขับทูตรัสเซียกว่าร้อยคน ตอบโต้เหตุวางยาพิษอดีตสายลับ

Loading

  รัฐบาลสหรัฐฯ รวมทั้งชาติพันธมิตรและชาติที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ทั้งสิ้น 23 ประเทศ สั่งขับนักการทูตรัสเซียออกจากดินแดนของตนแล้วอย่างน้อย 116 คน เพื่อเป็นการตอบโต้กรณีที่เชื่อว่าทางการรัสเซียลอบวางยาพิษอดีตสายลับในสหราชอาณาจักร ซึ่งต่างมองกันว่าเป็นการกระทำที่เป็นภัยต่อความมั่นคงในภูมิภาคยุโรปและอเมริกา เชื่อกันว่าคำสั่งของหลายประเทศในครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ขับนักการทูตและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของรัสเซียในต่างประเทศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังจากที่นายเซอร์เก สกริปาล อดีตสายลับแปรพักตร์ของรัสเซียซึ่งปัจจุบันเป็นพลเมืองอังกฤษ และนางสาวยูเลียบุตรสาวของเขาถูกลอบทำร้ายด้วยสารพิษทำลายประสาทที่เมืองซอลส์บรีของสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา นอกจากสหรัฐฯจะสั่งขับนักการทูตรัสเซีย 60 คน และกำลังจะสั่งปิดสถานกงสุลรัสเซียในนครซีแอตเทิลแล้ว ชาติสมาชิกอียูซึ่งได้แก่ฝรั่งเศส, เยอรมนี, โปแลนด์, ลิทัวเนีย, สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์, อิตาลี, สเปน, เอสโทเนีย, โครเอเชีย, ฟินแลนด์, สวีเดน, ฮังการี, ลัตเวีย และโรมาเนีย ต่างก็สั่งขับนักการทูตรัสเซียในประเทศของตนด้วย     ประเทศอื่น ๆ อย่างแคนาดา, ยูเครน, แอลเบเนีย, ออสเตรเลีย, นอร์เวย์ และมาซีโดเนีย ต่างก็ร่วมออกคำสั่งขับนักการทูตรัสเซียเช่นกัน ส่วนไอซ์แลนด์แถลงว่าจะระงับการเจรจาระดับสูงกับรัสเซียลงทั้งหมด และผู้นำประเทศจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกที่จะจัดขึ้นที่รัสเซียในเดือนมิ.ย.นี้…