มีกรณีการโจมตีทางไซเบอร์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลากหลายจุดทั่วทุกมุมโลก แล้วแต่ว่าวันนี้ใครจะตกเป็นเหยื่อและความรุนแรงจะมากน้อยเพียงใด ขณะนี้มีเจ้าของผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่พยายามพัฒนาโซลูชันให้มีประสิทธิภาพสูง ทันสมัยเพื่อตอบโจทย์และแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ แต่ในขณะเดียวกันเหล่าบรรดาแฮ็กเกอร์ก็ยังคงหาช่องโหว่และปรับปรุงเครื่องมือและรูปแบบการโจมตีใหม่ๆ เพื่อเข้าทำลายระบบรักษาความปลอดภัยอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นกัน อย่างกรณีก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ใหญ่ที่เกิดขึ้นกับ Lehigh Valley Health Network (LVHN) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ดูแลเครือข่ายสุขภาพประกอบด้วยโรงพยาบาล 13 แห่ง ศูนย์สุขภาพ 28 แห่ง และสถานที่อื่น ๆ ในรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐที่ถูกแก๊งแรนซัมแวร์ BlackCat โจมตีในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 โดยสามารถเจาะระบบและขโมยเวชระเบียนของผู้ป่วยและพนักงานเกือบ 135,000 รายและเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ข้อมูลที่ถูกโจรกรรมประกอบด้วย ที่อยู่อีเมล วันเกิด หมายเลขประกันสังคม ข้อมูลหนังสือเดินทาง ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนส่วนบุคคล (PII) และข้อมูลทางการแพทย์ต่างๆ รวมถึงภาพถ่ายเปลือย เพราะผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษาจะถูกถ่ายภาพเปลือย ซึ่งโดยตัวผู้ป่วยเองมักจะไม่รู้ โดยภาพเหล่านั้นจะถูกจัดเก็บไว้ในเครือข่ายภายใน จากการตรวจสอบพบว่า การโจมตีแรนซัมแวร์เกิดขึ้นเฉพาะเครือข่ายที่สนับสนุนการปฏิบัติงานของแพทย์หนึ่งรายที่ตั้งอยู่ใน Lackawanna County และ LVHN ได้ว่าจ้างบริษัทและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำ และแจ้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วว่า BlackCat เรียกร้องค่าไถ่ แต่องค์กรปฏิเสธที่จะจ่ายเงินให้กับแก๊งนี้ ผู้เสียหายทั้งผู้ป่วยและพนักงานรวมตัวกันยื่นฟ้อง LVHN หลังจากที่บริษัทถูกละเมิดข้อมูลที่เปิดเผยบันทึกทางการแพทย์ของผู้ป่วยและพนักงานโดยระบุในคำร้องเรียนว่า LVHN ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องค่าไถ่ของแฮ็กเกอร์ ตั้งใจและเพิกเฉยต่อเหยื่ออย่างจงใจ แทนที่จะดำเนินการเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยและพนักงาน แต่กลับให้ความสำคัญในเรื่องทางการเงินขององค์กรเป็นอันดับแรก …