ป่วนเกาหลีใต้! โพสต์ข้อความขู่วางระเบิด สนามบินเชจู ระดมกำลังรักษาความปลอดภัย

Loading

  สำนักข่าวยอนฮับ รายงานว่า หลังมีผู้โพสต์ข้อความทางอินเทอร์เน็ตขู่ที่จะวางระเบิดสนามบินนานาชาติเชจู   เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าตรวจค้นสนามบินและพยายามติดตามหาตัวบุคคลที่โพสต์ข้อความ ตำรวจกล่าวว่า ข้อความขู่วางระเบิดดังกล่าวถูกโพสต์ในชุมชนอินเทอร์เน็ต เมื่อเวลา 21.07 น. ของวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น โดยขู่จะก่อการร้ายโจมตีด้วยการวางระเบิดที่สนามบินนานาชาติเชจู ในเวลา 02.00 น. ของวันจันทร์ ผู้เขียนข้อความกล่าวว่า ได้วางระเบิดไว้ที่สนามบินเรียบร้อยแล้ว และยังขู่ที่จะใช้มีดแทงประชาชนที่ออกมาจากอาคารด้วย   หลังจากที่ตำรวจพบเห็นข้อความดังกล่าวแล้ว ก็ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สนามบินเพื่อตรวจค้นหาระเบิดเป็นเวลา 2 ชั่วโมง แต่ก็ไม่พบระเบิดใด ๆ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ตำรวจวางแผนการที่จะส่งตำรวจประจำการในสนามบิน และเพิ่มมาตรการควบคุมการเข้าออกสนามบินในวันนี้ เพื่อเตรียมการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังพยายามติดตามหาตัวผู้ที่เขียนข้อความขู่วางระเบิดในครั้งนี้ และประกาศจะลงโทษอย่างรุนแรงกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังในครั้งนี้   นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจค้นสนามบินนานาชาติกิมแฮ ในเมืองปูซาน เมืองท่าทางตะวันออกเฉียงใต้ และสนามบินนานาชาติแทกู ในเมืองแทกู ทางตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากมีข้อความโพสต์ทางอินเทอร์เน็ตขู่วางระเบิดสนามบินทั้งสองแห่งด้วย แต่ไม่พบสัญญาณของเหตุก่อการร้ายใด ๆ และได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่สนามบินทั้ง 2 แห่ง         ————————————————————————————————————————————————— ที่มา : …

เกาหลีใต้จ่อซ้อมอพยพปชช.ทั่วประเทศ เตรียมรับภัยคุกคามจากโสมแดง

Loading

  สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เกาหลีใต้เตรียมจัดการซ้อมอพยพพลเรือนทั่วประเทศขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีในเดือนนี้ เนื่องจากความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือเพิ่มสูงขึ้น พร้อมขอความร่วมมือประชาชนส่วนใหญ่จากทั้งหมด 51 ล้านคนในประเทศร่วมกันฝึกอพยพไปยังสถานพักพิงและพื้นที่หลบภัยใต้ดินในช่วงเวลา 20 นาทีของการซ้อม   แถลงการณ์ของกระทรวงมหาดไทยเกาหลีใต้ระบุว่า การซ้อมดังกล่าว ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันพุธที่ 23 ส.ค. เวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น จะมีการขอความร่วมมือผู้ขับขี่ทุกคนให้จอดรถไว้ริมถนนและบริเวณทางออกของสถานีรถไฟใต้ดิน ขณะที่ผู้โดยสารทุกท่านจะถูกขอให้อยู่ภายในสถานี   นายกรัฐมนตรีฮัน ด็อก-ซู ของเกาหลีใต้ระบุในการแถลงข่าวในสัปดาห์นี้ว่า “เราหวังจะเสริมแกร่งศักยภาพในการตอบโต้ของทั้งชาติผ่านการซ้อมครั้งนี้ ซึ่งสะท้อนถึงการยั่วยุต่าง ๆ จากเกาหลีเหนือ”   แถลงการณ์ระบุว่า การซ้อมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบความพร้อมของรัฐบาลในการตอบสนองต่อภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น รวมถึง “ภัยคุกคามจากขีปนาวุธนิวเคลียร์ขั้นสูง, การโจมตีทางไซเบอร์, การก่อการร้ายด้วยโดรน ฯลฯ” โดยนายฮัน ด็อก-ซูขอให้ชาวเกาหลีใต้ให้ความร่วมมือกับการฝึกซ้อมอย่างจริงจัง   คำสั่งจากกระทรวงมหาดไทยระบุว่า สถานพักพิง 17,000 แห่งจะเปิดให้บริการทั่วประเทศ และสามารถค้นหาตำแหน่งที่ตั้งได้ในแอปยอดนิยมต่าง ๆ ของเกาหลี   ทั้งนี้ เพื่อให้การหยุดชะงักในบริการหลักเกิดขึ้นน้อยที่สุด ทางกระทรวงฯ ระบุว่า สถานพยาบาล,…

หนุ่มเกาหลีใต้คลั่งขับรถพุ่งชน-ไล่แทงคน เจ็บ 14 ราย

Loading

  เกาหลีใต้เกิดเหตุสะเทือนขวัญ เมื่อจู่ ๆ ชายคนหนึ่งขับรถพุ่งชนฝูงชน ก่อนที่จะลงจากรถแล้วบุกเข้าไปยังห้างสรรพสินค้าและก่อเหตุใช้มีดไล่แทงคน ล่าสุดจากเหตุการณ์นี้พบผู้ได้รับบาดเจ็บแล้วอย่างน้อย 14 ราย ส่วนตำรวจกำลังสอบสวนคนร้ายเพื่อหาแรงจูงใจในการก่อเหตุ   เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเกาหลีใต้ เผยแพร่คลิปเมื่อวานนี้ (3 ส.ค.) เป็นภาพวินาทีคนร้ายสวมแว่นตากันแดด และเสื้อฮู้ดสีดำ ถืออาวุธมีดเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดเลื่อน   จากนั้นมีคลิปวิดีโอปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์อีกหนึ่งคลิป เป็นภาพของคนร้ายก่อเหตุไล่แทงคนโดยไม่เลือกเป้าหมาย จากนั้นคนที่เดินอยู่ต่างวิ่งหนีตายชุลมุน เหตุการณ์ที่เห็นอยู่นี้เกิดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดินในเมืองซองนัม ทางตอนใต้ของกรุงโซล และเป็นย่านที่มีคนพลุกพล่าน     รายงานข่าวระบุว่า คนร้าย ทราบนามสกุล คือ “ชเว” (Choi) เป็นชายอายุ 22 ปี ได้ก่อเหตุขับรถยนต์พุ่งเข้าใส่ฝูงชนด้านนอกห้างสรรพสินค้าดังกล่าวเมื่อช่วงเย็นวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนลงจากรถ พร้อมกับอาวุธมีดเดินเข้าไปยังห้างสรรพสินค้า ที่เชื่อมต่อสถานีรถไฟใต้ดินซอฮยอนและก่อเหตุไล่แทงคน   พยานผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุได้ยินเหมือนเสียงกรีดร้องมาจากชั้นหนึ่ง จากนั้นลูกค้าและพนักงานของร้านที่อยู่บริเวณชั้นสองของห้างก็กรูกันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านล่าง จากนั้นก็มีคนบอกว่า คนร้ายกำลังขึ้นมาขึ้นสอง ทุกคนเลยวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก และพากันซ่อนตัวตามจุดต่าง ๆ   ทั้งนี้มีรายงานว่า หลังจากตำรวจเกาหลีใต้ได้รับแจ้งเหตุ ก็รุดไปยังที่เกิดเหตุและสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ภายใน…

ยอดเสียชีวิตเหตุน้ำท่วมเกาหลีใต้เพิ่มเป็น 40 คน ประธานาธิบดีชี้ การรับมือภัยพิบัติล้มเหลว

Loading

  ยุนซอกยอล ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ กล่าวตำหนิถึงความล้มเหลวในการปฏิบัติตามแผนรับมือภัยพิบัติแห่งชาติของบรรดาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หลังประสบเหตุภาวะน้ำท่วมครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดชุงชองเหนือ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 40 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงไทย 1 คน ขณะที่ยังสูญหายอีก 9 คน และได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง   ทางการเกาหลีใต้คาดว่า จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมนี้จะยังคงเพิ่มสูงขึ้นอีกอย่างต่อเนื่องภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ โดยเจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัยเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและค้นหาร่างผู้เสียชีวิตที่อาจติดอยู่ภายใต้อุโมงค์หรือจมอยู่ใต้น้ำอย่างเต็มความสามารถ   เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดการตั้งคำถามถึงความพยายามในการป้องกันและการตอบสนองต่อภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นของรัฐบาลเกาหลีใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ผู้ขับขี่ยานพาหนะบางคนชี้ว่า ทางการเกาหลีใต้ไม่สามารถควบคุมการใช้รถใช้ถนนบริเวณอุโมงค์ทางลอดหรือเส้นทางที่คาดว่าจะมีความเสี่ยงในการเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้ จนนำไปสู่เหตุสูญเสียในท้ายที่สุด   ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากทริปเยือนต่างประเทศยอมรับว่า ภาวะน้ำท่วมในประเทศเลวร้ายลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการบริหารจัดการพื้นที่เสี่ยงไม่ดี โดยยุนซอกยอลระบุว่า เราได้เน้นย้ำหลายต่อหลายครั้งถึงความสำคัญในการเข้าถึงพื้นที่เสี่ยงภัย รวมถึงการเตรียมพร้อมที่จะอพยพหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่ถ้าหากหลักการขั้นพื้นฐานในการรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติไม่ได้รับการยึดถือหรือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ก็จะส่งผลต่อความปลอดภัยของสาธารณชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   เมื่อปี 2022 รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ให้คำมั่นที่จะดำเนินการเพื่อรับมือกับภัยพิบัติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศให้ดียิ่งขึ้น หลังเผชิญหน้ากับเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ เนื่องมาจากพายุฝนที่ตกลงมาอย่างหนักที่สุดในรอบ 115 ปี คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 14 คน และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง   นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในการบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤตของเกาหลีใต้ในปีนี้ แม้ในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาเกาหลีใต้จะเคยเผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่มาแล้วหลายต่อหลายครั้งก็ตาม   ด้านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ…

สังคมโลก : การทูตเรือดำน้ำ

Loading

แนวคิดที่เรียกว่า “การทูตเครื่องบินทิ้งระเบิด” ซึ่งสหรัฐใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ บี-52 กับ บี-1 ร่วมกับเครื่องบินขับไล่ พร้อมกับส่งข้อความเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับการป้องปราม ไปยังจีนและเกาหลีเหนือ หรือรัสเซีย ยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพันธมิตรของสหรัฐ   แม้การป้องปราม หรือการสร้างความมั่นใจ จะทำได้โดยใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด แต่ดูเหมือนตอนนี้ เรือดำน้ำนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นเรือดำน้ำติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีพลังงานนิวเคลียร์ (เอสเอสบีเอ็น) กำลังเข้าสู่ภารกิจเดียวกัน หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น “การทูตเรือดำน้ำ”   เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา สหรัฐกับเกาหลีใต้ร่วมลงนามในเอกสารฉบับใหม่ที่เรียกว่า “ปฏิญญาวอชิงตัน” ซึ่งสหรัฐให้คำมั่นที่จะยกระดับการมองเห็นทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์ในคาบสมุทรเกาหลีให้มากขึ้น ตลอดจนขยายและกระชับความร่วมมือระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น   นอกเหนือจากการตัดสินใจก่อตั้งหน่วยงานใหม่ระหว่างสองประเทศตามปฏิญญาวอชิงตัน ซึ่งเรียกว่า “กลไกความร่วมมือที่ปรึกษานิวเคลียร์” (เอ็นซีจี) แนวคิดของการส่งเอสเอสบีเอ็นไปเทียบท่าในเกาหลีใต้ ถูกมองว่าเป็นมาตรการสร้างความมั่นใจใหม่ที่รัฐบาลโซลได้รับจากสหรัฐ โดยแลกกับการที่เกาหลีใต้ต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (เอ็นพีที)   อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ใช่แนวคิดใหม่เสียทีเดียว เนื่องจากมันเคยปรากฏในรายงาน การทบทวนสถานการณ์นิวเคลียร์ (เอ็นพีอาร์) เมื่อเดือน ต.ค. 2565 ว่าสหรัฐจะทำงานร่วมกับพันธมิตรและหุ้นส่วน เพื่อหาโอกาสในการเพิ่มการมองเห็นของทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจอันแน่วแน่ของสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็น การเทียบท่าของเรือดำน้ำติดตั้งขีปนาวุธนำวิถี…

หยามกันเห็น ๆ ! กองทัพเกาหลีใต้เผยดาวเทียมสอดแนมโสมแดง ‘ไม่มีประโยชน์’ ในด้านการทหาร

Loading

    กองทัพเกาหลีใต้แถลงวันนี้ (5 ก.ค.) ว่าสามารถเก็บกู้ซาก “ดาวเทียมสอดแนม” ที่เกาหลีเหนือยิงล้มเหลวและตกลงสู่ทะเลเมื่อเดือน พ.ค.ได้แล้ว โดยเบื้องต้นพบว่ามันไม่สามารถใช้ประโยชน์ในด้านการทหารได้อย่างมีนัยสำคัญ   กองทัพเกาหลีใต้ได้ส่งทั้งเครื่องบิน เรือ และนักประดาน้ำออกไปเก็บกู้ชิ้นส่วนจรวดของเกาหลีเหนือ ภายหลังปฏิบัติการปล่อยดาวเทียมที่ล้มเหลวเมื่อวันที่ 31 พ.ค.   “จากการวิเคราะห์ชิ้นส่วนหลัก ๆ ของยานขนส่งอวกาศและดาวเทียมที่เราเก็บกู้ขึ้นมาได้ ผู้เชี่ยวชาญของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ประเมินว่า มันไม่มีประโยชน์ในด้านการสอดแนมทางทหารเลยแม้แต่นิดเดียว” กองทัพโสมขาวระบุ พร้อมประกาศยุติการค้นหาซากจรวดและดาวเทียมโสมแดงลงในวันนี้ (5)   ผู้เชี่ยวชาญของกองทัพเกาหลีใต้ยอมรับว่า นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาสามารถเข้าถึงดาวเทียมที่เกาหลีเหนือพยายามปล่อยสู่วงโคจรในอวกาศ   ลี ชุนกึน ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเกาหลีใต้ ระบุว่า จากการประเมินในเบื้องต้นพบว่าดาวเทียมโสมแดงมีศักยภาพในด้านของความแม่นยำและการติดตามเป้าหมายต่ำมาก   ยาง อุก นักวิจัยจากสถาบันนโยบายศึกษาอาซานในกรุงโซล ชี้ว่า “ความแม่นยำของอุปกรณ์ทัศนศาสตร์ที่ติดตั้งบนดาวเทียมดวงนี้ไม่เหมาะสำหรับใช้งานด้านการทหารเลย”   กองทัพเกาหลีใต้พยายามติดตามเส้นทางของจรวดเกาหลีเหนือ และไปพบซากชิ้นส่วนทรงกระบอกขนาดใหญ่ลอยอยู่ในทะเลเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่มันถูกปล่อยออกจากฐานยิง   ชิ้นส่วนดังกล่าวได้จมลงสู่ก้นทะเล และถูกเก็บกู้ขึ้นมาได้ในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา   รัฐบาลเกาหลีเหนือออกมาแถลงยอมรับตรง ๆ ว่าภารกิจส่งดาวเทียมไม่สำเร็จตามที่หวัง และถือเป็น…