ผู้เชี่ยวชาญพบ Lazarus กลุ่มแฮ็กเกอร์เกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลังการโจมตีสถาบันวิจัยและองค์กรด้านการแพทย์หลายแห่ง

Loading

    WithSecure บริษัทด้านไซเบอร์พบว่าปฏิบัติการสอดแนมทางไซเบอร์ที่บริษัทตั้งชื่อให้ว่า No Pineapple! แท้จริงแล้วมี Lazarus กลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลัง   No Pineapple! สามารถขโมยข้อมูลขนาด 100 กิกะไบต์จากเป้าหมายได้อย่างลับ ๆ ด้วยการใช้ช่องโหว่ของเซิร์ฟเวอร์อีเมล Zimbra โดยที่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับเหยื่อแต่อย่างใด   ช่องโหว่ทั้ง 2 ตัวที่ว่านี้คือ CVE-2022-27925 ที่เป็นช่องทางเปิดใช้โค้ดจากระยะไกล และ CVE-2022-37042 ที่เปิดโอกาสในการทะลุการระบุตัวตนได้ ทั้งนี้ ล่าสุดช่องโหว่ทั้ง 2 ตัวนี้ได้รับการแก้ไขไปแล้ว   โดยปฏิบัติการนี้เกิดขึ้นระหว่างช่วงเดือนสิงหาคมจนถึงพฤศจิกายน 2022 และมุ่งเป้าไปที่องค์กรด้านการแพทย์ วิศวกรรมเคมี พลังงาน การทหาร และสถาบันวิจัย   WithSecure สามารถเชื่อมโยง No Pineapple! เข้ากับ Lazarus โดยอาศัยหลักฐานหลายอย่าง ขณะที่ก็ใช้การเฝ้าดูกลยุทธ์และรูปแบบการโจมตีด้วย เช่น การใช้ที่อยู่ไอพีที่ไม่มีชื่อโดเมน และการใช้มัลแวร์ Dtrack และ GREASE…

ตึงเครียด! โตเกียวยิงจรวด บ.มิตซูบิชิ เฮฟวีส่ง “ดาวเทียมจารกรรมลับ” สอดแนมความเคลื่อนไหว “เกาหลีเหนือ” หลังดาวเทียมทหารเรดาร์ญี่ปุ่นปฏิบัติการระดับวงโคจร 5 ดวง

Loading

    เอพี/MGRออนไลน์ – โตเกียววันพฤหัสบดี (26 ม.ค.) ประสบความสำเร็จส่งจรวด H2A ของบริษัทมิตซูบิชิ เฮฟวี อินดัสตรีส์ นำดาวเทียม IGS-Radar 7 จารกรรมลับของรัฐบาลขึ้นสู่วงโคจร เป้าหมายเพื่อสอดแนมความเคลื่อนไหวทางการทหารเกาหลีเหนือ และเพื่อพัฒนาการรับมือต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเสริมสร้างขุมกำลังทางการทหารของญี่ปุ่น หลังเชื่อมีภัยคุกคามเพิ่มในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ญี่ปุ่นปัจจุบันมีดาวเทียมทหารเรดาร์ 5 ดวงปฏิบัติการระดับวงโคจร   เอพีรายงานวันนี้ (26 ม.ค.) ว่า จรวด H2A ของบริษัทมิตซูบิชิ เฮฟวี อินดัสตรีส์ (Mitsubishi Heavy Industries Ltd) ประสบความสำเร็จถูกปล่อยออกมาจากศูนย์อวกาศเทเนกาชิมา (Tanegashima Space Center) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น วันพฤหัสบดี (26) เมื่อเวลา 10.50 น.ตามเวลาท้องถิ่น อ้างอิงเวลาจาก NHK ของญี่ปุ่น   ทั้งนี้ ศูนย์อวกาศเทเนกาชิมา เป็นขององค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น หรือ…

เอฟบีไอชี้เกาหลีเหนือ แฮ็กบล็อกเชน “ฮาร์โมนี” สูญ 3,000 ล้านบาท

Loading

    หน่วยงานสอบสวนของรัฐบาลวอชิงตัน กล่าวว่า กลุ่มแฮกเกอร์ซึ่งได้รับความสนับสนุนจากเกาหลีเหนือ โจมตีบล็อกเชนของผู้พัฒนาในสหรัฐ เมื่อปีที่แล้ว สร้างความเสียหายมากกว่า 3,000 ล้านบาท   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่า สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ออกแถลงการณ์ว่า “ลาซารัส กรุ๊ป” และ “เอพีที38” ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือ อยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์ ต่อระบบ “ฮาร์โมนี ฮอไรซอนส์ บริดจ์” ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมบล็อกเชนของบริษัทฮาร์โมนี หนึ่งในผู้พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนสกุลเงินดิจิทัลของสหรัฐ เมื่อเดือน มิ.ย. ปีที่แล้ว และสร้างความเสียหายมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,276.80 ล้านบาท)   Two hacker groups associated with North Korea, the Lazarus Group and APT38, were…

กองทัพเกาหลีใต้ยอมรับ โดรนเกาหลีเหนือล้ำเขตห้ามบินรอบทำเนียบ ปธน.

Loading

  กองทัพเกาหลีใต้ยอมรับว่า โดรนของเกาหลีเหนือรุกล้ำเขตห้ามบินรอบทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงโซล ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องประสิทธิภาพของระบบป้องกันทางอากาศของประเทศ   เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 ม.ค. 2566 กองทัพของประเทศเกาหลีใต้ออกมายอมรับว่า อากาศยานไร้พลขับ หรือ โดรน ของเกาหลีเหนือลำหนึ่ง บินเข้าสู่พื้นที่ทางตอนเหนือของเขตห้ามบินรัศมี 3.7 กม. รอบทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงโซล ในตอนที่มันรุกล้ำน่านฟ้าของประเทศเมื่อปลายเดือนก่อน   เจ้าหน้าที่กองทัพบอกกับสำนักข่าว ยอนฮัป ของเกาหลีใต้ว่า โดรนลำนี้บินรุกล้ำชายขอบทางตอนเหนือของเขตห้ามบินเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ไม่ได้เข้าใกล้อาคารความมั่นคงสำคัญใด ๆ   ทั้งนี้ โดรนดังกล่าวเป็นหนึ่งในอากาศยานไร้คนขับของเกาหลีเหนือ 5 ลำ ที่บินรุกล้ำชายแดนเข้าสู่น่านฟ้าของเกาหลีใต้เมื่อ 26 ธ.ค. 2565 จนทำให้กองทัพเกาหลีใต้ต้องส่งเครื่องบินขับไล่และเฮลิคอปเตอร์จู่โจมออกปฏิบัติการ อย่างไรก็ตาม กองทัพไม่ได้ยิงทำลายโดรนฝูงนี้ และปล่อยให้มันบินในน่านฟ้าของประเทศนานหลายชั่วโมง   การรุกล้ำน่านฟ้าของโดรนฝูงนี้ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ระบบป้องกันทางอากาศของประเทศขึ้นในเกาหลีใต้ ในขณะที่เกาหลีเหนือแสดงท่าทีคุกคามมากขึ้นด้วยการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธ และทดสอบยิงมิสไซล์มากครั้งที่สุดในประวัติศาสตร์เมื่อปีที่ผ่านมา   “การรุกล้ำเขตแดนของโดรนเปิดเผยให้เห็นความไม่พร้อมของเกาหลีใต้ในการตรวจจับ, ติดตาม และยิงทำลายโดรนขนาดเล็กเช่นนี้” ยอนฮัประบุ   เหตุการณ์ดังกล่าวยังทำให้ประธานาธิบดี ยูน ซุก-ยอล ขู่ระงับสนธิสัญญาทางทหารที่ทั้งสองฝ่ายทำไว้ในปี 2561 ซึ่งกำหนดให้หยุดพฤติกรรมเป็นปรปักษ์,…

ผู้นำเกาหลีใต้ขู่พร้อมยกเลิกสนธิสัญญาทางทหาร หากเกาหลีเหนือรั้นส่งโดรนป่วนน่านฟ้าอีก

Loading

  วันที่ 4 มกราคม ประธานาธิบดียุนซอกยอลแห่งเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เขาพร้อมพิจารณาระงับสนธิสัญญาทางทหารระหว่างสองเกาหลีที่จัดทำขึ้นเมื่อปี 2018 หากเกาหลีเหนือส่งโดรนรุกล้ำน่านฟ้าของเกาหลีใต้อีกครั้ง   คำกล่าวของยุนมีขึ้นหลังจากที่เขาได้ร่วมประชุมเพื่อกำหนดมาตรการตอบโต้ต่อเกาหลีเหนือ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือได้ส่งโดรนขนาดเล็กหลายลำรุกล้ำน่านฟ้าของเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปี ขณะที่ฝั่งเกาหลีใต้ได้ส่งโดรน 3 ลำเข้าไปในเกาหลีเหนือเพื่อเป็นการตอบโต้   คิมอึนเฮ เลขาธิการอาวุโสฝ่ายกิจการสื่อของยุน เปิดเผยว่า “ในระหว่างการประชุม ท่านประธานาธิบดีสั่งการให้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติพิจารณาระงับข้อตกลงทางทหาร หากเกาหลีเหนือยังดึงดันกระทำการยั่วยุด้วยการบุกรุกดินแดนของเราอีกครั้ง”   ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ และอดีตประธานาธิบดีมุนแจอินแห่งเกาหลีใต้ ได้ร่วมกันทำข้อตกลงฉบับหนึ่งขึ้นมา โดยเรียกร้องให้มีการยุติ ‘การกระทำที่เป็นปรปักษ์ทุกรูปแบบ’ รวมถึงจัดตั้งเขตห้ามบินตามแนวพรมแดน และร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดในเขตปลอดทหาร (Demilitarized Zone) แต่ถึงเช่นนั้นข้อตกลงดังกล่าวก็ไม่ถือเป็นสนธิสัญญาสันติภาพอย่างเป็นทางการ   การยกเลิกสนธิสัญญาทางทหารนี้อาจทำให้ทั้งสองประเทศส่งทหารกลับมาประจำการอีกครั้ง รวมถึงมีความเป็นไปได้ที่จะจัดการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงในเขตห้ามบิน และการส่งใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อข้ามพรมแดน ซึ่งล้วนเป็นกิจกรรมที่ทำให้ฝั่งเกาหลีเหนือโกรธเกรี้ยวอย่างมากจนมีการงัดใช้มาตรการตอบโต้หลายครั้งก่อนที่จะมีการทำข้อตกลงนี้   นักวิเคราะห์ระบุว่า แม้ความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีจะมีปัญหามายาวนานหลายทศวรรษ แต่สถานการณ์กลับยิ่งตึงเครียดมากขึ้น นับตั้งแต่ยุนเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเขาเป็นผู้นำที่ให้คำมั่นว่าจะใช้ไม้แข็งเพื่อจัดการกับการยั่วยุของเกาหลีเหนือ โดยในระหว่างการหาเสียงเมื่อปีที่แล้ว ยุนกล่าวว่าเกาหลีเหนือได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหลายครั้งจากการกระหน่ำทดสอบยิงขีปนาวุธ และเตือนว่าเขาพร้อมคว่ำข้อตกลงหากชนะการเลือกตั้ง และหลังจากที่ขึ้นครองตำแหน่งผู้นำประเทศแล้ว เขากล่าวว่าชะตากรรมของสนธิสัญญานี้ขึ้นอยู่กับความประพฤติของเกาหลีเหนือเอง    …

“คิมจองอึน” สั่งเร่งพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีป-ขยายคลังแสงนิวเคลียร์

Loading

  สื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือระบุว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือเรียกร้องให้พัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่และขยายคลังแสงนิวเคลียร์ เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามที่นำโดยสหรัฐฯ ท่ามกลางความตึงเครียดที่ปะทุระหว่างสองเกาหลี   ในการประชุมของพรรคแรงงาน คิมเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการรักษา “อำนาจทางทหารที่ครอบงำ” เพื่อปกป้องอำนาจอธิปไตยและความมั่นคง การประชุมมีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสองเกาหลี หลังโดรนของเกาหลีเหนือบินข้ามพรมแดนเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และการยิงขีปนาวุธหลายครั้งของเกาหลีเหนือ ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM)   คิมกล่าวหารัฐบาลสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ว่า พยายามโดดเดี่ยวและยับยั้งเกาหลีเหนือด้วยการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ที่ถูกนำไปใช้อย่างต่อเนื่องในเกาหลีใต้ โดยเรียกมันว่า “สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ”   สำนักข่าวเคซีเอ็นเอระบุว่า นายคิมให้คำมั่นว่าจะพัฒนาระบบขีปนาวุธข้ามทวีปอีกระบบหนึ่ง ซึ่งมีภารกิจหลักคือการโจมตีตอบโต้ด้วยนิวเคลียร์อย่างรวดเร็ว ภายใต้แผนการหนุนกองกำลังนิวเคลียร์ของประเทศ   แถลงการณ์ยังระบุว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกาหลีเหนือต้องใช้ความพยายามเป็นสองเท่าในการเสริมกำลังทหาร เพื่อตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวทางทหารที่น่ากังวลของสหรัฐฯ และกองกำลังศัตรูอื่น ๆ   คิมกล่าวว่า เกาหลีใต้กลายเป็น “ศัตรูที่ไม่อาจปฏิเสธของเรา” โดยเป็น “ศัตรูตัวฉกาจในการสร้างอาวุธที่อันตรายและไร้ความรอบคอบ” และการเคลื่อนไหวทางทหารที่ไม่เป็นมิตร   “มันเน้นย้ำถึงความสำคัญและความจำเป็นของการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีจำนวนมาก และเรียกร้องให้เพิ่มคลังแสงนิวเคลียร์ของประเทศแบบทวีคูณ” พร้อมเสริมว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็น “แนวทางหลัก” ของยุทธศาสตร์นิวเคลียร์และการป้องกันประเทศในปี 2566   เคซีเอ็นเอรายงานว่า ในส่วนหนึ่งของแผน เกาหลีเหนือจะเปิดตัวดาวเทียมทางการทหารดวงแรก “โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”…