สหรัฐอ้าง “ความมั่นคง” ไม่ให้วีซ่านักศึกษาจีน “อย่างเจาะจง”

Loading

  รัฐบาลวอชิงตันชุดปัจจุบันยังคงยึดนโยบายของรัฐบาลชุดก่อนหน้า ในการไม่ออกวีซ่าให้กับนักศึกษาจีน “ที่มีความเชื่อมโยงกับกองทัพ” สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ว่านับตั้งแต่คำประกาศหมายเลข 10043 ลงนามและมีผลบังคับใช้เมื่อเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว โดยผู้นำสหรัฐในเวลานั้น คือประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แหล่งข่าวด้านการทูตของจีนเปิดเผยกับสำนักข่าวเอพีว่า รัฐบาลวอชิงตันปฏิเสธการออกวีซ่าให้แก่นักศึกษาจีนอย่างน้อย 500 คน อย่างไรก็ตาม รายงานบางกระแสระบุว่า มีผู้ถูกปฏิเสธวีซ่ามากกว่า 1,000 คนแล้ว ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวของทรัมป์ที่รัฐบาลวอชิงตันชุดปัจจุบันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังคงใช้ต่อ “ไม่ใช่การปิดกั้น” หรือ “ห้ามอย่างเด็ดขาด” ไม่ให้นักศึกษาจีนเข้าไปศึกษาจ่อในสหรัฐ แต่จะเป็นการ “เพิ่มเงื่อนไข” ในการพิจารณาออกวีซ่า “ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง” กล่าวคือ การขอสงวนสิทธิ์ไม่อนุมัติวีซ่าให้แก่บุคคล ซึ่งสหรัฐเชื่อว่า มีความเชื่อมโยงกับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ( พีแอลเอ ) หรือบุคคลที่รัฐบาลวอชิงตันตรวจพบว่า มาจากสถานบันการศึกษาในจีน “ที่ได้รับความสนับสนุน” จากพีแอลเอ หรือมีความสัมพันธ์กัน   Arirang News แต่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงปักกิ่งกล่าวว่า มาตรการดังกล่าว “มีความจำเป็น” เพื่อ…

หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ก็ใช้ Ad Blocker เพื่อป้องกันภัยจากโฆษณาออนไลน์

Loading

  ประชาคมข่าวกรอง (Intelligence Community – IC) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานด้านข่าวกรองของรัฐบาลกลาง อาทิ สำนักข่าวกรองกลาง (Central Intelligence Agency – CIA) สำนักงานด้านความมั่นคงปลอดภัยแห่งชาติ (National Security Agency – NSA) และ สำนักงานสืบสวนกลาง (Federal Bureau of Investigation – FBI) ได้ใช้เทคโนโลยีปิดกั้นโฆษณาออนไลน์ (Ad blockers) เพื่อป้องกันภัยทางไซเบอร์ที่อาจมากับโฆษณา “IC ได้ใช้เทคโนโลยีปิดกั้นโฆษณาออนไลน์ในระดับเครือข่าย และใช้ข้อมูลในหลายระดับที่รวมถึงข้อมูลระบบชื่อโดเมนในการปิดกั้นเนื้อหาโฆษณาที่ไม่เป็นที่ต้องการและอันตราย” ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสารสนเทศของ IC ระบุในจดหมายที่ส่งถึงวุฒิสมาชิก รอน ไวเดน (Ron Wyden) ที่ผ่านมา ไวเดน พร้อมด้วยวุฒิสมาชิกอีกหลายคน อาทิ อลิซาเบธ วอร์เรน (Elizabeth Warren) เชอร์ร็อด บราวน์ (Sherrod Brown)…

พนักงานของบริษัท VPN ไม่สบายใจที่ผู้บริหารเคยเป็นสายลับขายข้อมูลให้ต่างชาติ

Loading

  พนักงานของ ExpressVPN ผู้ให้บริการ VPN (virtual private network) แสดงความไม่สบายใจกรณีที่ แดเนียล แกริค (Daniel Gericke) หนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเคยเป็นสายลับไซเบอร์ที่ล้วงข้อมูลชาวอเมริกันไปให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งทางกระทรวงยุติธรรมได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น คำแถลงของ ExpressVPN ที่ออกมายอมรับภายหลังว่ารู้ประวัติเบื้องลึกของแกริคมาก่อนหน้านี้ ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับพนักงานมากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ บริษัทชี้แจงว่าไม่รู้รายละเอียดการสืบสวนที่เกิดขึ้นหรือการทำงานให้กับรัฐบาลยูเออี นอกจากนี้ ในห้วงระหว่างการสืบสวนของเอฟบีไอ ทาง ExpressVPN ยังได้เลื่อนตำแหน่งให้กับอดีตสายลับผู้นี้ แกริคได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (Chief Technology Officer – CTO) ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขายังคงดำรงอยู่ในปัจจุบัน ภายหลังที่ศาลได้มีการเปิดเผยการกระทำผิดของแกริคและอดีตสายลับอีกสองคน เขาได้ส่งอีเมลถึงพนักงานว่า “ผมเข้าใจดีว่าข่าวแบบนี้คงจะทำให้ตกใจหรือแม้แต่สร้างความไม่สบายใจ” และให้คำมั่นว่าที่ผ่านมาเขาได้ใช้ทักษะความสามารถที่มีในการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความมั่นคงปลอดภัยของลูกค้า ในช่วงถามตอบที่คณะผู้บริหารเปิดให้พนักงานแสดงความคิดเห็นเกี่่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ในบริษัทเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พนักงานต่างแสดงไม่พอใจต่อบริษัทเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น พนักงานคนหนึ่งถามว่า “ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ได้ทำลายความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อบริษัท เราจะกอบกู้ชื่อเสียงของเราได้อย่างไร?” โดยมีพนักงานกว่า 40 คนที่ออกความเห็นสนับสนุนคำถามนี้ รวมถึงคำถามอื่นที่แสดงความไม่พอใจต่อการดำรงตำแหน่งของแกริค   —————————————————————————————————————————– ที่มา :…

ซีไอเอย้ายหัวหน้าสถานีออสเตรีย ล้มเหลวจัดการ “ฮาวานา ซินโดรม”

Loading

  ผู้อำนวยการซีไอเอย้ายหัวหน้าสถานีซีไอเอประจำกรุงเวียนนา เพราะไม่สามารถสนองต่อภาวะ “ฮาวานา ซินโดรม” ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ว่า เดอะ วอชิงตัน โพสต์ รายงานโดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า นายวิลเลียม เบิร์นส ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง ( ซีไอเอ ) สั่งย้ายหัวหน้าสถานีซีไอเอประจำกรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย เนื่องจากไม่สามารถดำเนินการตอบสนองต่อภาวะฮาวานา ซินโดรม ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ นักการทูตสหรัฐในออสเตรียมากกว่า 20 คน มีการผิดปกติทางร่างกายในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่คือปวดศีรษะ วิงเวียนและคลื่นไส้ โดยผู้ป่วยหลายคนบอกว่า “ได้ยินเสียงดังสนั่น” ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนศีรษะได้รับแรงกระแทกอย่างหนัก แต่แหล่งกำเนิดเสียงยังไม่ทราบแน่ชัด   Scoop: CIA station chief in Vienna recalled amid criticisms of management and handling of…

จีนพบจุดอ่อนโดรนพิฆาตสหรัฐฯ ชี้รุ่น XQ-58A ทำศึกกลางเวหาได้ไม่ดี

Loading

  จีนรับรู้ถึงข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ ที่สำคัญบางประการของโดรนต่อสู้ล่องหน ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพัฒนาของสหรัฐฯ ชี้ศึกษาเพื่อเตรียมพร้อมรับมือ หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน   จุดอ่อนของโดรนสหรัฐฯ ผ่านสายตาแดนมังกร   วิศวกรการบินชาวจีน พบว่า XQ-58A Valkyrie อากาศยานต่อสู้ไร้คนขับที่สหรัฐฯ กำลังพัฒนา ต่อสู้ทางอากาศได้ไม่ดีนัก โดยเป็นผลการประเมินจากภาพถ่ายและข้อมูลที่เปิดเผย รวมถึงการใช้วิธีตรวจสอบเชิงวิศวกรรมย้อนกลับ ตัวอย่างเช่น เมื่อทำการเลี้ยวเป็นรูปตัว “U” หรือยูเทิร์น โดรนสหรัฐฯ สามารถทนต่อแรงดึงได้เพียง 1.7 เท่าของแรงโน้มถ่วง ซึ่งในการต่อสู้แบบอุตลุด เครื่องบินขับไล่ส่วนใหญ่ต้องเบรกต้านแรงดึงดูดได้เจ็ดเท่าหรือสูงกว่านั้น นักวิจัยกล่าวว่า นี่คือจุดอ่อน แต่ถึงอย่างนั้นการออกแบบที่ผิดปกติ ยังส่งสัญญาณถึงปัญหาใหญ่ในกองทัพสหรัฐฯ ด้วย วิศวกรอาวุโส ลู่ หยวนเจี๋ย และคณะทำงานที่สถาบันออกแบบและวิจัยอากาศยานเสิ่นหยาง ระบุในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสาร Aircraft Design ว่า “จากการผกผันของกระบวนการออกแบบ XQ-58A จะเห็นได้ว่า ด้วยความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีการส่งข้อมูลเครือข่าย ‘loyal wingman’ ของ XQ-58A จะค่อย ๆ…

เกลือเป็นหนอน พนักงาน AT&T รับจ้างลงมัลแวร์ในเซิร์ฟเวอร์บริษัทเพื่อปลดล็อคโทรศัพท์ติดสัญญา

Loading

  กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ รายงานถึงคดีของ Muhammad Fahd ชาวปากีสถานที่ถูกตัดสินโทษจำคุก 12 ปีฐานปลดล็อคโทรศัพท์ติดสัญญาของเครือข่าย AT&T ในสหรัฐฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตไปถึง 1.9 ล้านเครื่อง มูลค่าความเสียหาย 201 ล้านดอลลาร์ Fahd อาศัยการติดสินบนให้พนักงานช่วยปลดล็อคโทรศัพท์ให้ตั้งแต่ปี 2012 แต่ต่อมาบริษัทก็ปรับปรุงกระบวนการปลดล็อกโทรศัพท์ให้แน่นหนาขึ้น Fahd จึงหันไปจ้างนักพัฒนามาสร้างมัลแวร์สำหรับเซิร์ฟเวอร์ของ AT&T โดยเฉพาะ จากนั้นก็จ้างพนักงานของ AT&T ให้ติดตั้งมัลแวร์เพื่อขโมยรหัสผ่านจากพนักงานคนอื่นๆ เมื่อเข้าถึงเซิร์เวอร์ที่เกี่ยวข้องได้แล้วก็สามารถปลดล็อคโทรศัพท์ได้ทีละมากๆ สหรัฐฯ ตามจับ Fahd มาตั้งแต่ปี 2017 และจับได้จากฮ่องกงในปี 2018 เขายอมรับสารภาพเมื่อเดือนกันยายน 2020 ที่มา – Justice.gov   ———————————————————————————————————————————– ที่มา : Blognone by lew      / วันที่เผยแพร่   20 ก.ย.2564 Link :…