เร่งตรวจสอบ ‘ภาพ-บันทึกคนเข้า’ ไขปริศนา ‘โคเคน’ ในทำเนียบขาว

Loading

    หน่วยสืบราชการลับกำลังเร่งสอบสวนเพื่อไขปริศนาว่าใครคือเจ้าของโคเคนที่พบในเวสต์วิง ของทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องต่าง ๆ รวมถึงบันทึกของผู้เดินทางเข้ามาในทำเนียบขาวด้วย   แหล่งข่าวที่ทราบข้อมูลของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระบุว่า โคเคนเหล่านี้ถูกพบอยู่ในหลุมเล็ก ๆ บริเวณทางเข้าเวสต์วิง ซึ่งผู้มาเยี่ยมชมจะวางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และสิ่งของอื่น ๆ ก่อนที่จะไปเข้าร่วมทัวร์รับชมทำเนียบขาว   หน่วยสืบราชการลับกำลังตรวจสอบทั้งบันทึกรายชื่อผู้เข้าชม และไล่ดูภาพจากกล้องต่าง ๆ และยังมีการตรวจสอบอื่น ๆ เพื่อยืนยันข้อมูลให้ถูกต้องที่สุดด้วย   คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า จุดที่พบมันเป็นพื้นที่ที่มีผู้คนเดินผ่านไปมาค่อนข้างหนาแน่น และยังเป็นจุดที่ผู้ที่เดินทางมาเยี่ยมชมเวสต์วิงจะต้องเดินผ่าน   เมื่อสอบถามว่ามีใครที่ถูกตรวจหายาเสพติดตกค้างหรือไม่ ฌอง-ปิแอร์กล่าวว่า เราจะดำเนินการใด ๆ ก็ตามที่เหมาะสมและตามเหตุผลอันสมควร โดยขอให้รอผลการตรวจสอบจากหน่วยสืบราชการลับต่อไป   ทั้งนี้ ในสหรัฐ การมีโคเคนซึ่งเป็นยาเสพติดที่ถูกบรรจุไว้ในตารางที่ 2 ในพระราชบัญญัติควบคุมยาเสพติดของสหรัฐอยู่ในความครอบครอง ถือเป็นความผิดทางอาญาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.           —————————————————————————————————————————————— ที่มา…

เพนตากอนเตรียมคุมเข้ม-ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย หลังเอกสารลับรั่วไหล

Loading

    กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา หรือ ‘เพนตากอน’ เตรียมคุมเข้มและยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย หลังเอกสารลับทางการสหรัฐฯ รั่วไหลครั้งใหญ่   ทางการสหรัฐฯ จึงแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ควบคุมระดับการเข้าถึงข้อมูลลับสุดยอด รวมถึงติดตั้งระบบตรวจจับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อติดตามการเผยแพร่ไฟล์ลับผ่านช่องทางออนไลน์โดยไม่ได้รับอนุญาต เบื้องต้น แจ็ก เตเซรา อดีตนักบินวัยเพียง 21 ปี ถูกตั้งข้อหาเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว ซึ่งเขายังคงให้การปฏิเสธ   เพนตากอนได้รับคำสั่งจาก ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ให้ทบทวนนโยบายและขั้นตอนการปฏิบัติงานต่าง ๆ ของตนเป็นระยะเวลา 45 วัน หลังเกิดเหตุข้อมูลลับรั่วไหลครั้งใหญ่ ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการเพิ่มการกำกับดูแลผู้ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลลับด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ให้มากยิ่งขึ้น   ด้านเจ้าหน้าที่อาวุโสประจำกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผยว่า ระบบรักษาความปลอดภัยของเพนตากอนมีปัญหาในการก้าวให้ทันกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนบุคลากรที่ผ่านการตรวจสอบและจำนวนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทั้งหลายที่สามารถเข้าถึงข้อมูลลับระดับต่าง ๆ ได้ แม้ว่านโยบายที่มีอยู่บางส่วนจะได้รับการเสริมความแข็งแกร่ง แต่นโยบายของเพนตากอนก็ถือว่ายังมีช่องโหว่อยู่บ้าง และรอการปรับปรุงแก้ไขให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น   ขณะนี้ เตเซรายังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดี หลังจากที่เขาถูกจับกุมตัวเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีความผิดฐานเผยแพร่เอกสารลับของทางการสหรัฐฯ บนแพลตฟอร์มห้องแชตออนไลน์อย่าง Discord ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่เกมเมอร์ทั้งหลาย   อัยการในคดีนี้เปิดเผยว่า เตเซราได้เผยแพร่ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ…

สังคมโลก : การทูตเรือดำน้ำ

Loading

แนวคิดที่เรียกว่า “การทูตเครื่องบินทิ้งระเบิด” ซึ่งสหรัฐใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ บี-52 กับ บี-1 ร่วมกับเครื่องบินขับไล่ พร้อมกับส่งข้อความเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับการป้องปราม ไปยังจีนและเกาหลีเหนือ หรือรัสเซีย ยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพันธมิตรของสหรัฐ   แม้การป้องปราม หรือการสร้างความมั่นใจ จะทำได้โดยใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด แต่ดูเหมือนตอนนี้ เรือดำน้ำนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นเรือดำน้ำติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีพลังงานนิวเคลียร์ (เอสเอสบีเอ็น) กำลังเข้าสู่ภารกิจเดียวกัน หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น “การทูตเรือดำน้ำ”   เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา สหรัฐกับเกาหลีใต้ร่วมลงนามในเอกสารฉบับใหม่ที่เรียกว่า “ปฏิญญาวอชิงตัน” ซึ่งสหรัฐให้คำมั่นที่จะยกระดับการมองเห็นทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์ในคาบสมุทรเกาหลีให้มากขึ้น ตลอดจนขยายและกระชับความร่วมมือระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น   นอกเหนือจากการตัดสินใจก่อตั้งหน่วยงานใหม่ระหว่างสองประเทศตามปฏิญญาวอชิงตัน ซึ่งเรียกว่า “กลไกความร่วมมือที่ปรึกษานิวเคลียร์” (เอ็นซีจี) แนวคิดของการส่งเอสเอสบีเอ็นไปเทียบท่าในเกาหลีใต้ ถูกมองว่าเป็นมาตรการสร้างความมั่นใจใหม่ที่รัฐบาลโซลได้รับจากสหรัฐ โดยแลกกับการที่เกาหลีใต้ต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (เอ็นพีที)   อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ใช่แนวคิดใหม่เสียทีเดียว เนื่องจากมันเคยปรากฏในรายงาน การทบทวนสถานการณ์นิวเคลียร์ (เอ็นพีอาร์) เมื่อเดือน ต.ค. 2565 ว่าสหรัฐจะทำงานร่วมกับพันธมิตรและหุ้นส่วน เพื่อหาโอกาสในการเพิ่มการมองเห็นของทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจอันแน่วแน่ของสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็น การเทียบท่าของเรือดำน้ำติดตั้งขีปนาวุธนำวิถี…

รุนแรงขึ้น! กราดยิง 3 เหตุการณ์ ก่อนหยุดยาววันชาติสหรัฐฯ ‘ไบเดน’ ชี้ต้องปฎิรูปกม.

Loading

    เหตุความรุนแรงจากอาวุธปืนในสหรัฐฯ Gun Violence Archive เอ็นจีโอที่รวบรวมสถิติเหตุรุนแรงจากปืนในสหรัฐฯ ระบุว่า ช่วงครึ่งปีแรก มากกว่า 340 ครั้ง   ก่อนวันหยุดยาว วันชาติสหรัฐฯ 4 ก.ค.66 เกิดเหตุกราดยิงในฟิลาเดลเฟีย บัลติมอร์ และฟอร์ตเวิร์ธ รัฐเท็กซัส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บอีกเกือบ 40 คน ทั้ง 3 เหตุการณ์ ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน เจ้าหน้าที่ ระบุว่า เป็นการย้ำเตือนให้เห็นถึงความล้มเหลวยาวนานหลายทศวรรษในการควบคุมความรุนแรงจากอาวุธปืนในสหรัฐฯ   ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันอังคาร 4 ก.ค.66 ประณามความรุนแรงและเรียกร้องอีกครั้งให้เข้มงวดกับกฎหมายปืนที่หละหลวม ประเทศของเราต้องทนกับเหตุการณ์กราดยิงที่น่าสลดใจ เรียกร้องให้สมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในสภาคองเกรส หารือกันเกี่ยวกับการปฏิรูปกฎหมายควบคุมอาวุธปืนเพื่อสร้างความปลอดภัยในสังคม เนื่องจาก ความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนได้ทำลายชุมชนชาวอเมริกัน   เหตุกราดยิงในเมืองฟอร์ตเวิร์ธ รัฐเท็กซัส มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และ บาดเจ็บ…

เจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐฯ พบสารโคเคนที่ทำเนียบขาว

Loading

เมื่อ 2 ก.ค.66 เจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐฯ (The United States Secret Service – USSS) เข้าตรวจสอบสถานที่ทำเนียบขาวตามภารกิจเวลา 18.00 น. และค้นพบผงสีขาวต้องสงสัยบริเวณส่วนกลางของพื้นที่ปีกตะวันตกในทำเนียบขาว จึงได้ยกระดับแจ้งเตือนความปลอดภัย โดยสั่งอพยพเจ้าหน้าที่ทั้งหมดออกจากอาคารและปิดทำเนียบขาวเป็นการชั่วคราว รวมถึงเรียกเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมด้วยทีมวัตถุอันตรายของหน่วยงานดับเพลิงและบริการการแพทย์ฉุกเฉินเขตปกครองพิเศษโคลัมเบีย (DC Fire & EMS) เข้าตรวจสอบเวลา 20.49 น. ซึ่งผลทดสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นโคเคน ด้านนาย Anthony Guglielmi โฆษกของ USSS กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบสารดังกล่าวเพิ่มเติม รวมทั้งสอบสวนหาสาเหตุและวิธีการนำสารเข้ามายังทำเนียบขาว และอ้างถึงหน่วยงาน DC Fire & EMS ที่ระบุว่าสารซึ่งพบในพื้นที่นั้น “ไม่ถือเป็นภัยคุกคาม” ทั้งนี้ ขณะพบสารดังกล่าวประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่ได้อยู่ที่ทำเนียบขาว —————————————————————————————————————————————— ที่มา :               …

สหรัฐฯ เตือนพลเมืองเลี่ยงเดินทางไป ‘จีน’ อ้างมีความเสี่ยง ‘ถูกจับโดยพลการ’

Loading

    สหรัฐฯ ประกาศเตือนพลเมืองให้ทบทวนการเดินทางไปจีน โดยอ้างถึงความเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อการบังคับใช้กฎหมายตามอำเภอใจ การถูกห้ามออกนอกประเทศ รวมถึงการถูกคุมขังอย่างไม่เป็นธรรม   ทางการสหรัฐฯ ไม่ได้ยกเคสตัวอย่างมาประกอบ แต่คำเตือนนี้มีขึ้นหลังจากที่พลเมืองอเมริกันวัย 78 ปี ถูกศาลจีนพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตในความผิดฐานเป็นสปาย เมื่อเดือน พ.ค.   สัปดาห์ที่แล้ว จีนเพิ่งผ่านร่างกฎหมายความสัมพันธ์ต่างประเทศ (Foreign Relations Law) ที่กำหนดมาตรการตอบโต้ต่อบุคคลหรือองค์กรซึ่งบ่อนทำลายผลประโยชน์ของจีน และก่อนหน้านั้นก็มีการแก้ไขกฎหมายต่อต้านการจารกรรม โดยขยายคำนิยาม “การจารกรรม” ให้กว้างขวางยิ่งกว่าเดิม รวมถึงออกกฎหมายแซงก์ชั่นพวกนักวิจารณ์ต่างชาติด้วย   “รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นอย่างคลุมเครือ รวมถึงมีการห้ามไม่ให้พลเมืองสหรัฐฯ และพลเมืองชาติอื่น ๆ เดินทางออกจากจีน โดยปราศจากกระบวนการตามกฎหมายที่โปร่งใส” คำเตือนการเดินทางของสหรัฐฯ ระบุ   “พลเมืองสหรัฐฯ ซึ่งเดินทางหรืออาศัยอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนอาจถูกควบคุมตัว โดยไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านกงสุล หรือข้อมูลเกี่ยวกับความผิดที่ตนถูกกล่าวหา”   สหรัฐฯ ยังอ้างด้วยว่า ทางการจีน “ดูเหมือนจะให้คำนิยามที่กว้างขวางมากเกี่ยวกับเอกสาร ข้อมูล สถิติ หรือวัสดุที่จัดเป็นความลับของรัฐบาล (state secrets) เพื่อที่จะจับกุมและดำเนินคดีกับชาวต่างชาติในข้อหาจารกรรม”   สหรัฐฯ…