“WhatsApp” เพิ่มอายุขั้นต่ำของผู้ใช้ในยุโรป

Loading

  WhatsApp แอพพลิเคชั่นสนทนายอดนิยม ซึ่งมี Facebook เป็นเจ้าของ ประกาศเพิ่มอายุขั้นต่ำของผู้ใช้ในสหภาพยุโรป (EU )จาก 13 ปี เป็น 16 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับกฏหมายปกป้องข้อมูลส่วนตัวฉบับใหม่ ซึ่งจะกำหนดบังคับใช้ในเดือนหน้า ในอีกไม่กี่สัปดาห์ บริษัท WhatsApp Ireland Ltd จะให้ผู้ใช้ใน EU ยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการ (terms of service) และนโยบายความเป็นส่วนตัว (privacy policy) ฉบับใหม่ และผู้ใช้จะต้องยืนยันว่ามีอายุอย่างน้อย 16 ปี WhatsApp ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 2009 ได้รับความกดดันจากรัฐบาลของ EU ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องมาจากการเปิดใช้ระบบข้อความแบบ end-to- end encrypted messaging หรือระบบเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง และแผนการที่จะแชร์ข้อมูลต่อ Facebook ซึ่งเป็นบริษัทแม่อีกด้วย ในขณะที่ Facebook เอง ก็ถูกเจ้าหน้าที่จากทั่วโลกตรวจสอบอย่างละเอียด เนื่องจากข้อมูลของผู้ใช้งานหลายล้านคนถูกนำไปใช้ประโยชน์ทางการเมือง…

ฝรั่งเศสจับ 200 ผู้ประท้วงปิดหน้า ก่อจลาจลวันแรงงาน

Loading

  ตำรวจกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จับกุมผู้ชุมนุมที่สวมหน้ากากปกปิดใบหน้าราว 200 คน หลังพังกระจกร้านค้าและวางเพลิงรถยนต์ในระหว่างชุมนุมประท้วงเนื่องในวันแรงงาน กลุ่มอนาธิปไตยฝ่ายซ้ายซึ่งรู้จักในนาม “กลุ่มดำ” (Black Blocs)ได้ใช้ความรุนแรงและทำลายการชุมนุมอย่างสันติวิธีของคนกลุ่มใหญ่ที่มุ่งต่อต้านการปฏิรูปแรงงานของนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ตำรวจกล่าวว่า ผู้ประท้วงประมาณ 1,200 คนสวมหน้ากากและหมวกโม่งเข้าร่วมการชุมนุมประจำปีเนื่องในวันแรงงาน จัดโดยสหภาพแรงงาน ปธน.มาครงแห่งฝรั่งเศส เตรียมเสนอกฎหมายควบคุม ‘ข่าวเท็จ’ เผยมาครงใช้งบจ้างช่างแต่งหน้ากว่าล้านบาทใน 3 เดือน ประชาชนสี่คนได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ โดยในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมอยู่ด้วยหนึ่งนาย       เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลได้เข้าควบคุมสถานการณ์ด้วยการฉีดแก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อสลายการชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมพยายามเคลื่อนขบวนต่อ ก่อนพังกระจกร้านค้าที่อยู่ข้างทาง และจุดไฟหน้าร้านแมคโดนัลด์ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ ออสแตร์ลิตซ์ ทำให้รถหลายคันที่จอดอยู่บริเวณดังกล่าวถูกเผาไหม้ นายเบนจามิน กรีโวลล์ โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศส ได้ออกมาวิจารณ์การปกปิดใบหน้าของกลุ่มผู้ประท้วง โดยระบุว่า “ถ้าคุณเชื่อมั่นและบริสุทธิ์ใจจริง ๆ คุณต้องเปิดหน้าชุมนุม” และว่า “บรรดาคนที่สวมหมวกโม่งถือเป็นศัตรูของระบอบประชาธิปไตย”   ความไม่พอใจอย่างกว้างขวางเกิดขึ้นต่อแผนปฏิรูปแรงงานของประธานาธิบดีมาครง พนักงานการรถไฟ SNCF เริ่มหยุดงานทั่วประเทศและหยุดเดินรถสามเดือน หลังรัฐบาลวางแผนยกเครื่องการรถไฟ ขณะเดียวกัน ครู พยาบาล และแรงงานอื่น…

Facebook และ Microsoft ออกระบบ Privacy ใหม่ รับ GDPR

Loading

General Data Protection Regulation (GDPR) หรือกฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของพลเมืองที่อาศัยอยู่ในเขตสหภาพยุโรปเตรียมถูกประกาศใช้อย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2018 ที่จะถึงนี้ ทำให้หลายบริษัททั่วโลกเตรียมรีบเร่งเพื่อออกนโยบายและมาตรการควบคุมให้สอดคล้องกับกฎหมายดังกล่าว ไม่เว้นแม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook และ Microsoft Credit: ShutterStock.com เพื่อสามารถให้บริการตาม GDPR ทาง Facebook ได้ออก Global Privacy Center ใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้ Facebook สามารถบริหารจัดการข้อมูลที่ตนต้องการจะแชร์ หรืออีกนัยหนึ่งคือ ตั้งค่าความเป็นส่วนบุคคล (Privacy) ของตนได้อย่างครอบคลุม สำหรับ Microsoft นั้น ได้เพิ่มหน้า Activity History เข้าไปยัง Microsoft Privacy Dashboard ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูว่ามีข้อมูลอะไรที่บันทึกอยู่ในบัญชีของ Microsoft บ้าง รวมไปถึงปรับแต่งความเป็นส่วนบุคคลของตนบนอุปกรณ์และเบราว์เซอร์ได้ และในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ผู้ใช้จะสามารถเรียกดูและบริหารจัดการข้อมูลที่ใช้ไป กิจกรรมที่เกิดขึ้นบนอุปกรณ์และบริการต่างๆ รวมไปถึงสามารถนำข้อมูลที่เห็นบน Dashboard ออกมาและลบบางส่วนที่ไม่ต้องการทิ้งได้ ตรงกับความต้องการของ GDPR ที่ระบุว่าผู้ใช้ต้องมีสิทธิ์ลบข้อมูลส่วนบุคคลทิ้งได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ยังมี…

ใครคือผู้ได้รับผลกระทบจากกฏหมาย GDPR

Loading

กฏหมาย GDPR กำลังจะถูกใช้ในกลุ่มประเทศ EU ประมาณกลางปี 2018 โดยเรื่องนี้มีผู้ได้ผลกระทบไม่น้อย วันนี้เราจึงสรุปบทความที่นำเสนอถึงมุมมองว่า GDPR นั้นมีผลกระทบอย่างไร จริงๆแล้วใครมีผลกระทบบ้างและบริษัทหรือผู้ให้บริการ Cloud มีการรับมือกับกฏหมายนี้อย่างไร ซึ่งแม้แต่ในประเทศเราเองหากท่านใดที่มีการทำธุรกิจกับกลุ่มประเทศใน EU หรือมีการใช้ Cloud ในโซนนั้นก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ส่วนนึงที่สำคัญมากกับกฏหมายนี้คือคำว่า ‘Data Localization‘ ซึ่งอ้างถึงการเก็บข้อมูลต้องอยู่ภายในภูมิภาคหรือประเทศเดียวกันกับที่ๆ ข้อมูลนั้นเกิดขึ้น ซึ่งประเทศอย่าง จีน เยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอแลนด์ รัสเซีย อินโดนีเซีย แคนย่า แทนซาเนีย และอีกหลายประเทศสามารถผ่านคำสั่งนี้ก่อนปี 2018 แล้ว อันที่จริงแล้ว GDPR ได้กล่าวถึงการที่ข้อมูลส่วนบุคคลจะสามารถถูกส่งไปในประเทศนอก EU ซึ่งมีระดับการปกป้องที่ได้รับการรับรองแล้วเท่านั้น หากองค์กรใดมีข้อสงสัยแม้เพียงน้อยนิดต่อปลายทางนั้นก็ไม่สามารส่งข้อมูลไปที่นั่นได้ เนื่องด้วยบทปรับอันแสนแพงหลายองค์กรจึงต้องทำให้แน่ใจว่าข้อมูลของลูกค้าจะไม่ออกไปนอก EU รวมถึงประเทศที่ข้อมูลนั้นเกิดขึ้นด้วย นอกจากนี้ภายในกฏหมาย GDPR ยังมีนิยามคำว่า ‘Data Controller’ และ ‘Data Processor’ ที่ต้องเข้าใจดังนี้ Data Controller หมายถึง…

นักวิทยาศาสตร์สวิสพัฒนา ‘หุ่นยนต์สี่ขา’ สามารถเดินได้อย่างมั่นคงสำหรับงานกู้ภัย

Loading

เทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยเร่งการพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อทำงานแทนมนุษย์ในงานหลายรูปแบบ ผู้คนเคยเห็นหุ่นที่มีความเหมือนมนุษย์จริงทำถูกใช้งานต้อนรับลูกค้ากันมาแล้ว บางครั้งหุ่นมีหน้าที่เฉพาะและมีลักษณะแตกต่างไปจากคนอย่างสิ้นเชิง หุ่นยนต์อีกประเภทหนึ่งคือที่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างมั่นคง ซึ่งเป็นงานพัฒนาของนักวิจัย Marco Hutter แห่ง Autonomous Systems Lab ที่เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รูปพรรณสัณฐานของหุ่นยนต์นี้ซึ่งถูกตั้งชื่อว่า ANYmal มีความคล้ายสัตว์สี่ขา Marco Hutter ผู้ประดิษฐ์ กล่าวว่า หุ่น ANYmal เคลื่อนที่ทีละขาและมีความมั่นคงเป็นพิเศษ งานที่เหมาะกับสิ่งประดิษฐ์นี้คือการเคลื่อนที่บนสภาพพื้นผิวที่มีสิ่งกีดขวางและคาดเดายากว่าพื้นที่ข้างหน้าเป็นเช่นใด บริษัทที่เป็นเจ้าของหุ่นรุ่นนี้คือ ANYbotics ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะนำหุ่น ANYmal ออกขายเชิงพาณิชย์ในอนาคต Marco Hutter กล่าวว่าหุ่น ANYmal สามารถวางแผนที่จะเดินก้าวต่อไปเมื่อทราบถึงลักษณะพื้นผิวจากก้าวที่เพิ่งเหยียบลง นอกจากจะมีกล้องติดตัวที่อ่านค่าความร้อนได้แล้ว ANYmal มีเซนเซอร์จับการเคลื่อนไหวก๊าซรอบตัว จึงทำให้พวกมันเหมาะงานสำรวจแหล่งปิโตรเลียม และแหล่งแร่ส่วนความสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นคงเป็นจุดเด่นสำหรับภารกิจกู้ภัย (รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียงจากรายงานของ Arash Arabasadi) —————————————————————- ที่มา : VOA thai / 16 พฤศจิกายน 2560 Link…

นาฬิกาอัจฉริยะสำหรับเด็ก ถูกแบนแล้วในเยอรมนี

Loading

  น่าสนใจทีเดียวกับมาตรการของหน่วยงานจากรัฐบาลของเยอรมนีอย่าง Bundesnetzagentur ที่ออกมาประกาศ “แบนนาฬิกาอัจฉริยะ” สำหรับเด็กแล้ว พร้อมเรียกร้องให้ผู้ปกครองที่ซื้อนาฬิกาดังกล่าวให้เด็ก ๆ “ทำลาย” นาฬิกาทิ้งด้วย ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ คาดว่าเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของเด็ก ๆ ว่าจะอาจจถูกคุกคามจากช่องโหว่ในอุปกรณ์เหล่านี้นั่นเอง โดยประธานของ Bundesnetzagentur อย่าง Jochen Homann ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้ปกครองสามารถเปิดเข้าไปในแอปพลิเคชัน และสามารถฟังเสียงสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเด็กได้ แต่ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งผ่านระบบเครือข่ายโดยที่ไม่มีการรักษาความเป็นส่วนตัว ทำให้มีโอกาสที่จะถูกบุคคลภายนอกแอบฟังได้เช่นกัน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ต้องบอกว่าในสังคมเยอรมนีมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้งานอุปกรณ์ Wearable สำหรับเด็กเพิ่มมากขึ้น และเคยมีคณะกรรมการผู้บริโภคนอร์วีเจียน (Norwegian Consumer Council) ได้ออกมาเตือนไม่ให้ผู้ปกครองซื้อนาฬิกาที่แสดงตำแหน่งผ่านระบบ GPS ให้บุตรหลานเช่นกัน เนื่องจากเกรงว่า นอกจากพ่อแม่ที่สามารถทราบตำแหน่งของลูก ๆ ได้แล้ว ก็อาจมีคนอื่นล่วงรู้ตำแหน่งของเด็ก ๆ ด้วย “ผู้บริโภคส่วนใหญ่มองว่า นาฬิกาเหล่านี้สามารถช่วยให้ลูก ๆ ของตนเองปลอดภัยได้ แต่ถึงตอนนี้ พวกเขาอาจต้องคิดใหม่ หากช่องโหว่เรื่องความปลอดภัยยังไม่ได้รับการแก้ไข นาฬิกาเหล่านี้อาจเป็นสิ่งที่อันตรายได้” แบรนด์ที่ทางการเยอรมนีระบุชื่อว่าควรระวังไม่ซื้อมาให้ลูก ๆ สวมนั้นมี…