สหรัฐอเมริกา ขึ้นบัญชีดำบริษัทสปายแวร์ NSO Group

Loading

  สหรัฐอเมริกา ตัดสินใจแบนบริษัทด้านความมั่นคงปลอดภัยจากประเทศอิสราเอลอย่าง NSO Group เนื่องจากกระทบกับความมั่นคงและนโยบายหลักของประเทศ NSO Group บริษัทด้านความมั่นคงทางไซเบอร์จากประเทศอิสราเอล กลายเป็นบริษัทล่าสุดที่ถูกขึ้นบัญชีดำในยุคของประธานาธิบดีโจ ไบเดน การตัดสินใจแบน NSO Group ภายใต้รัฐบาลของโจ ไบเดน เป็นเพราะว่า บริษัทดังกล่าวจากประเทศอิสราเอลได้ขัดกับนโยบายต่างประเทศและผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะเรื่องของสิทธิมนุษยชน ซึ่งถือได้ว่า เป็นนโยบายหลักด้านการต่างประเทศของรัฐบาลชุดนี้ และสหรัฐฯ ต้องการปราบปรามซอฟต์แวร์ที่ละเมิดสิทธิดังกล่าว ก่อนหน้านี้ เราเคยได้ยินการพูดถึงบริษัท NSO Group มาครั้งหนึ่งแล้ว เนื่องจากซอฟต์แวร์ของพวกเขาที่มีชื่อว่า Pegasus ได้เป็นสปายแวร์ โดยมีความพยายามแฮกข้อมูลจากมือถือ ซึ่งเป็นมือถือของนักข่าว นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงทนายความทั่วโลก Forbidden Stories องค์กรสื่อไม่แสวงหาผลกำไร เปิดเผยว่า การทำงานของซอฟต์แวร์ Pegasus เมื่อถูกติดตั้งไปที่มือถือของเหยื่อ จะทำการดึงข้อความ รูปภาพ อีเมล บันทึกการโทร รวมถึงการเรียกเปิดไมโครโฟนอย่างลับๆ จากการตรวจสอบพบอีกว่า เป้าหมายที่อาจถูกสปายแวร์ Pegasus หวังลักลอบเก็บข้อมูลมีจำนวนมากกว่า 5 หมื่นคน เป็นนักข่าวประมาณ 180…

ญี่ปุ่นสั่งตรวจสอบ Line หลังสื่อชี้ยอมให้วิศวกรจีนเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งาน

Loading

  รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า จะดำเนินการสอบสวนแอปพลิเคชันไลน์ (Line) ของซี โฮลดิ้งส์ คอร์ปซึ่งอยู่ในเครือของซอฟต์แบงก์ คอร์ปของญี่ปุ่น หลังจากสื่อญี่ปุ่นรายงานว่า Line ได้ปล่อยให้วิศวกรชาวจีนที่เซี่ยงไฮ้เข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานชาวญี่ปุ่นโดยไม่ได้แจ้งให้ผู้ใช้ทราบ สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคและสื่อญี่ปุ่นรายอื่นๆ รายงานก่อนหน้านี้ว่า ภายใต้กฎหมายความเป็นส่วนตัวของญี่ปุ่นนั้น บริษัทต่างๆ ต้องแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเมื่อข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ถูกส่งไปยังต่างประเทศ “ตอนนี้เรายังบอกไม่ได้ว่า Line ละเมิดกฎระเบียบหรือไม่ และเราจะทำการสอบสวนเพื่อหาความจริง” เจ้าหน้าที่รัฐบาลผู้รับผิดชอบกฎหมายความเป็นส่วนตัวกล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ พร้อมเสริมว่า ถ้าหากพบว่า Line กระทำผิดจริง ทางสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นสามารถสั่งให้ทางบริษัทดำเนินการแก้ไขปรับปรุง ด้านโฆษกของ Line ระบุว่า “ไม่มีเหตุการณ์ใดที่เป็นการละเมิดกฎหมายหรือกฎระเบียบต่างๆ เราจะยังคงปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบในทุกประเทศ รวมถึงในญี่ปุ่นด้วย” แถลงการณ์ทางเว็บไซต์ของ Line ในเวลาต่อมามีใจความว่า ทางบริษัทขออภัยที่ทำให้เกิดความกังวล และไม่ได้อธิบายอย่างเพียงพอเพื่อให้ผู้ใช้ทราบถึงนโยบายเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลของบริษัท และระบุเพิ่มเติมว่า ยังไม่มีการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานอย่างไม่เหมาะสมเกิดขึ้นแต่อย่างใด   ———————————————————————————————————————————————————– ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์   / วันที่เผยแพร่  17 มี.ค.2564 Link : https://www.infoquest.co.th/2021/71886

รมว.อังกฤษลาออกหลังถูกแฉเอี่ยวเนรเทศผู้อพยพ

Loading

  รมว.มหาดไทยของอังกฤษลาออก หลังถูกสื่อตีแผ่ว่ามีส่วนรู้เห็นกับการกำหนดโควตาส่งกลับลูกหลานผู้อพยพจากเครือจักรภพอังกฤษที่อยู่มาตั้งแต่สมัยสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และรัฐบาลเป็นผู้ทำลายเอกสารระบุต้นทางของผู้อพยพทิ้งไปเมื่อ 8 ปีก่อน สำนักข่าว CNN และ The Guardian รายงานว่า นางแอมเบอร์ รัดด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษ ซึ่งดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่เดือน ก.ค. 2559 ยื่นใบลาออกแก่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (29 เม.ย.) โดยที่นางเมย์ได้้ลงนามอนุมัติการลาออกของนางรัดด์ แต่ไม่ได้อธิบายรายละเอียดว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้นางรัดด์ตัดสินใจลาออกในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนในอังกฤษและสหรัฐฯ รายงานว่าเหตุผลที่รัดด์ลาออก คือ การที่เธอถูกเปิดโปงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกำหนดโควตาส่งกลับผู้อพยพและลูกหลานของผู้อพยพในขณะดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เธอต้องลาออก เพราะพบหลักฐานขัดแย้งกับคำให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ที่นางรัดด์ยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นว่ามีการกำหนดโควตาการส่งกลับผู้อพยพจากเครือจักรภพอังกฤษ แต่สื่ออังกฤษพบหลักฐานยืนยันว่านางรัดด์ทราบเรื่องโควตา โดยเป็นการอ้างอิงเอกสารที่ส่งต่อเป็นการภายในของกระทรวง และนางรัดด์ยื่นใบลาออกหลังสื่อรายงานเรื่องดังกล่าวได้ไม่นาน นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยของอังกฤษยังจงใจทำลายเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเข้าประเทศของผู้อพยพกลุ่มวินด์รัชทิ้งไปเมื่อปี 2553 เป็นเหตุให้ผู้อพยพกลุ่มวินด์รัชและลูกหลานจำนวนมากเสี่ยงต่อการถูกเนรเทศออกจากอังกฤษ เพราะไม่มีเอกสารยืนยันการเดินทางเข้าประเทศ (Landing Slip) แม้พวกเขาจะใช้ชีวิตในอังกฤษมานานหลายทศวรรษแล้วก็ตาม ด้านนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรี แถลงขออภัยผู้อพยพจากทะเลแคริบเบียนกลุ่มนี้ รวมถึงรับประกันกับผู้นำกลุ่มประเทศเครือจักรภพอังกฤษในแถบแคริบเบียนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการส่งกลับผู้อพยพ และรัฐบาลอังกฤษจะเร่งดำเนินการยืนยันตัวตนและรับรองสิทธิการเป็นพลเมืองอังกฤษของคนกลุ่มนี้ให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ ผู้อพยพกลุ่มวินด์รัช ถูกเรียกตามชื่อเรือวินด์รัชซึ่งนำประชากรจากกลุ่มประเทศเครือจักรภพอังกฤษแถบทะเลแคริบเบียนมาเทียบท่าที่อังกฤษเมื่อเดือน…