ส่องแผนรัฐประหารเยอรมนี ใครอยู่เบื้องหลังความพยายามโค่นรัฐบาล?

Loading

    –   ตำรวจเยอรมนีออกปฏิบัติการครั้งใหญ่ สกัดแผนการก่อรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาล พร้อมจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการได้ 25 ราย ทั้งในและต่างประเทศ   –   สมาชิกส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ กลุ่มขวาจัดสุดโต่ง ‘ไรชส์บือเกอร์’ (Reichsbürger) ซึ่งปฏิเสธการดำรงอยู่ของเยอรมนียุคปัจจุบัน และต้องการย้อนกลับไปเป็นจักรวรรดิเยอรมันอีกครั้ง   –   ขณะที่ผู้ที่เป็นศูนย์กลางของแผนรัฐประหาร คือชายที่ชื่อว่า ไฮน์ริชที่ 13 จากตระกูลขุนนางเก่า ซึ่งครอบครัวของเขาระบุว่า มีอาการสับสนและหลงเชื่อในทฤษฎีสมคบคิด   ในวันพุธที่ผ่านมา (7 ธ.ค. 2565) เกิดข่าวที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก เมื่อเจ้าหน้าที่ของเยอรมนีมีปฏิบัติการจับกุมครั้งใหญ่ทั่วประเทศ รวบตัวผู้ต้องสงสัย 25 คน ไล่ตั้งแต่สมาชิกกลุ่มขวาจัดไปจนถึงอดีตเจ้าหน้าที่ของกองทัพ โดยระบุว่าคนกลุ่มนี้เป็นองค์กรก่อการร้ายสุดโต่ง ซึ่งกำลังวางแผนก่อรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาล   ตามการเปิดเผยของอัยการเยอรมนี คนกลุ่มนี้ตั้งใจจะโค่นล้มรัฐบาลสมัยใหม่ของประเทศด้วยการใช้ความรุนแรง แล้วแทนที่ด้วยรัฐในแบบของตัวเอง โดยพวกเขาวางโครงร่างรัฐบาล รวมทั้งเลือกตัวผู้ที่จะดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในคณะรัฐมนตรีในกรณีที่การก่อรัฐประหารสำเร็จเอาไว้หมดแล้ว   ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นศูนย์กลางของแผนรัฐประหารนี้คือเจ้าชายไฮน์ริชที่ 13 ซึ่งมาจากตระกูลขุนนางเก่า ผู้ที่ครอบครัวของเขาระบุว่า มีอาการสับสนและหลงเชื่อในทฤษฎีสมคบคิด กลุ่มผู้วางแผนมีความใกล้ชิดอย่างมากกับกลุ่มขวาจัดสุดโต่ง ‘ไรชส์บือเกอร์’…

เยอรมันลั่นเสริมแกร่งโครงสร้างพื้นฐานสำคัญรับมือภัยคุกคามจากรัสเซีย

Loading

  รัฐบาลเยอรมนีภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ เดินหน้าผลักดันความพยายามในการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญจากภัยคุกคามจากต่างประเทศ และยกระดับความสามารถในการรับมือกับวิกฤตของชาติ หลังการรุกรานยูเครนของรัสเซีย   คณะรัฐมนตรีของนายโชลซ์ได้อนุมัติเอกสารกลยุทธ์ ว่าด้วยการแก้ไขและยกระดับการป้องกันทางกายภาพของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในระดับรัฐบาลกลางเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.)   นางแนนซี เฟเซอร์ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเยอรมนีระบุในแถลงการณ์ว่า “นับตั้งแต่ที่รัสเซียเริ่มทำสงครามรุกรานยูเครน สถานการณ์ความมั่นคงในเยอรมนีก็ได้เปลี่ยนไป เราให้ความสำคัญกับภัยคุกคามปัจจุบันอย่างจริงจัง และบัดนี้เราได้เริ่มลงมือแล้ว”   สำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า รัฐบาลเยอรมนีเตรียมกำหนดพื้นที่ที่ต้องเสริมกำลังปกป้องกันเป็นพิเศษและกำหนดมาตรฐานบังคับที่ผู้ประกอบการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต้องปฏิบัติตาม ซึ่งมีแนวโน้มจะรวมถึงการทุ่มเม็ดเงินเพื่อเสริมการป้องกันเชิงกายภาพมากขึ้น เช่น การติดตั้งรั้วกั้น ตลอดจนการจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม   ด้านฝ่ายนิติบัญญัติของยุโรปมุ่งเน้นไปที่การเปิดเผยความจริงและการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ หลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นหลายครั้งในเดือนก.ย. ซึ่งส่งผลให้ท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 1 และ 2 ที่เชื่อมรัสเซียกับเยอรมนีได้รับความเสียหาย   ทั้งนี้ ความเสียหายดังกล่าวได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความเปราะบางของเครือข่ายพลังงานของยุโรป ซึ่งได้รับความสนใจมากขึ้นในเดือน ต.ค. จากเหตุการณ์สายสัญญาณวิทยุในเยอรมนีถูกตัด ทำให้บริการรถไฟต้องหยุดชะงักเป็นเวลาหลายชั่วโมง ขณะที่นอร์เวย์เริ่มตรวจพบการเคลื่อนไหวของโดรนที่ “สูงผิดปกติ” ใกล้กับจุดติดตั้งพลังงานนอกชายฝั่งหลายแห่ง       ——————————————————————————————————————————————————————— ที่มา :           …

ผู้ผลิตปืนชื่อดังโดนฟ้องหลังมีผู้ใช้หลายรายบาดเจ็บเพราะปืนลั่นเอง ทั้งที่ไม่มีการเหนี่ยวไก

Loading

  บริษัทผู้ผลิตอาวุธปืนชื่อดังจากเยอรมนีที่มีลูกค้าเป็นหน่วยงานราชการในหลายประเทศ ต้องขึ้นศาลในสหรัฐ หลังจากมีผู้รวมกลุ่มกันฟ้อง เนื่องจากพบข้อบกพร่องที่เป็นอันตรายถึงชีวิตในสินค้าบางรุ่น   เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2565 ศาลรัฐบาลกลางประจำรัฐนิวแฮมป์เชียร์ รับการยื่นฟ้องจากฝ่ายโจทก์ที่มีทั้งหมด 20 คน รวมตัวกันโดยอ้างว่าเป็นผู้ที่ได้รับความเสียหายจากปืนพกรุ่น P320 ซึ่งผลิตโดยบริษัท SIG Sauer เกิดลั่นกระสุนออกมาได้เองโดยไม่มีผู้เหนี่ยวไกปืน   โรเบิร์ต ซิมเมอร์มาน ตัวแทนของทีมทนายฝ่ายโจทก์ ออกแถลงการณ์ในวันที่ 1 ธ.ค. 2565 ระบุว่า ฝ่ายโจทก์ซึ่งมีทั้งหญิงและชาย ล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์ในการใช้ปืน ในกลุ่มของพวกเขามีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารผ่านศึก และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่มีสิทธิพกอาวุธ และผู้ใช้ปืนทั่วไปที่ผ่านการฝึกมาอย่างเข้มงวด ได้ให้ความเชื่อถือและไว้วางใจในอาวุธปืนของบริษัท SIG Sauer โดยไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่าสินค้ารุ่นนี้มีความบกพร่องที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตของผู้ใช้และคนที่อยู่รอบข้างได้ กล่าวคือมีโอกาสลั่นกระสุนออกจากกระบอกปืนได้เองโดยไม่ต้องมีการเหนี่ยวไก   บริษัท SIG Sauer ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตอาวุธสัญชาติเยอรมันรายใหญ่ที่จำหน่ายแก่กองกำลังทหารและตำรวจทั่วโลก ยังไม่มีแถลงการณ์ใด ๆ เพื่ออธิบายข้อกล่าวหาดังกล่าว   อย่างไรก็ตาม ตัวแทนของทาง SIG Sauer เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไว้ว่า ปืนพกของบริษัทได้รับการออกแบบให้ยิงได้ก็ต่อเมื่อมีการเหนี่ยวไกปืน…

เยอรมนีปลดหัวหน้าหน่วยความปลอดภัยไซเบอร์ สงสัยมีความสัมพันธ์กับรัสเซีย

Loading

  หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยไซเบอร์เยอรมนีถูกปลด หลังมีข้อสงสัยว่าเขาอาจมีความสัมพันธ์กับหน่วยข่าวกรองรัสเซีย   สื่อท้องถิ่นของเยอรมนีรายงานว่า เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.) ทางการเยอรมนีมีคำสั่งปลด อาร์เน เชินโบห์ม หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งสหพันธรัฐเยอรมนี (BSI) ออกจากตำแหน่ง หลังมีข้อสงสัยว่า เขามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับหน่วยข่าวกรองรัสเซีย   ขณะนี้กระทรวงมหาดไทยเยอรมนีกำลังสอบสวนในประเด็นดังกล่าว แต่เบื้องต้นได้มีคำสั่งให้เชินโบห์มพ้นจากตำแหน่งหน้าที่โดยทันที   แนนซี เฟเซอร์ โฆษกกระทรวงมหาดไทย ยืนยันว่า คำสั่งปลดเชินโบห์มมีผลทันที เนื่องจาก “ความเชื่อมั่นของประชาชน ต่อความเป็นกลางและความยุติธรรมของเชินโบห์มในฐานะหัวหน้าหน่วยงานความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่สำคัญที่สุดของเยอรมนี ได้รับความเสียหาย”   สำหรับตัวของเชินโบห์มเองนั้น เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยความปลอดภัยไซเบอร์ตั้งแต่ปี 2016 รับผิดชอบงานดูแลระบบความปลอดภัยด้านคอมพิวเตอร์และการสื่อสารของรัฐบาล   แต่เขาถูกแฉกลางรายการโทรทัศน์ของ ยาน โบห์เมอร์มานน์ ว่าก่อนหน้านี้เขาเคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบริษัทของรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรองรัสเซีย   ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ เชินโบห์มเคยเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง สภาความปลอดภัยไซเบอร์เยอรมนี มีสถานะเป็นสมาคมเอกชน ทำงานเกี่ยวกับการให้คำปรึกษาด้านความปลอดภัยไซเบอร์แต่ภาคธุรกิจและรัฐบาล   อย่างไรก็ตาม หนึ่งในสมาชิกของสมาคมคือบริษัท โปรเทเลียน (Protelion) หรือชื่อเดิมคืออินโฟเทคส์ (Infotecs) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทรัสเซียแห่งหนึ่งที่ก่อตั้งโดยอดีตสมาชิกสายลับโซเวียต (KGB) ที่เคยได้เหรียญรางวัลจากปูติน…

ตั้งข้อหาวัยรุ่นเยอรมนีวางแผน ‘ระเบิดโรงเรียน’

Loading

  อัยการเยอรมนีตั้งข้อหาวัยรุ่นชาย อายุ 17 ปี วางแผนระเบิดโรงเรียนเมื่อเดือนพ.ค. แต่ป้องกันเหตุได้ทันเมื่อเจ้าตัวถูกจับก่อนก่อเหตุหนึ่งวัน   สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานแถลงการณ์อัยการ ผู้ต้องสงสัยชื่อ นายเจเรมี อาร์ อายุ 16 ปี ขณะก่อเหตุได้แรงบันดาลใจจากฝ่ายขวาสุดโต่งวางแผนใช้ระเบิด และอาวุธหลายชนิดโจมตีโรงเรียนที่เขาเรียนอยู่ในเมืองเอสเซนในวันที่ 13 พ.ค. ซึ่งจะคร่าชีวิตครู และนักเรียนได้จำนวนมาก ผู้ต้องสงสัยได้วัตถุสำคัญเพื่อนำมาประกอบไปป์บอมบ์ และเรียนรู้วิธีการประกอบระเบิดจากอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้เขายังประกอบอาวุธจำพวกมีด สนับมือ มีดขนาดใหญ่ หน้าไม้ ธนู และปืนด้วย   อย่างไรก็ตาม ตำรวจเมืองเอสเซน บุกเข้าไปในห้องของเขาเมื่อคืนวันที่ 12 พ.ค.พบเนื้อหาต่อต้านยิว และอิสลาม และงานเขียนของตนเองที่ชี้ว่ามีปัญหาทางจิตอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่สืบสวน สอบสวนเผยในเวลานั้นว่า ได้เบาะแสจากวัยรุ่นอีกคนว่าเด็กหนุ่มคนนี้ “ต้องการวางระเบิดที่โรงเรียน” ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านราว 800 เมตร   การสังหารหมู่ในโรงเรียนไม่ค่อยเกิดขึ้นในเยอรมนี ประเทศที่มีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนเข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป แต่ระยะหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนไปทั้งประเทศ   ไม่กี่วันหลัง นายเจเรมี อาร์ถูกจับกุม มือปืนวัย 21…

หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์เยอรมนี แนะองค์กรเลี่ยงการใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสจากรัสเซีย

Loading

  หน่วยงานด้านไซเบอร์ของเยอรมนี ออกโรงแนะนำให้ผู้ใช้งานเลี่ยงการใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่มาจากรัสเซีย เพราะอาจถูกนำไปใช้โจมตีทางไซเบอร์ ภายใต้การจัดการของรัฐบาลรัสเซีย   เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Bundesamt für Sicherheit in der Informationstechnik (BSI) หรือหน่วยงานด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของประเทศเยอรมนี ออกประกาศแจ้งเตือนผู้ใช้งานและองค์กรต่างๆ ที่ใช้งานซอฟต์แวร์แอนตีไวรัสของแคสเปอร์สกี (Kaspersky) ให้เปลี่ยนไปใช้ซอฟต์แวร์ของบริษัทอื่นๆ   ทั้งนี้ หน่วยงานความมั่นคงทางไซเบอร์ของเยอรมนี ระบุว่า บริษัทที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในรัสเซีย อาจถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลรัสเซีย บังคับให้กระทำการแฮกระบบ หรืออาจถูกนำไปใช้เป็นตัวแทนในการเข้าไปโจมตีทางไซเบอร์อย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ดูแลระบบโครงสร้างพื้นฐาน   คำเตือนของหน่วยงานด้านไซเบอร์ของเยอรมนี เกิดขึ้นท่ามกลางการเข้าไปรุกรานยูเครนโดยรัสเซียที่รุนแรงมากขึ้น   ทางด้านแคสเปอร์สกี ออกมาปฏิเสธถึงการเชื่อมโยงดังกล่าว พร้อมกับระบุว่า แคสเปอร์สกีเป็นบริษัทเอกชน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับรัฐบาลรัสเซีย อีกทั้งพวกเขาบอกด้วยว่า คำเตือนของบีเอสไอ มีแรงจูงใจทางการเมืองมากกว่าด้านเทคโนโลยี   อย่างไรก็ดี แคสเปอร์สกี จะติดต่อไปยังบีเอสไอ เพื่อชี้แจงในเรื่องนี้เพิ่มเติม   นอกจากนี้ แคสเปอร์สกี้ กล่าวด้วยว่า โครงสร้างพื้นฐานในการประมวลผลข้อมูลของบริษัทย้ายไปตั้งอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์มาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว ขณะที่ ข้อมูลของผู้ใช้งานชาวเยอรมนี…