กมธ.ดีอีเอส หารือรัฐสภา หลังพบแฮคเกอร์ขโมยข้อมูลรายชื่อผู้เข้าใช้ห้องสมุด

Loading

  กมธ.ดีอีเอส หารือรัฐสภา หลังพบแฮคเกอร์ขโมยข้อมูลรายชื่อผู้เข้าใช้ห้องสมุด “กัลยา”เชื่ออาจเป็นการลองเชิงระบบรักษาความปลอดภัย เชื่อวันหน้าอาจเล่นใหญ่กว่านี้ เตรียมเชิญรองเลขาฯ-ผอ.นโยบายถกการวางระบบ “สยาม”ชี้ต้องเร่งทำไปพร้อมกับการก่อสร้าง 27 ก.พ.64 น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร การโทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ว่า สัปดาห์นี้ กมธ.ดีอีเอส ได้มีการประชุมเพื่อหารือถึงกรณีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในเว็บไซต์รัฐสภาไทย โดยมีการเชิญ ผบ.สำนักงานวิชาการและ ผบ.กลุ่มงานสารสนเทศเข้าชี้แจง หลังจากมีกระแสข่าวว่ามีการแฮคข้อมูลของรัฐสภา โดยทางผบ.ชี้แจงว่า เป็นเพียงการแฮคข้อมูลห้องสมุด ซึ่งเป็นรายชื่อของผู้เข้าใช้เท่านั้น ซึ่งทางกมธ.เห็นว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะข้อมูลผู้เข้าใช้ห้องสมุดนั้น มีรายชื่อของส.ส.และส.ว.อยู่ด้วย และแม้ว่าวันนี้จะแฮคเพียงแค่ข้อมูลห้องสมุด แต่อาจจะเป็นการลองเชิงของแฮคเกอร์เท่านั้น วันหน้าอาจจะมีการแฮคระบบข้อมูลของรัฐสภาได้ นี่อาจจะเป็นเพียงการทดสอบระบบรักษาความปลอดภัย หากวันหน้าสามารถแฮคระบบรัฐสภาได้ ข้อมูลต่างๆของสมาชิกจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะแต่ละท่านเป็นบุคคลสำคัญของประเทศ และยังมีข้อมูลเกี่ยวกับงานต่างๆด้านกฎหมายที่เป็นข้อมูลสำคัญอีกด้วย น.ส.กัลยา กล่าวอีกว่า กมธ.ดีอีเอส เห็นว่า เราควรมีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยทางข้อมูล ซึ่งที่ผ่านมา กมธ.ดำเนินการมาโดยตลอด และคิดว่า ในช่วงที่รัฐสภาแห่งใหม่กำลังก่อสร้าง เราควรมีการวางระบบด้านรักษาความปลอดภัยทางด้านเทคโนโลยีควบคู่กันไปด้วย เหมือนตอนเราสร้างบ้านใหม่ การวางสายไป ท่อน้ำต่างๆ ก็ต้องวางไปพร้อมกัน…

วุฒิสภาสหรัฐฯ สอบระบบรักษาความปลอดภัยอาคารรัฐสภาในวันเกิดเหตุจลาจล

Loading

  คณะกรรรมาธิการ 2 คณะของวุฒิสภาสหรัฐฯ เดินหน้าสอบสวนเหตุก่อการจลาจลบุกยึดอาคารเมื่อวันที่ 6 มกราคม โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นความล้มเหลวด้านการรักษาความปลอดภัยและการบังคับใช้กฎหมายในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยในวันอังคารตามเวลาในสหรัฐฯ คณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิและคณะกรรมาธิการด้านกิจการรัฐบาลวุฒิสภาเชิญผู้มีส่วนรับผิดชอบด้านการรักษาความปลอดภัยในวันเกิดเหตุ ซึ่งบางรายลาออกจากตำแหน่งไปหลังการจลาจลผ่านพ้นไป วุฒิสมาชิก เอมี โคลบูชา บอกกับผู้สื่อข่าวของ The Associated Press ว่า สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อกรณีที่ว่า หน่วยงานด้านการรักษาความปลอดภัยทั้งหลายมีการแบ่งปันข้อมูลก่อนเกิดเหตุอย่างไรบ้าง และประเด็นช่วงเวลาการส่งกองกำลังสำรองของรัฐเข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำรัฐสภา รวมทั้ง เรื่องของโครงสร้างการสั่งการของหน่วยงานทั้งหลายที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยของอาคารรัฐสภา ซึ่งมีส่วนทำให้การรักษาความปลอดภัยในวันเกิดเหตุล้มเหลว ส.ว. โคลบูชา กล่าวด้วยว่า คณะกรรมาธิการทั้งสองจะจัดให้มีการไต่สวนรับฟังข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้อย่างน้อย 1 ครั้ง เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับการรับมือกับเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยกระทรวงกลาโหม กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และสำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) ด้วย เหตุจลาจลที่เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนมกราคม ระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ กำลังดำเนินกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งการนับคะแนนโดยคณะผู้แทนเลือกตั้งในแต่ละรัฐสรุปว่า โจ ไบเดน คือผู้ชนะและจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศต่อจาก โดนัลด์ ทรัมป์ โดยกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีเป็นผู้ก่อเหตุบุกเข้าอาคารรัฐสภา ทำลายทรัพย์สิน และปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่เหล่าสมาชิกรัฐสภาต้องหลบหนีออกจากห้องประชุมเพื่อความปลอดภัย ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง พร้อมรายงานการเสียชีวิตของทั้งผู้ร่วมก่อเหตุและเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำรัฐสภา รวมทั้งหมด 5…

พนักงานสอบสวนสหรัฐดำเนินคดีหนักกับม็อบบุกสภา

Loading

  กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐและเอฟบีไอยืนยันการดำเนินคดีอาญา ซึ่งอาจรวมถึงข้อหาปลุกระดม กับผู้ต้องหา ‘มากกว่า 100 คน’ ซึ่งร่วมกันก่อเหตุบุกรุกรัฐสภา ในกรุงวอชิงตัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ว่า นายไมเคิล เชอร์วิน อัยการสูงสุดกรุงวอชิงตัน แถลงเมื่อวันอังคารว่า ได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาแล้ว 70 คน ซึ่งร่วมก่อเหตุบุกรุกและสร้างความเสียหายให้กับอาคารรัฐสภา ในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมทั้งกล่าวด้วยว่า พนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาตั้งข้อหาปลุกระดม เพิ่มเติมกับผู้ต้องหา “หลายคน” ซึ่งบทลงโทษจำคุกอาจนานถึง 20 ปี     ขณะที่นายสตีเวน ดีอันตัวโน รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง ( เอฟบีไอ ) สำนักงานกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า จำนวนผู้ที่ถูกจับกุมซึ่งมีการยืนยันแล้ว “เป็นเพียงส่วนน้อย” เนื่องจากผลการตรวจสอบหลักฐานมากกว่า 100,000 ชิ้น รวมถึงภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ที่บรรดาผู้ประท้วงบันทึกไว้เองระหว่างก่อเหตุ จึงอาจเพิ่มจำนวนผู้ที่ต้องถูกดำเนินคดี “อีกมากกว่า…