วุฒิสภาสหรัฐฯ สอบระบบรักษาความปลอดภัยอาคารรัฐสภาในวันเกิดเหตุจลาจล

Loading

  คณะกรรรมาธิการ 2 คณะของวุฒิสภาสหรัฐฯ เดินหน้าสอบสวนเหตุก่อการจลาจลบุกยึดอาคารเมื่อวันที่ 6 มกราคม โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นความล้มเหลวด้านการรักษาความปลอดภัยและการบังคับใช้กฎหมายในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยในวันอังคารตามเวลาในสหรัฐฯ คณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิและคณะกรรมาธิการด้านกิจการรัฐบาลวุฒิสภาเชิญผู้มีส่วนรับผิดชอบด้านการรักษาความปลอดภัยในวันเกิดเหตุ ซึ่งบางรายลาออกจากตำแหน่งไปหลังการจลาจลผ่านพ้นไป วุฒิสมาชิก เอมี โคลบูชา บอกกับผู้สื่อข่าวของ The Associated Press ว่า สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อกรณีที่ว่า หน่วยงานด้านการรักษาความปลอดภัยทั้งหลายมีการแบ่งปันข้อมูลก่อนเกิดเหตุอย่างไรบ้าง และประเด็นช่วงเวลาการส่งกองกำลังสำรองของรัฐเข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำรัฐสภา รวมทั้ง เรื่องของโครงสร้างการสั่งการของหน่วยงานทั้งหลายที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยของอาคารรัฐสภา ซึ่งมีส่วนทำให้การรักษาความปลอดภัยในวันเกิดเหตุล้มเหลว ส.ว. โคลบูชา กล่าวด้วยว่า คณะกรรมาธิการทั้งสองจะจัดให้มีการไต่สวนรับฟังข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้อย่างน้อย 1 ครั้ง เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับการรับมือกับเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยกระทรวงกลาโหม กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และสำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) ด้วย เหตุจลาจลที่เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนมกราคม ระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ กำลังดำเนินกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งการนับคะแนนโดยคณะผู้แทนเลือกตั้งในแต่ละรัฐสรุปว่า โจ ไบเดน คือผู้ชนะและจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศต่อจาก โดนัลด์ ทรัมป์ โดยกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีเป็นผู้ก่อเหตุบุกเข้าอาคารรัฐสภา ทำลายทรัพย์สิน และปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่เหล่าสมาชิกรัฐสภาต้องหลบหนีออกจากห้องประชุมเพื่อความปลอดภัย ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง พร้อมรายงานการเสียชีวิตของทั้งผู้ร่วมก่อเหตุและเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำรัฐสภา รวมทั้งหมด 5…

ไบเดนร้องสภาคองเกรสคุมเข้มกม.อาวุธปืน เนื่องในโอกาสครบรอบเหตุกราดยิงที่ฟลอริดา

Loading

นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสคุมเข้มกฎหมายควบคุมอาวุธปืน โดยคำเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 3 ปีเหตุคนร้ายใช้ปืนกราดยิงในโรงเรียนมัธยมที่รัฐฟลอริดา     เมื่อ 3 ปีที่แล้ว คนร้ายได้ใช้ปืนกราดยิงในโรงเรียนมัธยม “มาจอริตี้ สโตนแมน ดั๊กลาส” ซึ่งตั้งอยู่ในเขตปาร์คแลนด์ ทางตอนเหนือของเมืองไมอามี รัฐฟลอริดาของสหรัฐ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 17 คน และบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า คนร้ายซึ่งเป็นวัยรุ่นอายุประมาณ 18 ปี ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจแล้ว ปธน.ไบเดน ได้เรียกร้องให้มีการตรวจสอบประวัติการขายปืนทุกรายการ ห้ามขายอาวุธร้ายแรงและที่ใส่กระสุนความจุสูง และยกเลิกความคุ้มกันทางกฎหมายสำหรับผู้ผลิตปืน ปธน.ไบเดน ระบุในแถลงการณ์ว่า “รัฐบาลชุดนี้จะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุกราดยิงอีกครั้งถึงจะหันมาใส่ใจข้อเรียกร้องนี้อย่างจริงจัง เราจะดำเนินการเพื่อยุติความรุนแรงจากอาวุธปืน และทำให้โรงเรียนและชุมชนของเราปลอดภัยกว่าเดิม” ด้านนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ระบุในแถลงการณ์ว่า สภาคองเกรสจะทำงานร่วมกับรัฐบาลของปธน.ไบเดน เพื่อออกกฎหมายตรวจสอบประวัติ 2 ฉบับ ได้แก่ กฎหมาย Bipartisan Background Checks Act และ Enhanced Background Checks…

พกปืนมาด้วย?! สนามบินสหรัฐฯ ยึดปืนจากผู้โดยสารเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวเมื่อปีก่อน

Loading

  สำนักงานดูแลความปลอดภัยด้านการคมนาคมของสหรัฐฯ หรือ TSA เผยหน่วยงานด้านความปลอดภัยที่สนามบินทั่วอเมริกา ยึดอาวุธปืนจากผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเท่าตัว ทำสถิติใหม่เมื่อปีที่แล้ว ตามรายงานของ Associated Press หน่วยงาน TSA เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า เมื่อปี 2020 เพียงปีเดียว เจ้าหน้าที่ตามจุดตรวจที่สนามบินทั่วประเทศ ยึดอาวุธปืนจากผู้โดยสารเที่ยวบินต่างๆ หรือจากกระเป๋าสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่องบินของผู้โดยสารได้ราว 3,257 กระบอก หรือเท่ากับว่าผู้โดยสาร 1 ล้านคน จะมีอาวุธปืนติดตัวมาด้วยราว 10 คน ขณะที่อาวุธปืนราว 83% อยู่ในสัมภาระที่เก็บใต้ท้องเครื่อง ที่น่าสนใจคือ การยึดอาวุธปืนที่สนามบินต่างๆ ในอเมริกาเพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2019 จากที่ผู้โดยสารเครื่องบินเฉลี่ย 5 คน จากทุกๆ 1 ล้านคน จะพกพาอาวุธปืนมาที่สนามบิน แต่ยอดนักท่องเที่ยวเดินทางโดยเครื่องบินในปี 2019 มากกว่าในปี 2020 ถึง 500 ล้านคน จากวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้การเดินทางโดยเครื่องบินลดฮวบ ทาง TSA ยังพบว่า 5 สนามบินในอเมริกาที่พบการพกพาอาวุธปืนของผู้โดยสารมากที่สุดเมื่อปีที่แล้ว…

รวบหนุ่มห้าววัย27ปี ขู่’ฆ่าตัดคอ’ประธานาธิบดี’ไบเดน’

Loading

  หนุ่มอเมริกันชาวรัฐนอร์ธแคโรไลนา ถูกจับกุมและตั้งข้อหาส่งฟ้องศาลดำเนินคดี ฐานขู่จะฆ่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และบุคคลสำคัญอื่นๆ ในคณะรัฐบาล     สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นและรอยเตอร์ รายงานจากเมืองชาร์ลอตต์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ว่า นายเดวิด ไคยล์ รีฟส์ อายุ 27 ปี ชาวเมืองแกสโตเนีย รัฐนอร์ทแคโรไลนา ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ฐานเจตนาข่มขู่จะสังหาร และทำลายศพ ประธานาธิบดีสหรัฐ อัยการเผยว่า ระหว่างวันที่ 28 ม.ค. – 1 ก.พ. 2564 รีฟส์โทรศัพท์ถึงแผนกรับสายโทรศัพท์ประจำทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน หลายครั้ง พูดขู่จะสังหารประธานาธิบดีโจ ไบเดน และบุคคลสำคัญอื่นๆ ในรัฐบาล โดยในการโทรศัพท์ครั้งหนึ่ง รีฟส์กล่าวว่า เขาจะฆ่าทุกคนและตัดศีรษะให้ขาดหลุดออกจากบ่า     นอกจากนั้น รีฟส์ยังโทรศัพท์ถึงเจ้าหน้าที่ หน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐ (Secret…

FBI เตือนผู้ประกอบการระวังการใช้ TeamViewer และ Windows 7 หลังเกิดเหตุโรงงานบำบัดน้ำถูกแฮ็ก

Loading

เมื่อไม่กี่วันก่อนหลายท่านอาจจะเห็นข่าวที่ว่าโรงงานบำบัดน้ำในรัฐฟลอริดาถูกแฮ็กเกอร์ลอบเข้าไปปรับระดับสารเคมีสู่ระดับอันตราย ซึ่งหลังจากการสืบสวนทาง FBI จึงได้ออกเตือนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ ให้ระวังการใช้งาน TeamViewer และ Windows 7 ออกมา ในเหตุการณ์ครั้งนั้นได้รับการยืนยันแล้วว่า TeamViewer คือจุดทางเข้าของคนร้ายเพื่อเข้ามาในโรงงาน ด้วยเหตุนี้ FBI จึงได้มีการเตือนให้ระวังการใช้โซลูชัน Desktop Sharing เป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังพบว่าโรงงานดังกล่าวยังคงใช้ Windows 7 กันอยู่บ้าง ซึ่งคล้ายกับอีกหลายโรงงานที่ยังไม่มีงบพอที่จะเปลี่ยนใหม่ อย่างไรก็ดีถึงแม้ยังไม่พบการโจมตีของคนร้ายในช่องโหว่บน Windows 7 แต่ก็ออกเตือนเอาไว้ก่อนเพราะการใช้ OS ที่ Vendor ไม่สนับสนุนอีกต่อไปนั้นอันตรายอย่างยิ่ง สำหรับวิธีการป้องกันมีหลักการเบื้องต้นดังนี้ ใช้งาน multi-factor authentication ใช้รหัสผ่านสำหรับ RDP ที่แข็งแรง จัดหาและเปิดโซลูชันป้องกันต่างๆ เช่น Spam Filter, Anti-virus และ Firewall พร้อมคอนฟิคอย่างรัดกุมและอัปเดตให้ล่าสุดเสมอ ตรวจสอบการป้องกันระดับเครือข่ายว่ามีการแบ่งแยกโซนดีหรือยัง ไม่ว่าจะเป็นระบบและความเก่าใหม่ ตรวจสอบการใช้งาน RDP และเปิดใช้ 2FA หากทำได้ ตรวจสอบ…

สุดพิเรนทร์! แฮกเกอร์ป่วน ‘โรงประปา’ ฟลอริดา ป้อนคำสั่งเติม ‘โซดาไฟ’ เพิ่ม 100 เท่า!!

Loading

  ทางการสหรัฐฯ เผยมีกลุ่มแฮกเกอร์โจมตีระบบจ่ายน้ำประปาของเมืองแห่งหนึ่งในรัฐฟลอริดา โดยป้อนคำสั่งเพิ่มปริมาณ “โซดาไฟ” เกินกว่าปกติถึง 100 เท่า แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบความผิดปกติได้ทัน และไม่มีประชาชนได้รับอันตราย อย่างไรก็ตาม บ็อบ กูอัลทิเอรี ผู้ปกครองเทศมณฑลพิเนลลัส ชี้ว่านี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่อระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของสหรัฐฯ ผู้ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ของโรงกรองน้ำเมืองโอลด์สมาร์ (Oldsmar) ตรวจพบเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่แล้ว (5) ว่า มีใครบางคนกำลังเข้าถึงซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงานของโรงงานจากระยะไกล โดยบุคคลปริศนาได้เลื่อนเมาส์ไปยังปุ่มฟังก์ชันต่างๆ อยู่นานหลายนาที ก่อนจะสั่งเพิ่มปริมาณ “โซเดียมไฮดรอกไซด์” หรือโซดาไฟลงในน้ำ โดยปกติแล้วสารชนิดนี้จะถูกเติมในปริมาณเพียงเล็กน้อยเพื่อควบคุมค่าความเป็นกรดและแยกโลหะออกจากน้ำ ก่อนที่น้ำจะถูกจ่ายไปยังผู้บริโภค แฮกเกอร์รายนี้ได้สั่งเพิ่มปริมาณโซเดียมไฮดรอกไซด์จากอัตราส่วน 100 ต่อ 1,000,000 เป็น 11,100 ต่อ 1,000,000 หรือเกินค่าปกติถึง 100 เท่าตัว ก่อนที่จะออกจากระบบไป “มันเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นจนเข้าข่ายอันตราย แต่โชคดีที่เราสามารถตรวจพบในทันที” กูอัลทิเอรี เผยกับสื่อมวลชน พร้อมยืนยันว่าไม่มีผู้ใช้น้ำได้รับอันตรายจากเหตุการณ์นี้ เนื่องจากต้องใช้เวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงกว่าน้ำประปาที่ถูกเติมโซเดียมไฮดรอกไซด์เกินขนาดจะถูกจ่ายไปถึงผู้บริโภคในเมือง ซึ่งระหว่างนั้นระบบความปลอดภัยของโรงกรองน้ำก็จะแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ให้ทราบถึงคุณภาพน้ำที่เปลี่ยนแปลงไป สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) และหน่วยซีเคร็ตเซอร์วิสได้รับการประสานให้เข้ามาช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ยังไม่สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้ พนักงานสอบสวนยังไม่ฟันธงว่าปฏิบัติการโจมตีครั้งนี้เป็นฝีมือของบุคคลที่อยู่ภายในหรือนอกสหรัฐอเมริกา และเหตุใดโรงกรองน้ำโอลด์สมาร์จึงตกเป็นเป้าหมาย…